คุณยายพร้อมอ้าแขนรับดูแล ยุ้ย รจนา แต่ต้องตั้งใจทำมาหากิน เลิกเหล้า-ยาเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" ประจำจังหวัดอุบลราชธานี รายงานว่า หลังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจไปพบ "ยุ้ย" รจนา เพชรกัญหา อดีตซูเปอร์โมเดลระดับโลก กลายเป็นหญิงมีอาการทางประสาท เดินเร่ร่อนอยู่ในกรุงเทพฯ โดยไม่มีใครดูแล 

ล่าสุด นางทองดี กอแก้ว อายุ 70 ปี ปัจจุบันพักอยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 7 บ้านไผ่ ตำบลกลางใหญ่ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นยายที่เลี้ยงดูยุ้ยมาตั้งแต่ยังแบเบาะ หลังพ่อแม่ของยุ้ยแยกทางกัน เผยว่า เลี้ยงดูยุ้ย รจนา จนเรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 ที่โรงเรียนประจำหมู่บ้าน ซึ่งขณะนั้นยุ้ยยังไม่มีแววสามารถเป็นนางแบบระดับโลกมีค่าตัวมากถึงปีละกว่า 50 ล้านบาท เพราะมีรูปร่างผอมผิวดำ เหมือนเด็กตามชนบททั่วไป หลังจบการศึกษาอายุประมาณ 12 ปี มารดาก็มารับเข้าไปอยู่ด้วยที่กรุงเทพฯ โดยให้ทำงานช่วยที่ร้านเสริมสวยที่มารดาเป็นลูกจ้างอยู่ และเป็นเด็กล้างจานในร้านขายอาหารของคนรู้จักกัน กระทั่งต่อมาไม่นาน ก็ได้ข่าวว่าหลานสาวเข้าประกวดเป็นนางแบบ และมีชื่อเสียงโด่งดังจนได้รับการจ้างไปเดินแบบอยู่ในต่างประเทศ

นางทองดี เล่าต่อว่า ช่วงระยะเวลาที่ยุ้ยเป็นนางแบบโด่งดัง ไม่เคยได้พบกับหลานสาว และไม่ได้ติดต่อกลับมาหาเลย กระทั่งถึงช่วงที่ยุ้ยเริ่มตกต่ำ เพราะติดยาเสพติดและสุราอย่างหนัก ทำให้มีอาการหลอนทางประสาท แม่ของยุ้ยส่งตัวกลับมาพักอยู่กับยายอีกครั้ง พร้อมเข้ารับการรักษาอาการทางประสาทที่โรงพยาบาลพระศรีมหาโพธิ์ อ.เมืองอุบลราชธานี จนเริ่มมีอาการดีขึ้น ระหว่างนั้นมีเพื่อนของยุ้ยโทรศัพท์มาหา พร้อมระบุว่าหางานให้ทำได้แล้ว ยุ้ยจึงเดินทางกลับไปที่กรุงเทพฯ โดยก่อนกลับไปทำงานใหม่ยุ้ยสัญญาจะกลับตัว ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับสุราและยาเสพติดอีกเด็ดขาด จนเวลาล่วงเลยมาหลายปี จึงมาทราบว่ายุ้ยกลับมามีอาการทางประสาทอีก

นางทองดี กล่าวว่า ก่อนยุ้ยจะตกเป็นข่าวครั้งล่าสุดทราบว่านางแบบสาวโทรศัพท์ไปหาพี่ชายบอกจะขอไปพักอยู่ด้วย 2-3 วัน แล้วจะลงไปหามารดาที่บวชชีอยู่ที่ภาคใต้ แต่ยังไม่ทันได้เดินทางไปก็มีอาการทางประสาทกำเริบเสียก่อน

“ปัจจุบันยุ้ยเหมือนตัวคนเดียว เพราะเข้ากับใครไม่ได้ พี่ชายก็ไม่ชอบเพราะไปมีเรื่องกับพี่สะใภ้ ส่วนพ่อก็ไม่อยากมายุ่งเกี่ยว และแม่ก็ไปบวชชีอยู่ภาคใต้ หากยุ้ยรักษาตัวจนอาการหายดี ก็จะรับยุ้ยกับมาอยู่บ้านที่จังหวัดอุบลราชธานี” คุณยายอดีตซูเปอร์โมเดลโลก กล่าว

นางทองดี กล่าวด้วยว่า แม้ญาติๆบอกไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยว แต่ด้วยความผูกพันที่เคยเลี้ยงดูหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็ก ทำให้ตัดขาดไม่ได้ เมื่อยุ้ยไม่มีที่พึ่งตนก็ยินดีรับกลับมาอยู่บ้านโดยไม่คิดรังเกียจ ขอเพียงอย่างเดียวต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดหรือสุราอีก และตั้งใจทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองให้ได้ เพราะตนอายุมากแล้ว จะให้ทำงานอีกก็ไม่ไหว