พลอยนางรองมาแรง ไม่คิดไต่ตำแหน่งนางเอก

ก่อนเข้ามาทำงานในวงการ มองวงการบันเทิงอย่างไร

พลอย - "มองว่าเหมือนเป็นกลุ่มของอาชีพหนึ่งมากกว่าค่ะ ถามว่าดูน่ากลัวไหม ถ้าเราเป็นคนข้างนอกมองจากข่าวที่มีทั้งดีและไม่ดีบ้าง แต่ก็เข้าใจว่าทุกวงการทุกสาขาอาชีพมีทั้งดีและไม่ดีคละกันไป คิดว่าเป็นธรรมดาของสังคมค่ะ"
"และที่มาทำงานแสดงคุณพ่อคุณแม่ก็สนับสนุน รวมถึงพลอยคิดว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ได้เป็นนักแสดง ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสดีๆ ในชีวิตแบบนี้อีกเมื่อไหร่ เมื่อผู้ใหญ่ให้โอกาสก็ขอลองสักตั้ง คว้าโอกาสนี้ไว้ก่อนค่ะ"


มาวันนี้ ถือว่าเป็นนักแสดงหรือยัง

พลอย - "เป็นนักแสดงค่ะ พี่อ๊อฟสอนว่านักแสดงคือเรารับจ้างมาแสดงละคร พลอยชอบฟังพี่อ๊อฟสอน เขาจะคอยสอนทั้งเรื่องการแสดงและการใช้ชีวิต ทุกๆ อย่าง เขาจะรักนักแสดงเหมือนลูก ด้วยความรักก็เลยสอนและอธิบายเป็นขั้นเป็นตอนโดยไม่กลัวว่าเสียเวลา เหมือนเขาเข้าใจนักแสดงใหม่ด้วย โชคดีมากๆ ที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงและผู้กำกับฯ มือโปรอย่างพี่อ๊อฟ พี่อ๊อฟเป็นคนฟังความคิดเห็นของนักแสดง เราเสนออะไรไป เขาก็บอกว่าทำได้ จุดนี้ทำให้เรารู้สึกว่าเราได้เป็นนักแสดงอย่างแท้จริงค่ะ"

วางอนาคตให้ตัวเองอย่างไร

พลอย - "ตอนนี้โฟกัสไปกับสิ่งที่ได้รับมอบหมายที่จับต้องได้จริงๆ ก็ต้องทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุดคือ ละคร "เวียงร้อยดาว" รวมถึงงานต่างๆ ที่ได้รับมอบหมายจากผู้ใหญ"

"พลอยว่าอนาคตไม่สำคัญเท่าปัจจุบันที่กำลังทำอยู่ ต้องทำสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ให้ดีที่สุดและต้องรักษาไว้ให้ได้เหมือนที่พี่อ๊อฟคอยสอนค่ะ"


ลูกคนกลาง

เพราะเป็นลูกคนกลาง หรือ Wednesday Child ทำให้นักแสดงสาว "พลอย-ภัทรากร" น้อยใจที่พ่อแม่รักพี่และน้องมากกว่าตัว แต่นั่นคือความคิดเมื่อเด็กๆ แต่โตมาความคิดนั้นก็ค่อยๆ หายไป

"พลอยเคยน้อยใจบ้างตอนเด็กๆ คือพี่เราได้ของ เราก็คิดว่าทำไมเราไม่ได้ และน้องก็ดันเป็นผู้ชายแถมยังห่างกันตั้ง 6 ปีอีก จะใช้ของตกทอดเราไม่ได้ ก็ต้องซื้อใหม่ ตอนเด็กๆ อาจยังคิดไม่ได้ มีแต่คิดว่าทำไมๆ คนนั้นได้แต่เราไม่ได้ แต่พอกลับไปคิดก็รู้เลยว่าพ่อแม่รักลูกเท่ากัน"

พลอยเล่าชีวิตครอบครัวให้ฟังว่า "คุณพ่อทำกิจการ ขายวัสดุก่อสร้าง อยู่ที่เชียงใหม่ มีสวนลำไย และเป็นอาจารย์พิเศษสอนที่ม.ราชภัฏเชียงใหม่ แต่ตอนนี้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวพลอยแล้ว ส่วนคุณแม่ช่วยคุณพ่อขายวัสดุก่อสร้างค่ะ"

"พลอยเป็นคนเชียง ใหม่ตั้งแต่เกิด ชีวิตวัยเด็กเรียบง่าย บ้านพลอยเป็นครอบครัวใหญ่เป็นครอบ ครัวคนจีน เอาเข้าจริงพลอยมีเชื้อจีน 80% เลย แต่คนมักคิดว่าเป็นคนไทย เพราะหน้าจะออกไปทางคุณยาย คุณยายเป็นคนเชียงใหม่ ทางบ้านคุณยายจะสวย น้องสาวคุณยายเคยได้ตำแหน่งนางสาวเชียงใหม่ด้วยค่ะ"

ถามว่าตอนเรียนมีแววเป็นนักแสดงไหม เจ้าตัวว่า "ไม่มีแววเลยค่ะ เพราะทางบ้านไม่ให้ทำกิจกรรม เขาให้เน้นเรื่องเรียน ตารางของพลอยคือเลิกเรียนประจำวันแล้วก็เรียนพิเศษต่อ ตอนอยู่มหาวิทยาลัยแววการเป็นนักแสดงก็ยังไม่มา แต่ตอนปี 2 มีอยู่ครั้งที่รุ่นพี่ให้ไปช่วยถือป้ายคณะตอนงานกีฬาสี พลอยกับวงการบันเทิงจะห่างกันมาก ไม่คิดว่าจะได้เข้ามา เพราะตอนเด็กๆ หน้าตาดูไม่ได้ ฟันเหยิน หุบปากไม่ลง (หัวเราะ) เพิ่งมาดัดฟันตอนม.3"

เริ่มก้าวเท้าเข้าวงการช่วงไหน "เริ่มแหย่ขาเข้ามาในวงการบันเทิงตอนประกวดนางงามที่เชียงใหม่กับลำพูน แต่ก็ประกวดเวทีเล็กๆ ตอนนั้นอยู่ปี 2 คุณพ่อมาบอกว่ามีประกวดสนใจไหม ซึ่งพลอยก็งงนะ เพราะตอนเด็กๆ จะกีดกันเรื่องพวกนี้ตลอด เวทีแรกคือธิดาขี่รถถีบกางร่มเชียงใหม่ ได้ที่ 5 ได้เงิน 2,000 บาท แค่นี้ก็แฮปปี้แล้วค่ะ"

จากเวทีเล็กๆ ใครจะรู้ว่าวันหนึ่งจะก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ ซึ่งเป็นเวทีแห่งโลกมายา 

ไม่เชื่อรักแรกพบ ปฏิเสธหนุ่มอายุน้อยกว่า

"พลอยคิดว่าทุกคนอินกับบทชัชวีร์กับจันทามาก เพราะเหมือนทุกคนรับในสิ่งที่เราสองคนส่งไปให้ได้ ก็เลยชอบคู่นี้ ดูแล้วฟิน" สาว "พลอย-ภัทรากร" หัวเราะถึงเรื่องที่ถูกจับคู่ให้เป็นแฟนกับหนุ่ม "ท็อป"จรณ โสรัตน์ นักแสดงที่เล่นละคร "คุณชายรัชชานนท์" ด้วยกัน

"วันก่อนเจอพี่ท็อปก็จับมือกับเขาด้วยความดีใจ และบอกว่าเราทำสำเร็จแล้วที่เราเล่นและสื่อสารให้คนดูที่ดูเราผ่านจอแล้วรู้สึกว่าเรารักกันจริงๆ ถือว่าเราแสดงออกไปแล้วคนรู้สึกอินตาม"

อย่างนี้เวลาที่เล่นละครหรือร่วมงานกับใครต้องระวังตัวไหม เพราะจะเป็นข่าวชู้สาวได้ง่าย พลอยปฏิเสธ "ไม่ระวังค่ะเพราะเราบริสุทธิ์ใจ เวลาเราทำงาน ก็เป็นเพื่อนร่วมงานหรือพี่ที่ทำงานร่วมกันค่ะ เวลาคุยก็คุยเรื่องงาน ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัวเราไม่กล้าเข้าไปยุ่งอะไรมากมายค่ะ"

ตอนนี้เรียนจบแล้ว คิดถึงเรื่องความรักหรือยัง "มันเหมือนคนละช่วงค่ะ ช่วงที่เรียนก็มุ่งกับการเรียนเต็มที่ พอเรียนจบปุ๊บทุกคนก็คิดว่าคิดถึงเรื่องความรักได้ แต่ตรงนี้เราต้องมาโฟกัสเรื่องงานก่อน เรียนจบต้องวางพื้นฐานชีวิตว่าต้องใช้ชีวิตอย่างไรต่อไป ตอนนี้ชีวิตการทำงานกำลังสร้างพื้นฐานอยู่เลยไม่ค่อยโฟกัสเรื่องความรักเท่าไหร่ อยากทำงานอย่างเดียวค่ะ"

แล้ว "ท็อป" นี่ใช่สเป๊กไหม ดาราสาวยิ้มก่อนตอบ "พี่ท็อปเป็นผู้ชายใจดี อบอุ่นมาก เหมือนเป็นพี่ชาย พลอยว่าผู้หญิงทุกคนต้องชอบผู้ชายแบบพี่ท็อป คือสุภาพ ใจดี พี่ท็อปเป็นสเป๊กของผู้หญิงหลายๆ คน เรียนเก่ง ใจดี ไม่พูดมาก ตัวพลอยก็ไม่ชอบผู้ชายพูดมากค่ะ"

"พลอยเป็นคนชอบอยู่เงียบๆ คนเดียวในมุมส่วนตัวบ้าง พลอยมีโลกส่วนตัว คนที่เข้ามาต้องเข้า ใจในจุดนี้ แต่ถ้าได้คนที่เงียบสนิทเลยก็ไม่ไหวนะ มันจะกดดันและอึมครึม พลอยไม่ชอบคนตามจิก ไม่ชอบคนที่ชอบแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ"

รูปร่าง หน้าตา และฐานะมีผลกับการพิจารณาไหม "มีผลไม่มากค่ะ 50-50 ขอนิสัยเข้ากันได้ พูดกันรู้เรื่อง เข้าใจกัน พลอยไม่ชอบคนอายุน้อยกว่า แม้คนที่อายุน้อยกว่าแต่มีความเป็นผู้ใหญ่กว่าเรา พลอยก็ยังไม่โอเคอยู่ดี ไม่รู้สิ ถ้าคิดว่าเขาเป็นเด็กก็คือเด็ก อายุน้อยกว่าก็คือน้อง พอเห็นเขาเป็นน้องก็ไม่คิดจะพัฒนาความสัมพันธ์ อายุต้องมากกว่าเราหรือเท่ากันค่ะ และคนที่จะมาเป็นแฟนต้องเข้ากับทุกคนในบ้านได้ ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า พี่สาว และน้องชาย ต้องผ่านด่าน 5 ด่านนี้ให้ได้ (หัวเราะ)"

"พลอยเป็นคนจริงจังเรื่องความรัก คนที่เข้ามาก็ต้องจริงจังด้วย ไม่ใช่ประเภทหมาหยอกไก่ ผู้หญิงทุกคนอยากเจอความรักที่จริงใจและไม่อยากถูกหลอกค่ะ"

พร้อมเปิดใจกับความรักหรือมีแฟนเมื่อไหร่ "เรื่องแบบนี้ไม่รู้หรอกค่ะ ต้องแล้วแต่เทวดาเบื้องบน พลอยเชื่อในเรื่องเนื้อคู่ แต่ในเรื่องรักแรกพบไม่เชื่อนะ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่เจอกันครั้งแรกจะรักกันเลย เราต้องรู้จักและศึกษานิสัยกันก่อน"

"สำหรับพลอยคิดว่าเจอปุ๊บรักเลยไม่มีหรอก มีแต่ยิ่งอยู่ไปแล้วยิ่งรักกัน ตรงนี้เราเชื่อมากกว่าค่ะ" พลอยกล่าว