บอมบ์-แต้วเข้าเส้นชัย ผ่านบททดสอบตรงใจคนดู

ในฐานะพระเอกใหม่ บอมบ์ช่วยแนะนำตัวหน่อย

บอมบ์ - "ผมเกิดวันที่ 3 เม.ย. 2533 เป็นคนจ.ชลบุรี คุณพ่อชื่อนายแพทย์ธเนศ ส่วนคุณแม่ชื่อปฏิพัชร มนูญศิลป์ ผมมีพี่ชายและน้องชาย ห่างคนละ 2 ปี ผมเรียนอนุบาลถึงชั้นป.6 ที่ร.ร.อนุบาลชลบุรี มาต่อ ม.1-ม.3 ที่ร.ร. อัสสัมชัญศรีราชา ม.4-ม.6 ที่ร.ร.สาธิตพิบูลบำเพ็ญ ม.บูรพา ปัจจุบันเรียนอยู่ที่เอแบค คณะบริหารการตลาด ปี 4 ครับ"


เข้าวงการมาได้อย่างไร

บอมบ์ - "เดินๆ อยู่แล้วไปเจอพี่คนนึงชวนให้มาแคสต์โฆษณาเลยลองไปทำ ผลงานชิ้นแรกเป็นโฆษณาช้าง ไอคอนนิค ออนแอร์ปี 2010 จากนั้นก็มีโฆษณาเอไอเอส และเล่นรับเชิญละคร 2 เรื่อง 'ลิขิตเสน่หา' กับ 'หนุ่มบ้านไร่กับหวานใจไฮโซ' จนกระทั่งมาแคสติ้งเรื่อง 'สุภาพบุรุษจุฑาเทพ' ซึ่งตอนนั้นตื่นเต้นและกดดันมากเพราะเป็นละครฟอร์มใหญ่ ผมเองก็ยังใหม่ แต่ก็คิดว่าทำให้ดีที่สุด"


"พอได้เป็นหนึ่งในสุภาพบุรุษจุฑาเทพ ดีใจมาก แต่ดีใจได้แป๊บนึงก็นั่งถามตัวเองว่าเราดีใจกับอะไร ดีใจที่แคสติ้งได้เหรอ จริงๆ การแคสติ้งได้เหมือนว่าเราถูกคัดเลือกเข้าสู่การแข่งขัน นี่คือจุดเริ่มต้น ถ้าจะให้ดีใจจริงๆ ต้องดูที่เส้นชัยว่าดีแค่ไหน นั่นคือสิ่งที่ผมคิด"


"ก่อนเข้าวงการบอกตรงๆ ว่าตัวเองไม่ดูละคร เพราะคุณพ่อไม่ชอบให้ดู ก่อนเข้าวงการเลยไม่รู้จักดาราเลย จะแค่เล่นกีฬา เล่นดนตรี ถ้าถามว่ามองวงการอย่างไร ผมมองเป็นศาสตร์การทำงานอย่างหนึ่งที่ดี ไม่ได้วาดภาพวงการนี้ไว้เยอะเพราะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวงการเลย แต่พอได้เข้ามาทำจริงๆ มุมมองต่างๆ เปลี่ยนไป เพราะมีรายละเอียดมากกว่าที่คิดไว้แต่แรก"


ได้เป็นพระเอกแล้ว ที่บ้านว่าอย่างไร


บอมบ์ - "ที่บ้านจะมีคุณป้าที่เห่อเยอะ (ยิ้ม) ติดตามไปทุกงานที่ผมอัดรายการ คุณแม่มีบ้าง ส่วนคุณพ่อไม่ได้เห่อ แต่เพื่อนๆ คุณพ่อจะเห่อเยอะกว่า อย่างคุณพ่อเป็นหมอ เวลาเข้าประชุมก็จะมีประชุมตามวาระ สักพักก็มีเพื่อนๆ คุณพ่อบอกว่ามีอีกวาระนึงอยากจะถาม คือ ตอนนี้ลูกถ่ายละครเป็นยังไงบ้าง เริ่มผิดวาระเป็นคนละเรื่องแล้ว (หัวเราะ) เลยทำให้ชีวิตคุณพ่อเปลี่ยนไป คลินิกที่ จ.ชลบุรี คนก็เยอะขึ้น พ่อบอกหลังๆ คนไข้เข้ามา ไม่ได้มาเพราะป่วย แต่เข้ามาถามว่าพี่บอมบ์อยู่ไหม (หัวเราะ)"

'แต้ว' ล่ะ รู้สึกอย่างไรที่ได้รับเลือกให้เล่น เรื่องนี้

แต้ว - "กดดันค่ะ ตอนแรกที่ดูบทว่าต้องเล่นเป็น 'สร้อยฟ้า' ยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ก็เริ่มจากหานิยายมาอ่าน พออ่านแล้วตกใจมากเพราะในเรื่องต้องเป็นคนอีสาน และต้องพูดอีสานด้วย ก็คิดว่าจะได้ไหมเพราะค่อนข้างยาก เป็นเรื่องแรกที่พูดภาษาอีสานทั้งเรื่อง"


อย่างนี้มีเทคนิคพูดอีสานยังไง

แต้ว - "เทคนิคไม่มีอะไร ก็พยายามหาคนที่เป็นอีสาน พอดีคุณแม่มีเพื่อนเป็นคนอีสานเลยขอติดต่อดู เพราะถ้าเราเอาบทละครไปให้คนที่เราไว้ใจไม่ได้ก็อาจจะหลุดรอดไปก่อนละครจะออกอากาศหรือเปล่า เลยพยายามหาคนสนิทและได้เพื่อนคุณแม่ที่เป็นคนอีสานพอดี ซึ่งเขาก็ยินดีเต็มใจช่วย ก็ส่งบทให้เขาอ่านเป็นสำเนียงภาษาอีสานแล้วใส่ไฟล์มา และแต้วก็ฟัง พูดตามบทไปเรื่อยๆ ฝึกก่อนเปิดกล้อง 2-3 อาทิตย์ ไม่มีเวลาไปเรียนเพื่อที่จะสามารถพูดได้เลย เลยต้องใช้วิธีเลียนเสียง เหมือนการร้องเพลง อย่างเพลงที่เราไม่รู้ความหมาย อย่างเพลงเกาหลีเรายังร้องกันได้"


ทำวิธีนี้แล้วได้ผลไหม

แต้ว - "ได้ผลนะ เพราะมันจะเริ่มจากฟังและหัดพูดทีละพยางค์ บางทีพูดติดๆ กันจะมีเพี้ยน ตอนแรกที่หัดพูดจะช้ามาก ด้วยเสียงที่ต่างจากภาษากลาง เพราะอีสานจะพูดเสียงต่ำๆ ต้องปรับเยอะมาก แต่พอมีคำเชื่อมที่ใช้ซ้ำๆ บ่อยๆ ก็ไม่ได้ช้าเหมือนตอนแรก แต่ยอมรับว่าเครียดจริงๆ เพราะแค่จำไดอะล็อกก็ยาวแล้ว แต่นี่เราต้องจำทั้งสำเนียงและไดอะล็อกด้วย"

'คุณชายรัชชานนท์' และ 'สร้อยฟ้า' บุคลิกเป็นอย่างไรบ้าง

บอมบ์ - "'คุณชายรัชชานนท์' เป็นคนสดใส เป็นคู่หูกับ 'คุณชายรณพีร์' อย่างเวลาที่ 5 คุณชายปรึกษาอะไรกันเครียดๆ ผมจะมีหน้าที่บิลด์อารมณ์ทำให้บรรยากาศดีขึ้น"

แต้ว - "ส่วนตัวสร้อยฟ้าเป็นคนจริงใจ เป็นคนที่ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งอะไรจากสังคมเมือง เกิดมามีแต่ป่าแต่เขา ทุกอย่าง ทำด้วยความจริงใจ และมุ่งมั่นจะรักชาติ ชีวิตจะมีแต่ชาติ พ่อ ทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด ตอนแรกที่แต้วทำการบ้าน ไม่ได้มองว่าตัวนี้ต้องทโมน แต่ด้วยสถานการณ์บังคับของคนที่อยู่ในป่า การเอาตัวรอด ก็ต้องเรียนวิชาป้องกันตัว ทุกอย่างต้องคล่องแคล่ว"

"เวลาแสดงต้องปรับตัวเองเยอะ อย่างช่วงแรกเรียนแอ๊กติ้ง 'อาโย' (ทัศน์วรรณ) มาบรีฟก็ช่วยได้เยอะ เพราะตอนแรกนึกไม่ออก แต่อาโยก็สอนว่าจากที่ดูอินเนอร์ต้องเป็นเด็กผู้ชายเลย เลยยึดตรงนี้เอา"


ตัว 'สร้อยฟ้า' กับ 'คุณชายรัชชานนท์' เหมือนหรือต่างกับตัวจริงของ 'แต้ว' กับ 'บอมบ์' อย่างไร

แต้ว - "ถามว่ามีอะไรคล้ายไหม ก็น่าจะเป็นความไม่มีฟอร์ม เพราะแต้วเป็นคนไม่มีมาด ไม่มีฟอร์ม แต่ไม่ถึงขนาดสร้อยฟ้า ที่คิดอะไรก็พูด มุทะลุ"

บอมบ์ - "ส่วนผมก็มีทั้งเหมือนและแตกต่างกับตัวจริงของผม ส่วนที่เหมือนน่าจะเป็นการที่เจ๊าะแจ๊ะกับนางเอก จะไปแหย่เขาตลอด ซึ่งตรงนี้จะคล้ายผมที่เป็นคนขี้เล่น แต่ส่วนที่ไม่เหมือน อย่างแรก คำนำหน้าชื่อ หม่อมราชวงศ์ เชื้อเจ้าด้วย และด้วยคำนี้มันแบกอะไรบางอย่างไว้ที่เรามองไม่เห็น ทุกคนจะต้องมองว่าคุณชายต้องเป็นคนที่สง่า ไหล่ตรง"


แสดงเรื่องนี้มีอะไรหนักใจไหม

บอมบ์ - "ผมไม่รู้ว่าทุกคนจะชอบที่ผมเล่นหรือเปล่า ผมเล่นออกมาก็หวังให้ทุกคนชอบ ให้เหมือนกับที่ทุกคนคาดหวังไว้ หลายคนอาจจะวาดภาพ 'คุณชายรัชชานนท์' ไว้ไม่เหมือนกัน อยากให้ออก มาแมตช์และโอเคกับที่ทุกคนคิดมากที่สุด รู้สึกกังวล เพราะ 3 เรื่องที่ผ่านมาคนชมเยอะ ถ้ามาถึงเราแล้วไม่ดีเราก็เสียใจ เราทำงานทุกวันๆ ก็ตั้งใจเต็มที่ครับ"

แต้ว - "ในส่วนการทำงานที่นอกจากภาษาที่ยากแล้ว น่าจะเป็นเรื่องท่าทางการต่อสู้ เพราะแต้วเป็นคนไม่ได้ออกกำลังกาย และด้วยนิสัยเรื่อยๆ เฉื่อยๆ ชิลชิล ซึ่งผิดกับตัวสร้อยฟ้ามาก ก็ถามพี่อ๊อฟเยอะพี่อ๊อฟก็บอกมันต้องมาจากข้างในเยอะๆ แล้วทุกอย่างก็จะโอเค"

ได้มาร่วมงานกันแล้วเป็นอย่างไร

บอมบ์ - "ผมเคยดูผลงานของพี่แต้วมาหลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่ ดงผู้ดี, ภูผาแพรไหม พี่แต้วเก่ง น่ารัก เป็นคนที่ทำอะไรก็น่ารักไปหมด จริงๆ ทำงานกับพี่แต้วไม่กดดันด้วย เพราะเขาจะคอยให้กำลังใจเสมอไม่ว่าเราจะทำพลาด เขาก็จะบอกว่าไม่เป็นไรนะ ค่อยๆ นะ ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น จากตอนแรกที่กดดันก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นและก็เล่นได้ดีมากขึ้นด้วย อย่างตอนนี้ก็ยังเกร็งอยู่แต่เพราะเราคาดหวังว่าต้องเล่นออกมาให้ดีเลยทำให้เราเกร็ง พี่อ๊อฟยังบอกว่าด้วยตัวบอมบ์ที่ตั้งใจ เรื่องตั้งใจน่ะตั้งใจได้ แต่การที่ตั้งใจมากเกินไปมันจะกลายเป็นเกร็ง"

แต้ว - "สำหรับแต้วตอนเห็นบอมบ์ครั้งแรกตกใจมาก เพราะตัวสูงมาก แล้วเราตัวเล็ก แต่พอเริ่มคุยเริ่มสนิทเขาเป็นคนน่ารักดี ตั้งใจทำงาน พอได้มาเข้าฉากกันจริงๆ แล้ว เขาอาจมีปัญหาเรื่องการพูดที่เป็นปัญหาของนักแสดงที่เล่นเรื่องแรก แต่เขามีสายตาเป็นตัว 'รัชชานนท์' จริงๆ ค่ะ"


ในฐานะที่แต้วผ่านงานมาเยอะมีแนะนำอะไร 'บอมบ์' ไหม


แต้ว - "ไม่ได้แนะนำหรือสอนอะไร ส่วนใหญ่จะให้กำลังใจมากกว่า เพราะแต้วจะปล่อยหน้าที่นี้ให้ผู้ใหญ่มากกว่า แต้วยังประสบการณ์ไม่เยอะ เราก็ให้กำลังใจเขา บอกให้ใจเย็นๆ"


อย่างฉากกุ๊กกิ๊กกันมีเขินกันหรือเปล่า

แต้ว - "ไม่ขนาดนั้น มันเหมือนค่อยๆ มากขึ้นด้วยมั้ง ฉากสวีตจะน้อยมาก เพราะสุดท้ายจะจบลงด้วยโดนเตะ โดนถีบมากกว่า"

ละครออกอากาศ ฟีดแบ็กเป็นอย่างไร

แต้ว - "มีคนมาพูดมาชมว่าชอบตัวละครนะ เพราะอย่างตอนแรกที่แต้วท่องบทที่บ้าน พี่สาวก็จะแซวว่าพูดอะไร เพราะเขาไม่คุ้นที่เราพูดอีสาน เรายังรู้สึกว่าเราทำเต็มที่แล้ว ขนาดพี่ยังรู้สึกว่ามันแปลกเลย แต้วเชื่อว่านักแสดงเล่นละครทุกคนก็อยากให้คนดูชอบ แล้วพอละครออกอากาศมา แต้วรู้สึกแค่ว่าคนอีสานไม่แอนตี้เรา ขอแค่คนชมว่าเราพูดอีสานโอเค แค่นี้ก็ดีใจมาก เพราะตอนแรกแอบกังวลเรื่องนี้อยู่"

บอมบ์ - "ส่วนผมที่ได้ยินมาฟีดแบ็กดีครับ หลายคนถูกใจคาแร็กเตอร์ตรงที่เหมือนในนิยาย รวมถึงนักแสดงคนอื่นๆ ก็ได้รับคำชมเหมือนกัน ก็ดีใจครับ ตอนแรกที่ดูผมเกร็งมาก แต่พอรู้ว่าทุกคนชอบก็รู้สึกผ่อนคลายลง (ยิ้ม) หายเหนื่อยเลย ส่วนใหญ่แฟนๆ บอกว่าผมเป็นคุณชายบันนี่ เพราะจะมีอยู่ฉากนึงที่เราไปล้อนางเอกว่าเป็นกระต่าย ก็รู้สึกดีที่คนดูดูแล้วอิน เท่าที่ออนแอร์มาผมก็พอใจและประทับใจ"


รู้สึกอย่างไรที่มีคนเอาเราไปเปรียบเทียบกับ 'เจมส์-จิรายุ' ด้วย

บอมบ์ - "สำหรับเราไม่เคยคิดไปแข่งหรือเปรียบเทียบกับใคร เพราะตั้งแต่เริ่มถ่ายทำ เราได้เข้ามาเรียนเวิร์กช็อปด้วยกัน บางทีก็นัดกันไปกินข้าว เรื่องของน้องหรือเรื่องของใครคือทุกคนช่วยกันดัน ไม่ใช่เปรียบเทียบหรืออะไร จุฑาเทพทุกคนเป็นพี่น้องกัน ไม่มีใครดีหรือเด่นกว่าใคร เราจะไม่เปรียบเทียบกันครับ"

หัวใจเป็นยังไงบ้างตอนนี้

บอมบ์ - "ตอนนี้เต็มไปด้วยแฟนคลับครับ (หัวเราะ) เพราะช่วงนี้งานเยอะ เลยไม่มีเวลาไปศึกษาใคร ไม่มีอะไรนอกจากงานเลยจริงๆ"

แต้ว - "ของแต้ว ความรักกับพี่เขา (ต้น- อาชว์) ยังปกติดีค่ะ 8 ปีที่คบมาก็ดี ส่วนเรื่องปลายทางไม่รู้จริงๆ มันเป็นเรื่องอนาคตค่ะ"