กำลังเป็นน้องใหม่ที่น่าจับตามองจากบท หม่อมเจ้าหญิงวรรณรสา อรุณรัศมิ์ หรือ หญิงแต้ว ในละคร “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” ตอน “คุณชายปวรรุจ” ทำเอานางเอกน้องใหม่ มิว-นิษฐา จิรยั่งยืน กลายเป็นคนที่แฟน ๆ อยากรู้จักตัวมากขึ้นกว่าเดิม แถมบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยหวานละม้ายคล้ายนางเอกรุ่นพี่ แอฟ-ทักษอร เตชะณรงค์ งานนี้ “ดาวต่างมุม” เลยรีบนัดคิวสาวมิวมานั่งคุยสบายถึงชีวิตปัจจุบันและจุดเริ่มต้นในวงการบันเทิงเอาใจแฟนคลับทันที
จุดเริ่มต้นเข้าวงการมาได้ยังไง?
“ก็มีโมเดลลิ่งของเพื่อนติดต่อเล่นโฆษณาตัวหนึ่ง เป็นแบบไม่ต้องแคส เป็นซัพพอร์ตเมนค่ะ แล้วก็มาเล่นเอ็มวีเพลงที่ทำให้คนจำเราได้บ้าง พอเล่นเสร็จคุณพ่อกลับบอกมิวว่าไม่อยากให้มาเล่นหรือทำงานในวงการค่ะ เราเองก็ไม่คิดว่าจะได้มาถ่ายอะไรอีกแล้ว จากนั้นก็ได้งานประมาณ 5-6 ชิ้น แล้วช่องเห็นก็เลยให้มาแคสเข้าช่องค่ะ ตอนแรกไม่ได้อยากเข้ามา เราจะเฉย ๆ เพราะเราไม่ได้มาทางสายนี้อยู่แล้ว เราเป็นคนขี้อายเหมือนกัน แต่พอผู้ใหญ่ทางช่อง 3 เห็นก็เรียกมาแคสติ้ง แต่ยังไม่ได้เซ็นสัญญา เข้ามาเรียนการแสดงประมาณ 3 เดือน พอเรียนจนจบแล้วช่วงนั้นมีโปรเจคท์ที่ทางช่อง 3 จะทำละคร “สุภาพบุรุษจุฑาเทพ” พอดี มิวก็เลยเรียกมาดูตัวรอบแรกกับผู้จัดละครทั้ง 5 คน แต่มิวก็ยังไม่ได้ลองเล่นอะไร สักพักพี่ ๆ ก็เรียกเข้ามาใหม่มาแคสติ้งกับ พี่โป๊ป-ธนวรรธน์ ดู ปรากฏเขาเห็นเราเหมาะที่จะเล่นคู่กันก็ดีใจมากค่ะ ตอนแรกมิวมองว่าการแสดงไม่ได้เหมาะกับเราเท่าไหร่ เพราะมิวเป็นคนขี้อาย ทักษะร้องเล่นเต้นรำไม่เป็นเลยสักอย่าง (หัวเราะ) แต่ด้วยโอกาสที่ผู้ใหญ่เขาเห็นก็พอลองทำดูแล้วเราชอบทำ เรียกว่าเป็นจุดพลิกผันเลย จากนั้นเขาก็ส่งไปเรียนการแสดงเพิ่ม เรียนพูด เรียนไวโอลิน เรียนขี่ม้า เต้นรำ เตรียมตัวเป็นท่านหญิง พอได้เข้าไปถ่ายจริง ๆ ก็รู้เลยว่าทำไมเขาถึงให้เราเรียนอะไรเยอะแยะขนาดนี้ เวลาถ่ายจริงมันไม่มีเวลาที่จะเรียนแล้ว พอถ่ายเราก็ต้องได้แล้ว ถ้าไม่ได้ไม่พร้อมทุกอย่างก็จะช้าไปค่ะ”
มีกระแสติชมอย่างไรบ้าง?
“มีเริ่มจำได้เหมือนกันค่ะ บางทีเราก็ไม่คิดว่าจะจำได้ เวลาใส่ชุดนักศึกษาหลายคนก็เข้ามาทักทายกับเราค่ะ มีทั้งติทั้งชม ถ้าชมก็จะดูสวยสง่าเหมือนท่านหญิง ส่วนติก็มีเรื่องแอ๊ค
ติ้งบ้างบางช่วงที่เราไปถ่ายที่สวิตเซอร์แลนด์ มิวรู้สึกได้ว่ามันยังไม่โอเค เรายังเล่นค่อนข้างแข็ง ตอนพูดก็จะดูเป็นท่องบทมาก ๆ ตอนดูก็เสียดายอยากกลับไปถ่ายใหม่เลยจริง ๆ
นะ แต่ตอนอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์เหนื่อยมากเลยนะคะ รู้เลยว่าการแสดงมันไม่ใช่เรื่องง่าย ร่างกายอ่อนเพลีย นอนน้อยค่ะ แต่ก็ผ่านมาได้ จนเคยคิดเล่น ๆ กับตัวเองว่า รู้สึกโอ้โห รู้สึกเราเก่งมากผ่านมันมาได้ไง (หัวเราะ) แต่พอกลับมาเมืองไทยก็สบายขึ้นนะคะ ถ่ายแล้วก็พักสองสามวันถ่ายอีกทีหนึ่ง”
ก็ถือเป็นบททดสอบที่ให้เราก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง?
“ใช่ค่ะ เป็นบททดสอบหนักให้ก้าวไปอีกขั้นค่ะ เรื่องคุณชายปวรรุจจะย้อนยุคด้วย แล้วกองถ่ายต้องไปถ่ายที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ด้วยก็เป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่ดีมาก ส่วนละครเรื่องต่อไป “ทรายสีเพลิง” ค่ะ เปิดกล้องประมาณพฤษภาคม อันนี้ก็น่าจะหนักเหมือนกัน เพราะกดดันมากขึ้น เรื่องที่สองคนก็จะคาดหวังให้ดีกว่าเรื่องแรกค่ะ แล้วคาแรกเตอร์ลูกศรจะเป็นคนอ่อนต่อโลก บอบบาง เคารพพี่สาวคือ พี่ชมพู่-อารยา ไม่รู้เรื่องว่าจริง ๆ เขามาแก้แค้นค่ะ เพราะว่าถ้าเล่นไม่ดีจะดูแอ๊บไปเลย แต่ก็ไม่ได้กดดันตัวเองมาก แต่ก็พยายามตั้งใจทำให้ดีที่สุดอยู่แล้วค่ะ”
ตอนแรกมองภาพวงการบันเทิงอย่างไรบ้าง?
“แรก ๆ เรามองจากข้างนอกวงการบันเทิงแอบน่ากลัวเหมือนกัน ดูเหมือนมีแต่ข่าว ดูคนไม่ค่อยชอบกัน แต่พอเข้ามาเราก็ทำตัวเหมือนเดิม มันแล้วแต่คนมากกว่าค่ะ จริง ๆ ไม่มีอะไรเลย ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร ใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม อาจจะมีเรื่องความเป็นส่วนตัวที่ลดน้อยลงบ้างไปไหนมาไหนมีคนมาถ่ายรูป แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด เพราะอาจจะยังไม่มีคนจำได้เยอะ แต่จำได้ก็ถือเป็นเรื่องดีนะคะ ตอนนี้ก็รู้สึกว่าสนุกกับการทำงานแล้ว แต่ก็ไม่รู้อนาคตอยู่ไปเรื่อย ๆ จะเป็นไง ตอนนี้ถือว่าชอบแล้วค่ะ แต่ยังมีอะไรหลายอย่างที่มิวต้องปรับตัว พอคนรู้จักก็จะต้องมีข่าวตามมาซึ่งก็ต้องปรับตามไปเรื่อย ๆ ค่ะ ตอนแรกคุณพ่อคุณแม่ไม่อยากให้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง เพราะเขารับฟังข่าวต่าง ๆ เยอะเหมือนกัน ก็แอบกังวลแทนเรา แต่มาตอนนี้เราเข้ามาเซ็นสัญญากับทางช่อง 3 คุณพ่อโอเคมาก ตอนแรกยังตึง ๆ ไม่อยากให้เราทำ แต่ตอนนี้คุณพ่อคอยบอกเราเสมอว่ามิวต้องทำตัวดี ๆ นะ เรื่องลืมตัวนี่จะย้ำเสมอไม่อยากให้เราหลงระเริงเวลาที่มีคนมารุมล้อมเอาใจเรา ก่อนเข้ามาเป็นยังไง ก็ต้องเป็นอย่างนั้นถ้าจะเปลี่ยนก็ต้องไปในทางที่ดีค่ะ”
ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยเป็นไงบ้าง จัดสรรเวลาได้หรือยัง?
“มิวโชคดีที่เราเข้าวงการมาช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัยปลาย ๆ แล้ว ตอนนี้ถือว่าเรียนจบแล้วค่ะ เกรดเฉลี่ย 3.46 ได้เกียรตินิยมอันดับสอง ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสาน มิตร สาขาแฟชั่นดีไซน์ค่ะ เลือกเรียนด้านนี้เพราะมิวชอบตั้งแต่ ม.4 ชอบวาดรูป ได้มีโอกาสไปเรียนศิลปะ ส่วนความฝันจริง ๆ ก็อยากต่อแฟชั่นมาร์เก็ตติ้งมากกว่าค่ะ จริง ๆ ก็อยากจะเรียนต่อ แต่ทำตรงนี้ให้เต็มที่ก่อนค่ะโอกาสกำลังมา ถ้ามีเวลาก็จะไปเรียนโทที่เมืองนอกค่ะ”
ครอบครัวเลี้ยงเราสไตล์ไหน?
“คุณพ่อคุณแม่จะใช้เหตุผลคุยกันซะส่วนใหญ่ บ้านเราเป็นครอบ ครัวที่อบอุ่นค่ะ ไปไหนมาไหนด้วยกันถ้ามีเวลาว่าง ไปทานข้าว ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน ไม่ค่อยห่างกัน เราอยู่ด้วยกันตลอด เพราะมิวเองมีน้องสาวหนึ่งคนห่างกัน 2 ปีค่ะ ทั้งคุณพ่อคุณแม่มีคำแนะนำให้กับมิวหลังจากเข้ามาในวงการว่าเราได้รับโอกาสเข้ามาอยู่ในวงการแล้ว ต่อไปก็ขึ้นอยู่ที่เราจะทำตัวยังไงให้ได้อยู่นาน ๆ ต่อไป จะมีข่าวมีอะไรออกมาดีหรือไม่ดีอยู่ที่เราจะวางตัว และเตรียมใจรับมือกับข่าวที่ไม่ดียังไง ถ้าวันหนึ่งจะมีข่าวที่ไม่ค่อยดีออกมา มิวก็ไม่ถึงกับกลัว แต่ก็เตรียมใจว่ามันจะต้องมีเข้ามา อาจจะจริงหรือไม่จริง มีฟังบ้างจากดาราบางทีก็รู้ว่ามีทั้งจริงไม่จริงคิดว่าวันหนึ่งมันอาจจะเกิดขึ้นกับเราอยู่แล้ว แต่เราก็พร้อมรับมือนะ ถ้าอะไรไม่เป็นความจริงคนจะรู้เอง”
แล้วจริง ๆ เป็นคนเรียบร้อยเหมือนหม่อมเจ้าหญิงรสามั้ย?
“เอาจริง ๆ เลยนะคะ มิวก็ไม่ได้เรียบร้อยมากนะ (หัวเราะ) เราเป็นคนสบาย ๆ ง่าย ๆ อะไรก็ได้ แต่ด้วยความที่เราเริ่มต้นแสดงละครจากบทเป็นหม่อมรสาคนจะคิดว่าเรียบร้อยแน่ ๆ ซึ่งจริง ๆ เราก็ทำตัวปกตินะคะ ไม่ได้เรียบร้อย เหมือนในละคร แต่ก็ไม่ได้ดื้อจี๊ดอะไร ออกแนวเป็นคนเฉย ๆ มากกว่านะ แล้วที่สำคัญมิวจะโก๊ะ ๆ ด้วยซ้ำ ถ้าสนิทกันจะรู้ดี ไม่ได้มีมาด ไม่ต้องสวยตลอด ไม่แต่งหน้าก็ออกจากบ้านได้ ที่สำคัญเราเป็นตัวของตัวเองค่ะ”
เคยมีคนทักมั้ยว่าบุคลิกและหน้าตาคล้ายแอฟ-ทักษอร?
“อ๋อ ก็มีบ้างนะคะ ที่ทักว่ามิวหน้าเหมือนหรือคล้าย ๆ พี่แอฟ ก็ดีใจค่ะ แต่ถ้าให้มิวมองตัวเองก็จะคิดว่าเราไม่เหมือนเท่าไหร่นะ เพราะเราเห็นหน้าเราตลอด คาแรกเตอร์ก็ไม่เหมือน หนูไม่ได้เรียบร้อยขนาดพี่แอฟนะ เพราะพี่แอฟเขาเรียบร้อยทั้งในและนอกจอนะคะ”
https://www.facebook.com/teeneedotcom