ออฟฟิศ ส้มตำ อาวุธลับของ เอ-ศุภชัย?
ปกติก็ดังอยู่แล้วแต่ไม่กี่วันมานี้ดูเหมือนชื่อของ "เอ-ศุภชัย ศรีวิจิตร" จะถูกหยิบยกมาถูกพูดถึง จนขจรขจายไปใหญ่
ทั้งในกรณีของ"ณเดชน์ คูกิมิยะ" นักแสดงในสังกัดที่มีปัญหาจากกรณีไม่ยอมถือสินค้าซึ่งตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์ถ่ายแบบ จนกลายเป็นข่าวใหญ่โต และกรณี"ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่" อดีตเด็กในสังกัด ที่ขอออกจากอ้อมอก ไปดูแลตัวเอง เพราะปัญหาเรื่องเงิน
ซึ่งทั้ง 2 เรื่องนั้น ผู้จัดการดาราคนดังสามารถจัดการเคลียร์ได้ในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นกรณีณเดชน์ ที่เขาว่าเป็นความผิดพลาดเล็กน้อยทางการสื่อสาร ขณะที่กรณีของใหม่ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเงินได้ถูกแบ่งเป็นหลายส่วน ฐานที่มีผู้ดูแลหลายคน ซึ่งหลังจากคุยกันก็เข้าใจทางที่ใหม่เลือก และยังคุยกันต่อไปได้ ไม่มีปัญหา
เอซึ่งเข้ามาในวงการด้วยความรู้สึกเริ่มต้นว่าหงุดหงิดที่พ่อชอบใช้ไปให้หมุนแผงเสาอากาศ เพื่อให้พ่อเห็นภาพที่ปรากฏในจอทีวีชัด แต่เขาที่ต้องลุกจากหน้าจอบ่อยๆ กลับอดเห็นหลายฉากที่อยากเห็น
"จะดูก็ไม่ได้ดู เลยคิดในใจว่างั้นวันหนึ่งฉันจะไปอยู่ในทีวีให้ได้เลยคอยดู"
และเมื่อพร้อม เขาก็ออกเดินทางจาก อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เข้ากรุงเทพฯมารับงานเป็นตัวประกอบอดทน
"ตอนนั้นได้ค่าตัว 500 บาท" เขาว่า
เป็น 500 ที่ยอมทำทุกอย่าง ดังนั้น แม้จะวิ่งชนกำแพงจนหัวแตก ก็ยังสู้อุตส่าห์นั่งรถออกจากกองถ่ายไปเย็บแผล เสร็จแล้วก็กลับมาถ่ายต่อ
ยอม เพราะอยากอยู่ในวงการจริงๆ
"แล้วเราเป็นโรคชอบเอาชนะ จะไม่เป็นผู้แพ้"
จึงสู้
แต่ดูเหมือนเส้นทางสายนักแสดงจะไม่เปิดให้เขาเท่าไหร่ จึงตัดสินใจเบนเข็ม
"ก็ถ้าพยายามอะไรไปบ่อยๆ แล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็อย่าพยายามเลย"
"ถ้าเดินไปข้างหน้าแล้วมีก้อนหิน จะเดินไปทำไม อ้อมไปสักนิดก็เจอทะเลสวยสดใสเหมือนกัน ก็เดินอ้อมดีกว่า จะได้ไม่เจ็บ"
"แล้วก็ยังได้อยู่ในโซเซียลเดียวกัน นั่นคือความสุข"
ผลจากการเดินอ้อมของเขา เราจึงมีนักปั้นมือทอง ที่มีนักแสดงดังในสังกัดทั้ง "อั้ม-พัชราภา ไชยเชื้อ, ณเดชน์ คูกิมิยะ, หมาก-ปริญ สุภารัตน์, มาริโอ้ เมาเร่อ,เคน-ภูภูมิ พงศ์ภาณุ ฯลฯ"
และก็ใช่ว่าจะมีแต่คนไทยในสังกัด เพราะแม้ประชาคมอาเซียนหรือเออีซีจะยังไม่เปิด หากเอ ศุภชัยก็บุกไปดึงตัวคนหล่อ คนสวย ของประเทศเพื่อนบ้านมาอยู่ในสังกัดเรียบร้อย
ดูอย่าง "ธันวา สุริยจักร" จากลาวนั่นไง
และไม่ใช่เพียงแค่นั้น เพราะนอกจากเพื่อนบ้านใกล้กัน เขายังไปมาทั้งเกาหลี, ญี่ปุ่น,รวมถึงฮ่องกง ซึ่งที่สุดท้ายนั้นก็ได้ "เจมส์ มาร์" ที่จะแสดงเป็นพระเอก "คุณชายรณพีร์" มานั่นไง
"เขายังเปิดเผยถึงช่องทางการหาเด็กของตัวเองด้วยว่า นอกจากจะมีคนแนะนำ หรือเดินไปป๊ะกันกลางถนนแล้ว ร้านส้มตำตำแหลของเขาก็เป็นอีกช่องทางหนึ่ง"
"มันคือออฟฟิศของเอนั่นล่ะ เพราะตำแหลทุกร้านจะมีบอร์ดติดไว้ให้มาแปะรูปตัวเองที่ดูดีๆ พร้อมบอกเบอร์โทร.ติดต่อ"
จากนั้นผู้จัดการร้านซึ่งเปรียบไปก็คือตัวแทนของเขาจะคอยสกรีนให้ ก่อนเขาจะไปตัดสินใจอีกครั้งด้วยตัวเอง
ตอนนี้นอกจากสาขาในประเทศไทยแล้ว เขาจึงขยายออฟฟิศตำแหลไปเปิดที่ประเทศลาว โดยอยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว วิทยาเขตดงโดก รวมถึงไปเปิดที่ประเทศเวียดนาม และมีแผนจะไปเปิดที่ประเทศกัมพูชาอีกด้วย
"แล้วพอประชาคมอาเซียนเกิดขึ้นจริง เราก็มีเด็กลูกครึ่งทั้งจีน ญี่ปุ่น ไทย ลาว อยู่ในบ้านเต็มไปหมด แจกจ่ายไปเป็นเพระเอกได้หมดแล้ว"
ฟังดูเหมือนเขาวางแผนมาดี หากพอชม เขากลับออกตัวทันทีว่านี่เป็นการทำงานที่ไม่มีแบบแผนและไม่ต้องตามตำรา
"เราทำแบบไม่มีวิธีการ ไม่มีสำเนา ดังนั้นถ้าวันหนึ่งตายไปก็ไม่มีใครทำแบบนี้ได้"
บอกอีกว่าตัวเขาเองนั้นเวลาคิดจะทำอะไร ปกติมักไม่บอกใคร โดยเลือกใช้วิธีลงมือไปแบบเงียบๆ
"ชอบความเซอร์ไพรส์น่ะ"
"เพราะคนเราถ้าพูดแล้วทำ ถึงสำเร็จมันก็ไม่เห็นเซอร์ไพรส์ แต่ถ้าไม่พูดอะไรเลย มันจะเหมือนสึนามิ ตื่นเต้นดี"
"แล้วนี่ยังมีสึนามิอีกหลายลูกนะที่ยังไม่บอก ให้รอติดตาม"
"ถ้าเป็นตลาดหลักทรัพย์ก็เป็นตลาดที่เดาไม่ถูก แต่ขอให้คุณซื้อหุ้นฉันไว้ เดี๋ยวมีเซอร์ไพรส์เอง แล้วรับรองว่าไม่มีตก"
แน่นอนเมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นนักปั้น เป็นผู้จัดการดารา เอ ศุภชัย ย่อมมีวิธีดูแลเด็กๆในสังกัดเขาอย่างเอาใจใส่
เขามีบ้านหลังใหญ่ให้อยู่และดูแลทุกคนให้เติบโตขึ้นมาในวงการบันเทิง โดยดูแลทั้งเรื่องของความสามารถ การวางตัว และที่สำคัญคือรูปลักษณ์
หากขณะเดียวกันก็ยืนยันว่า ใจเขาเองไม่เน้นให้เด็กทำศัลยกรรม ทำนั่น โน่น นี่เพิ่มกับรูปร่างหน้าตา
"อยากศัลยกรรมหัวใจมากกว่า"
"ให้ใจเขาดี ให้เป็นที่รักของทุกคน"
"แล้ววิธีการของเราคือไม่ใช้ไม้ จะใช้วิธีนานๆ เตือนกันที คือให้มีช่องว่างระหว่างกัน แต่ก็มีความผูกพันในตัว"
"เพราะนอกเหนือจากฐานะผู้จัดการแล้ว เขาเองก็อยากเป็นเพื่อนกับนักแสดงในสังกัดให้ยืนนานด้วย"
ขอบคุณ ประชาชาติธุรกิจ
เครดิต :
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
https://www.facebook.com/teeneedotcom