ไต้หวันสุดภูมิใจอั้งลี่คว้าออสการ์

 26 ก.พ.56 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า การคว้ารางวัลออสการ์ตัวที่ 2 สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม ทำให้อั้งลี่ ผู้กำกับชาวไต้หวัน ก้าวขึ้นไปยืนอยู่บนทำเนียบผู้สร้างภาพยนตร์ระดับท็อปของโลก และทำให้เขากลายเป็นวีรบุรุษของเกาะอันห่างไกลจากฮอลลีวู้ดอย่างเกาะไต้หวันด้วย

ทั้งนี้ ชัยชนะของอั้งลี่ บนเวทีออสการ์ ซึ่งเป็นงานใหญ่ของฮอลลีวู้ดที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี จากภาพยนตร์เรื่อง " ไลฟ์ ออฟ พาย " ได้มีขึ้นหลังประสบความสำเร็จคว้าออสการ์ตัวแรกจากภาพยนตร์เรื่อง " โบร้คแบ็ค เมาน์เท่น " เมื่อปี 2548 และ ปีนี้ ไลฟ์ ออฟ พาย คว้า 4 รางวัล ในสาขา เทคนิคพิเศษยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบดั้งเดิมยอดเยี่ยม และผู้กำกับยอดเยี่ยม ซึ่งมากที่สุดในบรรดาภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลในปีนี้

รายงานยังระบุว่า ข่าวความสำเร็จของอั้งลี่ สร้างความตื่นเต้นให้กับชาวไต้หวันอย่างยิ่ง ส่วนใหญ่ชมการถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ เมื่อวันจันทร์  ซึ่งมันไม่เพียงแต่เป็นการสร้างเซอร์ไพรส์ ที่เขาเอาชนะตัวเก็งอย่างสตีเฟ่น สปีลเบิร์ก ผู้กำกับเรื่อง " ลินคอล์น " เท่านั้น แต่ยังนำมาซึ่งความรู้สึกภาคภูมิใจอย่างเข้มข้น ที่คนไต้หวันได้มีโอกาสผงาดบนเวทีโลก โดยนับตั้งแต่สูญเสียพันธมิตรทางการทูตส่วนใหญ่ให้กับจีนแผ่นดินใหญ่ ในช่วงทศวรรษที่ 1970 - 1980 หลังจากจีนและไต้หวันแยกจากกันเพราะ

สงครามกลางเมืองเมื่อกว่า 60 ปีที่ผ่านมา ไต้หวันก็เหมือนถูกกันออกจากประชาคมโลก และได้รับการยอมรับจากเพียง 23 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นประเทศยากจน และไร้อิทธิพล ทั้งยังอยู่นอกวงจรของแวดวงไอทีอีกด้วย

 ด้านประธานาธิบดีหม่า อิง จิ่้ว ของไต้หวัน ซึ่งได้ชมภาพการรับรางวัลของอั้งลี่ ได้กล่าวขอบคุณที่อั้งลี่ช่วยผลักดันให้ไต้หวันไปสู่เวทีโลก และยังแสดงความยินดีต่ออั้งลี่ด้วยว่า ชาวไต้หวันรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเขา  

  อีกทั้ง ไลฟ์ ออฟ พาย ซึ่งเป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มชาวอินเดีย ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับเสือโคร่งบนเรือลำเล็ก ถ่ายทำภายในแทงค์น้ำขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ ที่เมืองไถ้จุง และอั้งลี่ก็ได้ชื่อว่า เป็นผู้ดูแลการถ่ายทำจนเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งสมาชิกที่เป็นทีมงานชาวไต้หวันในกองถ่าย บอกว่า ทีมงานที่ไถ้จุงก็ทุ่มเทในการทำงานกับอั้งลี่เช่นกัน โดยถ้าเขาต้องการให้ทำคลื่นให้ลูกโตขึ้น หรือต้องการลายละเอียดของเสือแอนนิเมชั่นให้มากขึ้น ทุกคนก็พร้อมจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ไม่ใช่เพราะเขาเป็นอั้งลี่ แต่เพราะเขาเป็นเจ้านายที่น่าเคารพ

อั้งลี่ เกิดที่เมืองผิงตงของไต้หวัน เมื่อปี 2497 แต่หลังรับราชการอยู่ที่กระทรวงกลาโหมไม่นาน ก็ย้ายไปอยู่สหรัฐ เมื่อปี 2522 โดยศึกษาด้านภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์จนจบปริญญาตรี ก่อนศึกษาต่อด้านการสร้างภาพยนตร์ที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ค เขาสร้างชื่อในระดับสากล จากภาพยนตร์เรื่อง " เซนส์ แอนด์ เซนซิบิลิตี้ " เมื่อปี 2538 และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง " ครัชชิ่ง ไทเกอร์ฮิดเดร้น ดราก้อน " แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้รางวัลออสการ์ในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม เมื่อปี 2544

 อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของไต้หวันซบเซามานานกว่า 2 ทศวรรษ ในขณะที่แนวโน้มของโลกที่มีต่อภาพยนตร์เอเชีย ได้เอนเอียงไปทางเกาหลีใต้และฮ่องกง และแม้จีนจะมองไต้หวันว่ามีสถานะเพียงมณฑลหนึ่งของจีน แต่ชาวจีนก็ยังภาคภูมิใจกับความสำเร็นของอั้งลี่ เช่น เหมิง หยวนไค นักวิจารณ์ภาพยนตร์ของจีน ได้โพสต์แสดงความยินดีในเว็บเหว่ยโป๋ว และบอกว่า เป็นความภาคภูมิใจของชนชาติจีน และแทบรอไม่ไหวที่จะชมผลงานเรื่องต่อไปของเขา