วาติกันเดือด! เรียกร้องคริสตศาสนิกชนคว่ำบาตร Da Vinci Code

วาติกันเดือด! เรียกร้องคริสตศาสนิกชนคว่ำบาตร Da Vinci Code

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 1 พฤษภาคม 2549 14:10 น.

เป็นเรื่องก่อนหนังฉายอีกแล้วเมื่อทางสำนักวาติกันเรียกร้องให้มีการคว่ำบาตร The Da Vinci Code เพราะมีเนื้อหาที่ให้ร้ายและต่อต้านคริสตจักร และยังยุแยงให้ชาวคริสต์ทั่วโลกเอาใจออกห่างอันอาจก่อให้เกิดความหายนะต่อศาสนาคริสต์ได้ ขณะที่คริสศาสนิกชนฝ่ายแองกลิกันในซิดนีย์เปิดแคมเปญให้ออกมาค้นหาความจริงเพื่อกันหนังนำความเชื่อผิดๆ มาสู่คนดู

มองซีเญอแองเจโล อามาโต ผู้ทรงอำนาจลำดับที่สองในสำนักวาติกันรองจากพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ได้กล่าวระหว่างการปราศรัยในการประชุมกลุ่มคาทอลิกที่มหาวิทยาลัย ซานตาโครเซ ในกรุงโรม กระตุ้นให้ชาวคาทอลิกจากทุกแห่งทั่วโลกร่วมกันคว่ำบาตรหนังรหัสลับดาวินชีเพราะมีเนื้อหาที่ต่อต้านและระรานศรัทธาของเหล่าคริสตศาสนิกชน

โดยพระคุณเจ้ากล่าวว่า วรรณกรรมของ แดน บราวน์ นั้นเป็นงานที่ "ต่อต้านคริสเตียนอย่างแข็งกร้าว เต็มไปด้วยการใส่ร้ายให้เสื่อมเสีย ก้าวร้าวทั้งในแง่ต่อประวัติศาสตร์และต่อศาสนศาสตร์ อันทำให้เกิดการเข้าใจผิดต่อพระเยซูคริสต์ คำสั่งสอน และศาสนจักร"

"เราหวังว่าท่านทั้งหลายจะร่วมกันคว่ำบาตรภาพยนตร์เรื่องนี้" พระคุณเจ้าแองเจโลกล่าว พร้อมบอกว่า สาวกผู้รับใช้พระเจ้าทั้งหลายควรเต็มใจที่จะ "ปฏิเสธต่อคำโกหก และคำใส่ร้ายป้ายสีอันไร้น้ำหนักนี้" และยังกล่าวถึงความสำเร็จอย่างมโหฬารของหนังสือรหัสลับดาวินชีที่ขายไปกว่า 40 ล้านเล่มทั่วโลกแล้วว่า เป็น "การไร้ซึ่งวัฒนธรรมอย่างสุดขั้วอันปรากฎอยู่ท่ามกลางคลื่นสาวกผู้เลื่อมใสในคริสตศาสนา"

ทั้งนี้ตั้งแต่หนังสือเล่มดังกล่าววางขายก็สร้างความไม่พอใจให้กับคริสตจักรและเกิดประเด็นถกเถียงขึ้นอย่างกว้างขวาง ซึ่งประเด็นที่ถูกนำมาเป็นข้อถกเถียงกันมากที่สุดคือเรื่องของผู้สืบสายเลือดของพระเยซูและเรื่องขององค์กรโอปุสเดอี

โดยเนื้อหาในหนังสือกล่าวอ้างถึงการรักษาความลับของศาสนาคริสต์ที่ว่า อันที่จริงแล้วพระเยซูแต่งงานกับนางแมรี แม็กดาลีน และนางไม่ได้เป็นโสเภณี ทว่าเป็นเชื้อสายของกษัตริย์ชาวยิวและทั้งสองยังมีทายาทสืบเชื้อสายมาเรื่อยๆ ซึ่งทฤษฎีนี้ขัดต่อหลักของคริสตจักรอย่างโจ่งแจ้ง แถมเนื้อหายังบ่งด้วยว่า ฝ่ายคริสตจักรนำโดยกลุ่มโอปุสเดอีซึ่งเป็นนิกายหัวโบราณพยายามตามล่าเหล่าผู้พิทักษ์ความลับทุกวิถีทางเพื่อให้มันเป็นความลับไปตลอดกาลด้วย

มองซีเญออามาโตให้เหตุผลในการเรียกร้องให้ร่วมกันคว่ำบาตรหนังเรื่องดังกล่าวด้วยการอ้างอิงถึงเรื่องที่ชาวมุสลิมเพิ่งมีปัญหาเรื่องการ์ตูนที่ล้อเลียนศาสดามูฮัมหมัด ว่าหนังสือลักษณะเดียวกันนี้หรือเหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้อาจก่อให้เกิดการจลาจลไปทั่วโลกได้

"ถ้าหากมีการโกหกหรือพูดผิดๆ เกี่ยวกับเนื้อหาในคัมภีร์อัลกุรอานหรือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวแล้ว พวกเขาก็จะปลุกระดมให้คนทั่วโลกลุกขึ้นมาประท้วง แต่พอเกิดเรื่องเดียวกันนี้เกี่ยวกับคริสตจักรและเหล่าศาสนิกชน พวกเขากลับละเลยที่จะพิจารณาโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น" พระคุณเจ้ากล่าว

ขณะเดียวกัน กลุ่มคริสตศาสนิกชนนิกายแองกลิกันในซิดนีย์ ออสเตรเลียได้มีการเปิดตัวแคมเปญเกี่ยวกับหนังรหัสลับดาวินชีเพื่อกระตุ้นให้ชาวคริสต์ร่วมกันค้นหาความจริงเกี่ยวกับพระเยซูคริสต์ในเนื้อหาที่สอดคล้องกับหนัง ผ่านทางเว็บไซต์ challengingdavinci.com และสื่อโฆษณาที่ออกมาเป็นซีรีส์โดยใช้เงินทุนกว่า 38,000 เหรียญ

"ที่เราเป็นห่วงก็คือ The Da Vinci Code อาจจะชักนำให้คนเข้าใจสิ่งที่ต่างๆ ผิดไป เราไม่ได้กลัวในตัวหนัง เราไม่ได้ชักชวนให้ประชาชนไม่ไปชม แต่เราทุกคนตระหนักดีถึงพลังของหนังที่จะสามารถเข้าไปเติมช่องว่างของสารเกี่ยวกับพระผู้เป็นเจ้าในหมู่ผู้ที่ยังไม่รู้ได้" บิชอป โรเบิร์ต ฟอร์ซีท เจ้าคณะผู้ปกครองสังฆมณฑลซิดนีย์ และประธานกลุ่มผู้ริเริ่มแคมเปญนี้กล่าวกับทางเอพี

รหัสลับดาวินชี นอกจากจะสร้างเรื่องให้กับตัวผู้เขียนจนต้องขึ้นศาลเกี่ยวกับเรื่องการละเมิดลิขสิทธิทางปัญญาแล้ว หนังที่สร้างขึ้นจากหนังสือก็มีปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มโอปุสเดอีก็เรียกร้องให้ค่ายโซนี ผู้จัดจำหน่ายหนังหยิบเนื้อหามาทบทวนและเรียกร้องให้ถอนคำพูดที่ทำให้ทางองค์กรเสื่อมเสีย ขณะที่ทางรัฐบาลอิตาลีก็เพิ่งจะถอดโปสเตอร์ขนาดยักษ์ออกหลังจากไปปิดตระหง่านตรงข้ามกับหน้าโบสถ์เซนต์พานทาเลโอพอดี ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้แก่คณะบาทหลวงในกรุงโรมเป็นอย่างมาก




เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์