รู้แล้วจะอึ้ง!! เผยเงินค่าตัวทีมงานแต่ละฝ่ายในอุตสาหกรรมหนังฮอลลีวู้ด

The Hollywood Reporter ประมาณการว่านักแสดงดังระดับ A-list ของฮอลลีวู้ดมักจะได้รับค่าตัวราวๆ 15-20 ล้านดอลลาร์ (500-660 ล้านบาท) ต่อการรับบทนำในหนังบล็อกบัสเตอร์ทุนสร้างสูงหนึ่งเรื่อง

สำหรับนักแสดงที่ไม่เป็นรู้จักมากแต่ได้รับบทนำในหนังฟอร์มยักษ์เช่นกรณีของ กัล กาด็อท ใน Wonder Woman และ เฮนรี แควิลล์ ใน Man of Steel ที่ตอนนั้นยังไม่เป็นที่รู้จักมาก ได้รับค่าตัวเพียงแค่ราว 150,000-300,000 ดอลลาร์ (5-10 ล้านบาท) แม้จะเป็นบทนำที่ต้องแบกหนังทั้งเรื่องก็ตาม จากข้อมูลของ Payscale ระดับค่าตัวมัธยฐานของเหล่านักแสดงชายและหญิงที่ได้รับบทแค่สมทบ หรือไม่ใช่บทเด่น ทั้งหนังและโทรทัศน์ มักจะได้รับค่าตัวที่ห่างไกลจากนักแสดงนำมาก อยู่ที่ราว 50,529 ต่อปี (1.6 ล้านบาท)

มาถึงตรงนี้เราพอจะทราบข้อมูลค่าตัวโดยเฉลี่ยของเหล่านักแสดงแต่ละลำดับขั้นกันไปแล้ว มาถึงเวลาที่เราจะได้รู้ค่าตัวของทีมงานเบื้องหลังในแต่ละฝ่ายของหนังฮอลลีวู้ดกันบ้าง เชื่อว่าหลายคนก็อยากจะรู้เหมือนกัน เพราะมันเป็นข้อมูลที่ไม่ค่อยถูกเปิดเผยให้เห็นมากนักเมื่อเทียบกับข้อมูลค่าตัวของนักแสดง

ฝ่ายช่างแต่งหน้า (Makeup Artist)

ช่างแต่งหน้าโดยทั่วไปในอุสาหกรรมหนังของสหรัฐได้รับค่าตัวชั่วโมงละ 48 ดอลลาร์ (1,600 บาท) หรือประมาณ 75,000 ดอลลาร์ต่อปี (2.5 ล้านบาท) แต่ถ้าเป็นช่างแต่งหน้าที่ทำงานให้กับหนังฟอร์มยักษ์ทุนสร้างสูงจะได้รับค่าตัวราว 124,000 ดอลลาร์ (4.1 ล้านบาท) หรืออาจจะมากกว่านั้น แต่ถ้าเป็นช่างแต่งหน้าทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในอุตสาหกรรมหนังจะได้รับค่าตัวเพียง 17.79 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง (600 บาท)

ฝ่ายช่างภาพ หรือ ช่างกล้อง (Camera Operator)

ถือว่าเป็นฝ่ายที่สำคัญ แต่โดยเฉลี่ยแล้วช่างกล้องที่ทำงานอยู่ในอุตสาหกรรมหนังมักจะได้รับค่าตัวโดยเฉลี่ยน้อยกว่า 50,000 ดอลลาร์ต่อปี (1.6 ล้านบาท) แต่ถ้าทำงานให้กับหนังฟอร์มยักษ์จะได้รับค่าตัวอยู่ที่ 154,000 ดอลลาร์ต่อปี (5.1 ล้านบาท)

ฝ่ายเขียนบท (Screenwriter)

หัวใจหลักสำคัญ ไม่มีทีมนี้ก็ไม่สามารถบอกเล่าเรื่องราวได้ นักเขียนบทในอุตสาหกรรมหนังจะได้รับค่าตัวอย่างน้อย 72,600 ดอลลาร์ (2.4 ล้านบาท) สำหรับบทดั้งเดิม และ 63,500 ดอลลาร์ (2.1 ล้านบาท) สำหรับบทดัดแปลง

ผู้อำนวยการสร้าง (Producer)

Payscale รายงานว่าค่าตัวเฉลี่ยของโปรดิวเซอร์หนังและโทรทัศน์จะอยู่ที่ 66,121 ดอลลาร์ (2.2 ล้านบาท) แต่ถ้าเป็นโปรดิวเซอร์ระดับหนังฟอร์มยักษ์จะได้รับค่าตัวตั้งแต่ 750,000 - 1,000,000 ดอลลาร์ (25-33 ล้านบาท) ต่อหนังหนึ่งเรื่อง แต่ถ้าเป็นโปรดิวเซอร์ที่พึ่งได้คุมหนังฟอร์มยักษ์เป็นครั้งแรก จะได้รับค่าตัวเพียง 250,000 ดอลลาร์ (8.3 ล้านบาท)

ฝ่ายถือไมค์บูม (Boom Operator)

ทีมงานที่ต้องถือไมค์ใกล้กับนักแสดงตลอดเวลา แต่ต้องพยายามหลบเลี่ยงหน้ากล้องเอาไว้ เพื่อที่จะได้ยินเสียงนักแสดงได้อย่างชัดเจน โดยเฉลี่ยจะได้รับค่าตัว 37,000 ดอลลาร์ (1.2 ล้านบาท) สำหรับทำงานให้หนังทุนต่ำ และ 72,000 ดอลาร์ (2.4 ล้านบาท) สำหรับหนังจากสตูดิโอทั่วไป แต่ถ้าเป็นฝ่ายถือไมค์บูมให้กับหนังฟอร์มยักษ์จะได้รับค่าตัวที่สูงถึง 120,625 ดอลลาร์ ( 4 ล้านบาท)

ผู้กำกับ (Director)

ผู้กำกับที่มาคุมหนังฟอร์มยักษ์ครั้งแรก จะได้รับค่าตัวราว 500,000 ดอลลาร์ (16.6 ล้านบาท) แต่ถ้าทำหนังออกมาฮิตค่าตัวก็จะได้เพิ่มมากขึ้น เช่นกรณีของผู้กำกับหญิง แพตตี้ เจนกินส์ ที่ได้รับค่าตัวเพิ่มขึ้นเป็น 1 ล้านดอลลาร์ ( 33.3 ล้านบาท) หลังจาก Wonder Woman ฮิตถล่มทลาย และหลังจากนี้ก็จะได้รับค่าตัวเพิ่มขึ้นเป็น 8-9 ล้านดอลลาร์ (266- 300 ล้านบาท) สำหรับกลับมากำกับ Wonder Woman 2

คนคุมอุปกรณ์ (Key Grip)

ฝ่ายที่ต้องคุมอุปกรณ์ทั้งหมดเพื่อสนับสนุนให้ฝ่ายต่างๆในกองถ่าย ทั้ง กล้อง ไฟ ฉาก ขาตั้งกล้อง รถเคลน และอื่นๆ ได้รับค่าตัวประมาณ 25-35 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง สำหรับโทรทัศน์และหนังทุนต่ำ แต่ถ้าเป็นหนังฟอร์มยักษ์ค่าตัวจะอยู่ที่ 113,920 ดอลลาร์ (3.7 ล้านบาท)