โจลี ผ่าตัดรังไข่และท่อนำไข่ทิ้ง ป้องกันมะเร็งอีกรอบ

ในบทความ ”แอนเจลีนา โจลี พิตต์: บันทึกเรื่องราวการผ่าตัด” โจลี บอกว่า ผลตรวจเลือดพบสัญญาณบ่งชี้ของการเป็นมะเร็ง และเธอได้รับคำแนะนำให้พบแพทย์เพื่อเข้ารับผ่าตัดโดยด่วน โจลีเผยว่า เธอต้องบอกตัวเองให้สงบสติอารมณ์ เข้มแข็งเข้าไว้ และไม่ต้องกังวลอะไร

อย่างไรก็ดีผลการตรวจพบว่าโจลีไม่ได้มีเนื้อร้ายใด ๆ แต่เธอก็ยังตัดสินใจผ่าตัดรังไข่ทิ้งหลังจากที่ได้ปรึกษาแพทย์แล้ว นี่เป็นเพราะทั้งแม่ ยาย และป้า ของเธอต่างเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง แพทย์จึงแนะนำให้เธอผ่าตัดรังไข่ออกเพื่อเป็นการสกัดโรคไว้ก่อน โดยแม่ของเธอได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเมื่ออายุ 49 ปี ตอนนี้โจลีอายุ 39 ปี แพทย์จึงแนะนำให้ป้องกันล่วงหน้าเป็นเวลาถึง 10 ปี

โจลีบอกว่าการผ่าตัดครั้งนี้ไม่ซับซ้อนเท่าการผ่าตัดเต้านมเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่ผลกระทบของการผ่าตัดครั้งนี้รุนแรงกว่ามาก เนื่องจากเมื่อผู้หญิงได้ผ่าตัดรังไข่และท่อนำไข่ออกแล้วจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนทันที และไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีกแล้ว นอกจากนั้นโจลีจะต้องรับประทานยาเสริมฮอร์โมนเพศหญิง เธอยังเสริมด้วยว่า แม้จะต้องมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับร่างกายของเธอในอนาคต แต่ก็รู้สึกสบายใจต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น เพราะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด นอกจากนั้นโจลีเองยังยอมรับว่า ความเสี่ยงที่เธอจะเป็นมะเร็งยังมีอยู่ และจะพยายามหาวิธีธรรมชาติในการบำบัดและรักษาภูมิคุ้มกันของตัวเอง แต่อย่างน้อยตอนนี้ลูก ๆ ของเธอก็ไม่ต้องเสียแม่ของพวกเขาไปด้วยโรคมะเร็งรังไข่

มิเชล โรเบิร์ตส์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีสายสุขภาพระบุว่า แอนเจลีนา โจลี มียีนที่ “มีปัญหา” ที่เรียกกันว่า BRCA1 เป็นยีนที่เพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งเต้านมและรังไข่ให้โจลีได้อย่างสูง บรรดาแพทย์ผู้รักษาโจลีคาดการณ์ว่าหากโจลีไม่ผ่าตัดเต้านมและรังไข่ออก เธอจะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมถึง 87 % และมีอัตราเสี่ยงมะเร็งรังไข่ถึง 50 % ซึ่งการตัดสินใจผ่าตัดเต้านม รังไข่ และท่อนำรังไข่ออกของโจลีเป็นทางช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็งได้อย่างมาก แต่ไม่ได้รับประกันว่าเนื้อร้ายจะไม่ก่อตัวขึ้นเสียทีเดียว เนื่องจากเป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดเนื้อเยื่อที่เป็นความเสี่ยงการเป็นมะเร็งทั้งหมด

ทั้งนี้ ทั้งมนุษย์เพศชายและหญิงที่มียีน BRCA1 แม้ว่ายีนจะพัฒนาเป็นมะเร็งเองหรือไม่ ก็มีความเสี่ยง 50% ที่จะเป็นพาหะส่งต่อยีนนั้นให้แก่ทายาทรุ่นต่อ ๆ ไป