ชีวิตในแต่ละวันของคำแก้วดำเนินไปอย่างช้าๆ และน่าเบื่อหน่าย เธอเริ่มเล็งเห็นความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ภายใต้ความร่ำรวยและอาณาจักรที่ใหญ่โตของตระกูลเชงแห่งนี้ เต็มไปด้วยความลึกลับและมืดดำหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ไม่ใช่น้อย ปริศนาบ่อน้ำหลังบ้านที่ดูรกร้างและเย็นเยียบ บ่อซึ่งใครๆ ต่างเรียกขานว่ามันคือบ่อนรก หญิงสาวกี่คนที่ต้องตายอย่างน่าอนาถในบ่อร้างนั่น ความอิจฉาริษยาแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกันระหว่างภรรยาทั้งสามคนของท่านเจ้าสัว เป็นสิ่งที่เธอเริ่มเบื่อหน่าย ทำให้เธอต้องคอยระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
โรสหรือคุณนายที่สาม หญิงสาวที่ร่าเริงดังนกน้อยอยู่ตลอดเวลา เธอเริ่มแวะเวียนมาเป็นเพื่อนคุยของคำแก้วอยู่เสมอ แม้ว่าเธอจะมีทีท่าแปลกในตอนแรกก็ตาม โรสคุยได้ทุกเรื่องตั้งแต่เรื่องบนเตียงซึ่งทำให้คำแก้วรู้สึกกระดากอยู่ไม่ใช่น้อย ไปจนถึงชีวิตความเป็นอยู่ต่างๆ ในบ้านที่ต้องแข่งขันกับภรรยาต่างๆ ของท่านเจ้าสัว คู่อาฆาตที่สำคัญของโรสหาใช่ใครอื่นคือ เยนหลิงสตรีหน้าเนื้อใจเสือคนนั้นนั่นเอง เธอแข่งมีลูกกับโรส และแล้วโรสก็เป็นฝ่ายชนะเมื่อเธอมีลูกชายและคลอดออกมาก่อนลูกสาวเยนหลิง ทั้งที่เยนหลิงให้หมอใช้คีมดึงเด็กออกมาอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่เป็นผล โรสหัวเราะเสียงดังลั่นอย่างภาคภูมิใจในชัยชนะของตนเอง ในขณะที่คำแก้วรู้สึกสยดสยองเป็นอย่างยิ่ง
เยนหลิงคืออีกคนที่พยายามสร้างความสนิทสนมกับคำแก้วตลอดเวลา บ่ายจัดวันหนึ่งเยนหลิงต้องการให้คำแก้วเป็นผู้ตัดผมให้แก่เธอ แม้ว่าคำแก้วจะปฏิเสธหลายต่อหลายครั้งว่าเธอไม่มีความถนัดในเรื่องนี้เลย และแล้วก็เกิดเหตุขึ้นเมื่อกรรไกรคมกริบได้ตัดใบหูของเยนหลิงเข้าโดยบังเอิญ เสียงร้องโอดโอยปนกับเสียงด่าทอได้ดังขึ้นก้องอาณาจักรตระกูลเชง คำแก้วหน้าซีดเผือด เธอหลบเข้าไปในห้องและอยู่ที่นั่นตลอดบ่ายโดยที่ไม่กล้าออกมาอีกเลย แต่เหตุการณ์นี้กลับสร้างความสะใจและสาสมใจให้แก่โรสและเม่งฮวยยิ่งนัก สองคุณนายหัวเราะอย่างสะใจที่มีใครสักคนสามารถจัดการนังคุณนายที่สองจอมยิ่งผยองได้
วันที่เก้าเดือนเก้า เป็นวันที่คารวะญาติอาวุโสตามธรรมเนียมจีนโบราณ วันนั้นเป็นวันแรกที่คำแก้วได้มีโอกาสพบกับ คุณชายใหญ่ หรือ คุณก้องเกียรติ เจนพาณิชย์สกุล บุตรชายคนโตของเม่งฮวย เมื่อแรกที่ได้พบหน้าก้องเกียรติรู้สึกถึงความผูกพัน ความสงสาร และความอบอุ่นอย่างประหลาดที่เขามีให้แก่แม่เลี้ยงสาวของเขาเอง ซึ่งคำแก้วเองก็รู้สึกไม่แตกต่างกันนัก คุณชายใหญ่ไม่ได้พักที่นี่หากแต่มีบ้านส่วนตัวอยู่ที่สาธร โดยท่านเจ้าสัวมอบกิจการทั้งหมดให้เขาเป็นผู้ดูแล จัดการบริหารงานทั้งหมดแต่เพียงผู้เดียว ส่วนท่านเจ้าสัวก็มาใช้ชีวิตส่วนตัวของท่านอย่างมีความสุขที่คฤหาสน์แดงริมคลองภาษีเจริญแห่งนี้ คำแก้วได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณชายใหญ่บ้างตามโอกาส ทั้งคู่รู้สึกดีต่อกัน คำแก้วรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาดที่มีเขาคอยเป็นเพื่อน ทำให้ความรู้สึกเธอในการอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้เริ่มดีขึ้น ก้องเกียรติชอบเป่าขลุ่ยและนั่นเป็นเครื่องดนตรีชนิดเดียวที่เธอชอบเช่นกัน เขาสัญญาว่าจะหาครูมาสอนให้เธอ คำแก้วดีใจมาก อย่างน้อยชีวิตของเธอก็ไม่น่าเบื่อ ว่างเปล่า และเหงาหงอยจนเกินไปนัก
เรืองยศ เพื่อนสนิทของก้องเกียรติ หนุ่มหน้าสวยราวกับอิสตรีก็ไม่ปานคือครูสอนดนตรีของคำแก้ว เขาลอบมองพฤติกรรมระหว่างเรืองยศและคำแก้วบ่อยครั้งอย่างไม่สบายใจนัก ไม่มีใครรู้ว่าหนุ่มหน้าสวยเพื่อนสนิทของก้องเกียรติคนนี้จะมีความรักที่ผิดวิสัยธรรมชาติตามครรลองที่ถูกที่ควร เขามีจิตฝักใฝ่เสน่หาก้องเกียรติยิ่งนัก แต่แล้ววันหนึ่งเรืองยศกลับบอกความจริงแก่คำแก้วว่า แท้จริงแล้วก้องเกียรติแอบมีใจให้เธอ มันคือความจริงที่ทำให้คำแก้วมีความสุขและความทุกข์ไปได้ในขณะเดียวกัน เพราะรู้ดีว่าความรักนี้เป็นความรักต้องห้ามที่ไม่อาจเป็นไปได้อย่างมิต้องสงสัย เรืองยศลอบมองความทุกข์ระทมของคำแก้วอย่างสาสมใจ
วันที่เจ็ดเดือนสิบสอง คืองานฉลองครบรอบวันเกิดของท่านเจ้าสัวอายุครบ 65 ปี บรรดาคุณนายต่างๆ ของท่านเจ้าสัวประชันการแต่งตัวกันอย่างเอิกเกริก มีเพียงคำแก้วเท่านั้นที่แต่งตัวแบบไทยๆ สร้างความไม่พอใจให้แก่ท่านเจ้าสัวและบรรดาคุณนายทุกคนเป็นอย่างยิ่ง ในงานเต็มไปด้วยเสียงอ่อนหวาน หัวร่อต่อกระซิกตลอดเวลาระหว่างท่านเจ้าสัวและบรรดาคุณนายทั้งหลาย คำแก้วรู้สึกเบื่อหน่ายกับภาพมายาจอมปลอมเหล่านี้เต็มที คำแก้วคิดจะหลบหน้าผู้คนเพื่อไปพักผ่อนแต่เหตุการณ์ก็ไม่เอื้ออำนวยให้ทำเช่นนั้นได้ เมื่อ คุณชายเล็ก หรือ คุณเกียรติกร กับ คุณหนูกรรณิการ์ บุตรสาวคนสุดท้อง ซึ่งเป็นลูกชายของโรสและลูกสาวของเยนหลิง วิ่งไล่จับจนชนแจกันใบงามหล่นลงมาตกแตก สองพี่น้องทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เม่งฮวยถลันมาตบหน้าลูกเลี้ยงทั้งสองพร้อมทั้งดุด่าอย่างหยาบคาย ร้อนถึงมารดาของเด็กทั้งสองต้องเข้ามาห้ามทัพ บรรดาคุณนายทั้งสามจึงเริ่มด่าทอและทะเลาะกันอย่างรุนแรง เมื่อต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูก คำแก้วเริ่มรู้สึกรำคาญและเบื่อหน่าย เธอจึงพูดเปรยๆ ขึ้นมาว่ามันไม่น่าเป็นเรื่องลุกลามใหญ่โตขนาดนั้นก็แค่แจกันใบเดียว คุณนายทั้งสามหันกลับมารุมเล่นงานเธอทันทีว่า เพราะความเป็นตัวซวยของเธอทำให้เรื่องร้ายๆ ต้องเกิดขึ้นในบ้านอยู่เสมอ คำแก้วเดินช้าๆ ออกมาจากในงาน เธอพยายามสะกดความระทมขมขื่นที่มีอยู่เต็มอกอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่สามารถกลั้นน้ำตาที่มีอยู่ได้อีกต่อไป เธอทรุดตัวลงนั่งริมสวนแห่งนั้นและร้องไห้อย่างหนัก เมื่อไม่สามารถอดทนต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว
เธอหลบหน้าผู้คนไปนอนพักผ่อนตอนบ่าย ระหว่างที่นอนหลับ เธอฝันเห็นหญิงสาวมากมายที่ตะเกียกตะกายร้องขอชีวิตอย่างน่าเวทนา คำแก้วสะดุ้งตื่นด้วยความรู้สึกหวาดกลัว แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจลุกขึ้นสู้อีกครั้งด้วยการแต่งตัวลงไปร่วมงานในตอนค่ำ ที่โต๊ะอาหารคำแก้วพยายามเอาอกเอาใจท่านเจ้าสัวด้วยการกอดจูบท่านต่อหน้าสาธารณะชน แต่เหตุการณ์กลับไม่เป็นดังที่คิด ท่านเจ้าสัวโกรธมากที่เธอบังอาจทำเช่นนั้นต่อหน้าธารกำนัล เขาลุกขึ้นผลักเธอออกด้วยความรังเกียจและขยะแขยง
หลังจากเหตุการณ์ในค่ำคืนวันนั้น ท่านเจ้าสัวก็แทบจะไม่แตะต้องตัวเธออีกเลย คำแก้วรู้สึกแย่มากเมื่อคิดว่าตนเองต้องถูกปลดเกษียณด้วยวัยเพียง 20 ปีเท่านั้น เธอจึงพยายามหาวิถีทางเพื่อความอยู่รอด การมีทายาทสืบสกุลนั่นคือทางออกที่ดีที่สุด และเป็นวิธีการเดียวกับที่บรรดาคุณนายทั้งหลายใช้มาแล้วอย่างได้ผลจากคำบอกเล่าของโรส คำแก้วจึงใช้มารยาต่างๆ นานับประการทำให้ท่านเจ้าสัวกลับมาร่วมหลับนอนกับเธออีกครั้ง ครั้งนี้คำแก้วสามารถทำสำเร็จ แต่โลหิตสีแดงคล้ำที่ออกมาในวันหนึ่งนั่นคือสัญลักษณ์แห่งความพ่ายแพ้ คำแก้วรู้สึกผิดหวังเป็นที่สุด เธอจึงตัดสินใจทำแผนหลอกลวงตบตาทุกคนว่าเธอกำลังตั้งครรภ์ ซึ่งข่าวนี้สร้างความยินดีให้แก่ท่านเจ้าสัวเป็นอย่างยิ่ง ท่านกลับมารักใคร่และเอาอกเอาใจเธอดังเดิม คำแก้วรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดเธอคือผู้ชนะอย่างแท้จริง แต่ความสุขมักอยู่กับคนเราได้ไม่นาน เมื่อกิมลั้งเด็กรับใช้แสนแสบเห็นผ้าอนามัยซึ่งเปื้อนคราบโลหิตลอยอยู่ในชักโครก เธอจึงคิดจะใช้มันเป็นเครื่องทำลายคุณนายที่สี่คนที่เธอเกลียดแสนเกลียดให้พินาศในทันที คำแก้วเข้ามาเห็นเหตุการณ์นั้น แววตาที่ประสงค์ร้ายของกิมลั้ง ทำให้เธอบังคับให้เด็กรับใช้กินผ้าอนามัยผืนนั้นเข้าไป กิมลั้งจำต้องยอมทำตาม เธอกล้ำกลืนกินมันเข้าไปทั้งน้ำตา ต่อมาจึงเป็นที่โจษขานกันไปทั่วอาณาจักรตึกแดงแห่งนี้ว่า คุณนายที่สี่แม้อายุยังน้อย หากแต่จิตใจเหี้ยมโหดอำมหิตผิดมนุษย์ยิ่งนัก
เหตุการณ์ในวันนั้นสร้างความขวัญหนีดีฝ่อให้แก่กิมลั้ง เธอจับไข้อยู่หลายวันจนเสียชีวิตในที่สุด คำแก้วรู้สึกสับสนและหวาดกลัวในสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่หลายวัน ระหว่างนั้นเธอเริ่มสนิทกับโรสและไว้วางใจให้เป็นเพื่อนคุยและที่ปรึกษาที่ดีเสมอ แต่โรสก็ไม่ค่อยจะอยู่ติดบ้านนัก เธอเป็นคุณนายเพียงคนเดียวที่ชอบออกจากบ้านไปดูงิ้ว เล่นไพ่ตามที่ต่างๆ แถมยังแอบคบชู้สู่ชายอีกด้วย นายแพทย์ทรงชัย หรือ นายซุ่นไช้ เจ้าของร้านขายยาจีนรูปหล่อคือชู้รักของเธอ โรสมักแอบลอบมาพบปะเขาเสมอ ทั้งสองวางอนาคตด้วยกันว่าวันหนึ่งเขาจะเป็นผู้พาโรสหนีจากคฤหาสน์ตึกแดงนั่น โรสเคยชวนคำแก้วออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเป็นเพื่อนบ้างในบางครั้ง หนึ่งในหลายครั้งเธอชวนคำแก้วไปดูเธอเล่นไพ่นกกระจอก ทำให้คำแก้วได้ล่วงรู้ความจริงว่าโรสและนายแพทย์ทรงชัยเป็นอะไรกัน เมื่อเธอก้มไปหยิบไพ่นกระจอกที่บังเอิญหล่นลงไปใต้โต๊ะ และได้เห็นขาคู่หนึ่งเกี่ยวกระหวัดกันอยู่อย่างเหนียวแน่น คำแก้วพยายามเตือนโรสว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ต้องห้ามที่ไม่อาจเป็นจริงไปได้ มันทำให้โรสโมโหมาก เธอด่าทอคำแก้วอย่างรุนแรง และไม่ให้มายุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเธออีก
โรสหญิงสาวอดีตนางเอกคณะอุปรากรจีนเก่า เธอผ่านเรื่องราวแห่งชีวิตในเชิงละครมามากมาย จนหลงคิดว่าตนเองนั้นคือนางเอกตลอดกาล ทั้งที่แท้จริงแล้วความจริงในชีวิตหาเป็นเช่นนั้นไม่ และเรื่องราวการคบชู้สู่ชายของเธอก็หาได้รอดสายตาเล็กแหลมประดุจเหยี่ยวคู่หนึ่งไปได้
คำแก้วรู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวเต็มทน เมื่อโรสเพื่อนเพียงคนเดียวมักไม่ค่อยอยู่ไม่มีเวลาว่างจะพบปะพูดคุยกัน เธอเริ่มหันมาสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าเมามายเป็นประจำทุกค่ำคืน วันหนึ่งเธอต้องแปลกใจมากที่พบว่า ผู้ที่เปิดประตูห้องเข้ามาหาเธอนั้นคือคุณชายใหญ่หรือคุณก้องเกียรติแห่งอาณาจักรตระกูลเชงนี้เอง ก้องเกียรติเข้ามาเพื่อที่ดูแลคำแก้วด้วยความเป็นห่วงเป็นใย อีกทั้งยังมาเพื่อสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงของเขาที่มีต่อเธอมานานแสนนานอีกด้วย มันคือความจริงที่ราวกับความฝันไม่อาจเป็นจริงขึ้นมาได้ คำแก้วร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวและเริ่มดื่มเหล้าเมามายอีกครั้ง คำแก้วหลับและฝันถึงเรื่องราวต่างๆ ที่น่ากลัวมากมาย เธอสับสน หวาดกลัว และมึนงงกับเรื่องราวต่างๆ จนไม่สามารถปะติดปะต่อเรื่องราวใดๆ ได้อีกต่อไป ยามบ่ายเธอตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงด่าทออย่างรุนแรงอยู่ตรงทางเดินห้อง รักต้องห้ามของโรสพบจุดจบวันนี้เอง เมื่อเยนหลิงได้นำคนไปลากโรสกลับมาจากรังรักของเธอและนายแพทย์ทรงชัย โรสร้องไห้แทบขาดใจพร้อมทั้งด่าทอและขู่อาฆาตเยนหลิงอย่างรุนแรง มีเพียงความสะใจและสาสมแก่ใจจากแววตาของเยนหลิงเท่านั้น ในวันนี้เธอสามารถเด็ดแม่ดอกกุหลาบงามดอกนี้ไม่ให้ชูคออยู่บนต้นเป็นเสี้ยนหนามให้แก่เธอได้อีกต่อไป คำแก้วหลับไปอีกครั้งอย่างอ่อนเพลีย สติสัมปชัญญะในการรับรู้เริ่มลดน้อยถอยลงทุกที
เที่ยงคืนเสียงเพลงอุปรากรจีนดังขึ้นอีกครั้ง เสียงแหลมสูงหวานเสนาะบ่งบอกถึงความโศกเศร้าล้ำลึก สุดแสนอาลัยความรัก ความหวังซึ่งสูญสลายอย่างไม่มีวันกลับคืน ปลุกคำแก้วให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอแหวกม่านหน้าต่าง และเห็นโรสกำลังร่ายรำอยู่อย่างงดงามเป็นภาพครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะถูกชายร่างกำยำหามเธอไปและเหวี่ยงลงสู่บ่อนรกนั่น ภาพที่เห็นทำให้คำแก้วหวาดกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะกรีดร้อง เธอวิ่งตรงดิ่งไปยังห้องพักส่วนตัวของบุตรชายคนโตของสามีทันที ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีปลาสนาการไปจนหมดสิ้น เธอสูญสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่หลงเหลือแม้แต่ความอดทนซึ่งบอบบางดุจใยแมงมุม คำแก้วไม่อาจดำรงชีวิตอยู่ได้อีกต่อไปในอาณาจักรจีนที่ยิ่งใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยอำนาจมืด บัดนี้เธอรู้แจ้งแล้วว่าความตายลึกลับของหญิงสาวในอดีตเกิดขึ้นได้อย่างไร สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือการตายเอาดาบหน้า
คุณก้องเกียรติชายผู้เดียวที่เธอรักและรักเธอ หากแต่เมื่อผลักบานประตูห้องเข้าไป ภาพที่เห็นทำให้หัวใจเธอเย็นเยียบและเหน็บหนาวยิ่งกว่าสิ่งใด ภาพชายสองคนเปล่าเปลือยและกอดกระหวัดกันบนเตียงนั้นชัดเจนแจ่มแจ้ง ชายหนึ่งนั้นคือคนที่เธอสุดรัดสุดบูชาตลอดมา ส่วนอีกชายหนึ่งนั้นคือครูสอนดนตรีสหายสนิทของเขานั่นเอง เธอปิดประตูลงอย่างเงียบเชียบ ใจแหลกสลายอย่างไม่มีชิ้นดี
เสียงกรีดร้องอย่างรุนแรงเมื่อสติสัมปชัญญะซึ่งเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายขาดลง ทำให้เชงสือ เกียงต้องรีบเปิดประตูเข้าไป ภาพที่เห็นคือคุณนายวัยเยาว์ของเขากำลังดึงทึ้งผมตนเองอยู่อย่างรุนแรง ปากก็บ่นพึมพำเพียงคำว่า...ฆาตกร...เขาเข้าไปปลอบประโลมและพยายามเรียกความทรงจำเธอให้กลับคืนมา แต่อนิจจา...ทุกอย่างไม่กลับคืนมาดังเดิมอีกต่อไปแล้ว
หลายเดือนผ่านไป เชงสือเกียงกลับจากสหรัฐอเมริกาพร้อมคุณนายแหม่มคนใหม่ อำนาจเงินบันดาลให้เขากลับมาหนุ่มแน่นได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกครั้ง ด้วยฝีมือแพทย์ศัลยกรรมมือหนึ่งแห่งสหรัฐอเมริกา บ่อยครั้งที่คุณนายแหม่มของท่านเชงจะเห็นผู้หญิงรูปร่างบอบบาง สวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ราวชุดวิวาห์วนเวียนแหวกกอไม้ดอกกอแล้วกอเล่า หล่อนมักพึมพำกับตัวเอง “มงกุฎดอกส้มของฉันหายไปไหน...ช่วยหามงกุฎดอกส้มให้ฉันที...”
... อนิจจา ... ไม่มีใครช่วยหล่อนเสาะแสวงหาสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอดชีวิต …
... ไม่มีใครได้ยินคำพร่ำวอนของคำแก้วเลย...
https://www.facebook.com/teeneedotcom