อ๊อฟ ขึ้นเเท่นป๋าดัน ผนึกกำลัง ส่งลูกสาวเป็นผู้กำกับ มนต์รักหนองผักกะแยง
ยังคงมีเรื่องราวดีๆในแวดวงงานละครให้เราได้ปลื้มใจกันอยู่เสมอล่าสุด อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง ผู้กำกับละครคนดัง ที่ได้สร้างผลงานละครเรื่องใหม่ มนต์รักหนองผักกะแยง โดยดันลูกสาวคนเก่ง บีบี-เอกนรี ขึ้นแท่นเป็นผู้จัดละครครั้งแรก
อ๊อฟ เผยว่า "ก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ช่วงที่บีบี เรียนจบมาใหม่ ๆ ทางพี่ ก็ให้ มาฝึกงานที่กองละคร เพราะอยากให้เขาเรียนรู้งานในทุกตำแหน่ง เพราะกว่าจะผลิตละครเรื่องหนึ่งออกมาได้ มันมีองค์ประกอบหลายอย่างรวมกัน ตั้งแต่ศึกษาเรื่องบท ดูเรื่องแคสติ้ง พี่ให้ทำงาน ทั้งตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้กำกับ ถ่ายภาพ ทำเวที ทำคิว วางคิวถ่าย ดูเรื่องเพลงประกอบละคร ตัดต่อ ซึ่งบีบีเขาก็ชอบ สนุกกับมัน ทำให้เราสบายใจ และให้ก้าวขึ้นมาดูแลงานในส่วนของ การเป็นผู้จัดละคร ซึ่งละครเรื่องนี้ สารภาพเลยว่า ตั้งแต่เตรียมงานกันมาตั้งแต่แรก ไม่ได้ตั้งใจ ให้เป็นละครเพลงเลย
จนถึงตอนที่ถ่ายทำ ฉากที่ณเดชน์ กับ เต๋า ภูศิลป์ ต้องร้องเพลงด้วยกัน ช่วงที่ทำไร่แตงกวา เราก็รู้สึก เออ.. เด็กสองคนนี้ร้องเพลงดี ร้องโคตรเพราะเลย ครั้งต่อมาฉากที่ทุกคนไปแสดงที่งานวัด ร้องหมอลำ ก็ร้องกันได้อีก หลังจากนั้น ทุกคนก็ใส่กันเต็มที่ ซึ่งเรามารู้ทีหลัง ว่าแต่ละคน เป็นนักร้องอาชีพกันแทบทั้งนั้นเลย มันก็เลยเป็นความลงตัว พี่ก็เลยใส่เพลงเข้าไป แบ่งสัดส่วนให้พอดี จะทำให้คนรู้สึกสนุกมากขึ้น ได้รอยยิ้ม ได้สัมผัสทั้งเรื่องราวและบทเพลงไปพร้อม ๆ กันเลยสำหรับละครเรื่องนี้"
บีบี เผยว่า "มันเป็นการทำงานที่กดดันมาก ๆ บีทำการบ้านอย่างหนัก ร่วมกับคุณพ่อ พยายามปรับเปลี่ยนเรื่องราวให้เป็นไปตามสถานการณ์ ให้ทันสมัย เพื่อให้เนื้อเรื่องออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด เราพยายามใช้นักแสดงที่เป็นคนอีสานจริง ๆ เพื่อให้ได้กลิ่นไอของความเป็นอีสาน มีความเป็นคนพื้นถิ่น คนดูแล้วเชื่อได้ แต่ก็มีนักแสดงบางท่าน ที่ไม่ใช่คนอีสาน เราก็ต้องช่วยกันฝึก ช่วยกันซ้อมบท เป็นการทำงานทีมใหญ่จริง ๆ ค่ะเรื่องนี้ แล้วเราก็โชคดี ที่ได้พระเอก และนางเอก อย่างณเดชน์ และ โบ เมลดา ซึ่งเป็นลูกอีสานของจริงมาเล่นด้วย ถึงแม้ทั้งสองท่าน จะไม่ได้พูดอีสานตลอด เพราะมาทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ แต่พอได้บท มีการเคาะสนิม รื้อฟื้น ภาษาท้องถิ่น ทั้งสองท่านก็พูดได้อย่างผ่านฉลุย ละครเรื่องนี้มีการบ้านให้บีต้องคิดตลอด การนำเสนอละคร ก็จะมีทั้งเรื่องเพลงที่แทรกเข้ามาอยู่พอสมควร"
"คุณพ่อเองก็บอกกับบีตามตรง ว่าตอนแรกทีเดียว ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นละครเพลงแบบเต็มสูบ แต่ด้วยแคสติ้ง ที่ทุกคนสามารถร้องเพลงได้ ด้วยจังหวะของละครตรงนั้น พอมีการร้องเพลง มีเพลงเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็จะมีความสมบูรณ์ขึ้นมา อย่างที่เราก็คาดไม่ถึงเลยเหมือนกัน ว่ามันจะลงตัวขนาดนี้ หรืออย่างเรื่องการทำเกษตรอินทรีย์ อันนี้ มีการไปเวิร์กช็อป ตั้งแต่ละครยังไม่เปิดกล้อง ซึ่งนักแสดงก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี พอถึงเวลาที่เราถ่ายทำจริง มันก็ดูทะมัดทะแมง มีความอินไปกับบทมากยิ่งขึ้นค่ะ และเรื่องนี้ สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลยคือเรื่องของประเพณีของทางอีสาน รับรองว่า เมื่อได้ดูแล้ว ทุกคนก็คงอยากกลับบ้าน อยากไปหาคนในครอบครัว อยากกลับไปอยู่กับธรรมชาติ พ่อแม่พี่น้อง ที่มีน้ำใจต่อกัน วิถีของชาวบ้านที่มีความเอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน ซึ่งคีย์ตรงนี้ คือความสำคัญของตัวเรื่อง ที่คุณพ่ออยากสื่อให้ทุกคนรู้ ก็คือ อยากให้ทุกคนกลับบ้าน เพราะไม่มีที่ไหน ดี และมีความสุข เท่าการกลับไปอยู่บ้านของเรา ฝากติดตามละครมนต์รักหนองผักกะแยงกันให้ได้นะคะ 14 พ.ค.นี้ค่ะ"
https://www.facebook.com/teeneedotcom