![]() |
แต่แล้วเจ้าตัวก็ประกาศลั่น ขอเพลาภาพเซ็กซี่ ทว่าบอกเจตนารมณ์ยังไม่ทันไร ก็มีภาพหลุดเต้าโผล่ ด้วยชุดที่ใส่ออกงานหลวมโคร่ง จนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะทาวน์ ว่าเธอสร้างกระแส
และจากเหตุการณ์นั้นทำให้ดาราสาวต่อมน้ำตาแตกอีกรอบ หลังเคยถูกตั้งฉายา "สตอเบอร์รี่เรียกพี่" ที่เคยทำเธอน้ำตาร่วงมาแล้วหนหนึ่ง
วันนี้เจ้าตัวมาเปิดใจถึงฉายาและเรื่องราวต่างๆ ของเธอ
"มันแล้วแต่คนคิด ณ วันนั้นเป้ยพูดในเรื่องที่เป้ยสามารถพูดได้ เป้ยพูดได้แค่นี้ นอกนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวลึกๆ ของเป้ย เพราะฉะนั้น ใครจะมองว่าเป้ยโกหกหรือสตอเบอร์แหลอย่างไรก็แล้วแต่ แต่เป้ยพูดความจริงที่เป้ยสามารถพูดได้เท่านั้นเอง" ดาราสาวเผยความรู้สึกถึงฉายาที่ได้รับ
-ฉายาที่คนอื่นได้รับดูจะค่อยๆ หายไป แต่กับฉายาที่เป้ยได้รับมันกลับอยู่และชัดเจนเหมือนเดิม?
เป้ย - "มันเหมือนเป็นโลโก้ของเป้ยเลยใช่มั้ย แต่ทุกวันนี้เป้ยไม่ได้คิดแบบนั้น เป้ยคิดขำๆ เพราะถึงตัวเป้ยจะมีข่าวแบบนี้ แต่ตัวเป้ยยังมีงานเข้ามาเยอะมากนะ ซึ่งมันมีทั้งดีและไม่ดี เอาเป็นว่าพบกันครึ่งทาง ให้คนรอบข้างเข้าใจว่าเราเป็นแบบไหน สักวันคนอื่นๆ คงเห็นว่าเป้ยเป็นคนอย่างไร ณ วันหนึ่งความดีจะปรากฏให้เห็นเอง"
"ถามว่ากลัวคนที่ไม่รู้จักจะมองเราไม่ดีมั้ย ยอมรับว่าเป้ยแคร์นะ อย่างเวลาที่เป้ยจะไปติดต่ออะไร เป้ยจะกังวลว่าเขาจะเชื่อเราหรือเปล่า เพราะมันมีข่าวแต่ในแง่ลบ มันทำให้ความมั่นใจลดลงไปเยอะ"
-จริงๆ แล้วเป้ยเป็นคนที่ร้องไห้ง่ายมั้ย?
เป้ย - "เป้ยเป็นคนที่เซนซิทีฟมาก เป้ยเป็นคนคิดมาก วิตกจริต ถ้าเอาขาก่ายหน้าผากได้ก็คงเอาไปก่ายแล้ว เป้ยคิดได้ตลอด คืออะไรที่มันสะเทือนจิตใจ เป้ยไม่ชอบ เป้ยจะคิดมาก จะเก็บไปคิด เก็บไปฝันน้ำตาไหล เพราะเป้ยเป็นคนอ่อนไหวอย่างนี้ไง มันเลยทำให้ผลมันออกมาเป็นอย่างนี้ ทั้งนี้ทั้งนั้น เป้ยบริสุทธิ์ใจ เชื่อว่าวันหนึ่งต้องมีคนเชื่อบ้างว่าเป้ยไม่ได้สร้างกระแส ต้องมีสักคนที่เข้าใจเป้ยจริงๆ"
-ตกใจมั้ย?
เป้ย - "ตกใจสิ เพราะเราไม่ได้มีจุดประสงค์จะให้เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว บอกไปแล้วว่าเราอยากเบรกภาพเซ็กซี่ แต่มันกลายเป็นแบบเดิม เราสตอเบอร์รี่อีก กลับมาสร้างกระแสปล่อยจุกโผล่อีก ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องที่ต้องทำเลย มันเป็นเรื่องไม่ดี กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็เหมือนถอยกลับไปอยู่จุดเดิม มันทำให้เรารู้สึกว่าฉันจะไม่หลุดจากคำนี้เลยเหรอ มันทำให้เราคิดมาก แล้วมันก็ทำให้น้ำตาไหลออกมา มันซีเรียสนะ"
-อะไรที่ทำให้อยากเบรกภาพเซ็กซี่ ทั้งๆ ที่ภาพนี้ก็ทำเงิน?
เป้ย - "มันหลายๆ อย่าง ตัวเราก็อยากให้พี่ๆ นักข่าวเห็นลุกส์อีกอย่างที่เป็นตัวเรา ยอมรับว่าบางทีไปข้างนอกคนจำเป้ยไม่ค่อยได้ เพราะไม่ได้แต่งหน้า เป้ยอยากให้คนจำเราได้ในลุกส์ที่เป็น "เป้ย-ปานวาด" จริงๆ "เป้ย-ปานวาด" พยายามบอกว่าตัวจริงไม่ใช่คนเซ็กซี่ ทุกๆ อย่างที่เห็นต้องมีตัวช่วย คนช่วยแต่งหน้า คนช่วยทำผม เป้ยถึงเซ็กซี่ได้"
![]() |
-ลดเซ็กซี่เพื่อ "อาร์" ด้วยหรือเปล่า?
เป้ย - "ใช่ค่ะ เป้ยก็อยากทำเพื่อแม่เป้ย แต่แม่สอนว่าอะไรที่คนรักตรงนั้น คนรู้จักเราจากตรงนั้นก็ให้เคารพมัน ซึ่งเป้ยก็เคารพนะ คำว่าเซ็กซี่ เป้ยยอมรับ ทุกวันนี้ที่มีเงินใช้ก็มาจากงานพวกนี้ เพราะฉะนั้น เป้ยจะไม่รังเกียจ ไม่ดูถูกมันเด็ดขาด"
"แต่ถ้ามีโอกาส ซึ่งตอนนี้เป้ยมีโอกาสที่จะเสนอความเป็นเป้ย ผู้ใหญ่ทางสหมงคลฟิล์มเห็น เขาอยากให้พักเซ็กซี่ เขาไม่ต้องการลุกส์ตรงนั้น เป้ยได้โอกาสตรงที่ผู้ใหญ่ของอาร์บอกว่าเป้ยเป็นผู้หญิงดูแรง เป้ยบอกว่าเป้ยขอโอกาส ซึ่งตอนนี้เป้ยได้โอกาสตรงนั้นแล้ว มันเป็นเรื่องที่ดี เป้ยจะได้พิสูจน์ให้คนรู้และทำให้ผู้ใหญ่หลายๆ คนเห็นว่าเราก็ทำได้ เราไม่ได้เซ็กซี่เรี่ยราดอย่างเดียว"
"ณ วันนี้ความสัมพันธ์กับอาร์ก็ยังดีอยู่ แต่ก็อยากให้เป็นในรูปแบบที่ผู้ใหญ่ไว้ใจ ถามว่าได้เจอตัวกันหรือยัง เป้ยยังไม่ได้มีโอกาสเจอพ่อแม่อาร์ อาร์เองก็ยังไม่มีโอกาสได้เจอแม่เป้ย ฉะนั้น เขาจะได้ยินเรื่องผ่านสื่อหรือมีคนมาเล่าให้ฟัง ฉะนั้น อยากให้ออกมาดีก่อน ภาพเราที่ออกมาในรูปแบบที่ดูดีกว่านี้ ฉะนั้น ถ้าเราทำได้เราก็จะทำ"
-กลัวครอบครัวอาร์รับไม่ได้ด้วยใช่มั้ย?
เป้ย - "ถ้าเป้ยเป็นผู้ใหญ่ เป้ยก็จะไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมคุณต้องไปถ่ายเซ็กซี่ ทำไมคุณต้องอย่างนี้อย่างนั้น มันจะเกิดคำถามขึ้นมากมาย ผู้หญิงที่ถ่ายเซ็กซี่ ดูร้ายๆ เล่นละครก็รับแต่บทร้ายๆ มันจะดูว่ากร้าน ถามว่าชีวิตจริงต้องเป็นแบบนั้นมั้ย ไม่เลย เป้ยรู้จักนางร้ายบางคนไม่ใช่แบบในละครเลย แต่ละคนนิสัยดี น่ารัก เป็นผู้หญิงมากๆ แต่ภาพที่ออกมาดูเซ็กซี่เป็นผู้หญิงแรงๆ ไป"
-สมมติว่าสามารถย้อนอดีตได้ เป้ยอยากกลับไปแก้ไขอะไร?
เป้ย - "อยากไปแก้หลายๆ อย่าง อย่างเรื่องฉายา จะตอบข่าวให้เคลียร์มากกว่านี้ จะทำอะไรจะให้ชัดเจนมากกว่า จะได้ไม่มีฉายาตามมา เพราะมันค่อนข้างมีผลกระทบกับเป้ยมาก แต่ถามว่าจะกลับไปแล้วจะไม่เซ็กซี่มั้ย คงไม่ใช่ เพราะเราเกิดจากตรงนี้ค่ะ"
ไม่ต้องเมก ไม่ต้องสร้าง ตัวตนจริงเป็นยังไง สักวันทุกคนย่อมรู้
ไอรัก"อาม่า"ทำให้อบอุ่น
เป็นดาราสาวอีกคนที่มีชีวิตเหมือนนิยาย สำหรับ "เป้ย"ปานวาด เหมมณี เพราะพ่อแม่แยกทางกันตั้งแต่ยังไม่เกิด
ทำให้เธอได้รับการเลี้ยงดูจาก "อาม่า" ที่รักเธอเหมือนลูกในไส้
"ตอนเด็กๆ อยู่ที่อ.เบตง จ.ยะลา อาม่าเลี้ยงเป้ยมาตั้งแต่เกิด เพราะพ่อแม่เป้ยแยกทางกันก่อนที่เป้ยจะเกิด" เป้ยเริ่มเล่าชีวิต
![]() |
"เป้ยไม่ได้รู้สึกขาดความอบอุ่น ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเด็กมีปัญหานะ เพราะเป้ยมีความรักเต็มที่แล้วมั้ง ทั้งจากคุณลุง คุณป้า คุณน้า แล้วอาม่าค่อนข้างห่วงเป้ยเหมือนลูกในไส้ ญาติๆ จะรู้เลยว่าใครห้ามเอาเป้ยไปไหนเด็ดขาด เพราะอาม่าหวงมาก"
อยู่กับยายมาตั้งแต่เด็ก และเพิ่งได้มาอยู่กับคุณแม่ที่กรุงเทพฯ ก็เมื่อตอนอายุ 18-19 ปีนี้เอง
ส่วนกับคุณพ่อนั้น เพิ่งจะมาเห็นหน้ากันก็หลังจากที่เธอเข้าวงการแล้ว
"ตอนแรกเป้ยจินตนาการว่าถ้าเจอคุณพ่อจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เวลาเป้ยทะเลาะกับคุณแม่ ก็มีแบบแอบคิดถึงคุณพ่อ แต่พอได้เจอจริงๆ มันไม่มีความผูกพัน ทุกวันนี้ก็มีโทร.คุย ถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ แต่เป้ยก็ยังใช้ชีวิตแยกออกมาค่ะ"
ช่วงวัยเรียน "เป้ย-ปานวาด" เป็นเด็กสาวคนหนึ่งที่เฮี้ยวหนักข้อ ในห้องปกครองมีไม้เรียวกี่ระดับเธอโดนมาแล้วทุกระดับ ด้วยเป็นคนรักเพื่อนมาก ใครมาทำร้ายเพื่อนเป็นไม่ได้ เธอต้องเดือดร้อนและขอลุยก่อนเสมอ
"ตอนนั้นจะออกแนวสู้ ไม่ได้รักสวยรักงาม แต่พอขึ้นระดับมหาวิทยาลัยก็เปลี่ยนไปเลย จะเป็นในรูปแบบของเรียนมากกว่า อาจจะเป็นเพราะเราโตด้วยมั้ง เลยทำให้รู้จักคิด"
ครอบครัวคนจีนส่วนใหญ่ไม่ชอบให้ลูกหลานเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ซึ่งเป้ยก็โดนเช่นกัน
"อาม่าไม่ชอบ ไม่เห็นด้วยที่เป้ยทำงานในวงการ อาม่าดูในโทรทัศน์ท่านปฏิเสธตลอดว่านี่ไม่ใช่เป้ย"
"แล้วตอนนั้นท่านเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ทำคีโม ทำให้สมองลบเลือนไปบางอย่าง ตอนนั้นเป้ยเองก็เสียใจที่อาม่าไม่สบาย แต่การที่อาม่าจำเป้ยในทีวีไม่ได้ก็เป็นการดีอย่างหนึ่งที่อาม่าจะได้ไม่ต้องคิดมากว่าหลานมาอยู่ในวงการบันเทิงจะเป็นอย่างไร"
และวันนี้ "เป้ย" ก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เธอสามารถยืนหยัดอยู่ในวงการได้อย่างไม่ต้องให้ "อาม่า" เป็นกังวล
"รัก"ที่ไม่คาดหวัง
"เป้ยรู้จักอาร์ในช่วงที่เขาประกวดเดอะสตาร์ เป้ยได้ดูและก็โหวตให้เขา จากนั้นก็มีโอกาสได้รู้จักกันค่ะ" "เป้ย"ปานวาด เหมมณี เปิดม่านสนทนาถึงที่มาในการคบหากับแฟนหนุ่ม "อาร์"อาณัติพล ศิริชุมแสง
ด้วยบุคลิกที่ต่างกันคนละขั้ว มุมมองที่ต่างกัน เป้ยมองโลกในแง่ลบ อาร์มองโลกในแง่บวก เมื่อมาเจอกัน ต่างคนต่างปรับและแชร์มุมมองร่วมกันจนได้จุดศูนย์กลาง ทำให้ทั้งคู่คบหากันได้อย่างลงตัว
"โชคดีที่อาร์เชื่อคำพูดเป้ย เขาเชื่อว่าประสบการณ์ได้สั่งสอนเป้ยมาจริงๆ เขาเป็นคนใจเย็น อย่างเป้ยโผงผาง แต่เขาสามารถสอนให้เป้ยใจเย็นได้ อีกอย่างนิสัยเราจะเด็กๆ เหมือนกัน เวลาคุยจะรู้เรื่องกันแค่สองคน คือเป้ยชอบอ้อนอาร์ อาร์ก็ชอบอ้อนเป้ย เลยคบกันมาได้เรื่อยๆ"
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว
https://www.facebook.com/teeneedotcom