‘สายโลหิต’ กับ ‘พอร์ช’ และ ‘คนทรยศ’ ที่มีอยู่ทุกสมัย

หลังจากละครแพร่ภาพมาได้สักระยะ พอร์ช ศรัณย์ ศิริลักษณ์ บอกว่า

"ก็โอเคนะครับ คนพูดถึงเยอะอยู่ เราถ่ายทำมานานเหมือนกัน พอได้เห็นงานตัวเองก็รู้สึกว่า หายเหนื่อย"

"แต่ยาก เพราะเป็นคำพูดสมัยก่อน บทพูดต้องเป๊ะ ห้ามผิด ซึ่งยาก ตั้งแต่เล่นมาบทพูดเยอะสุดแล้ว ซีนหนึ่งเป็นสิบบรรทัดได้

"ที่เล่นละครพีเรียด คือละครน่าสนใจ เกี่ยวกับความสามัคคีของคนไทย ถ้าดูจะเห็นว่าทุกสมัยยังมีคนเห็นแก่ตัว ไม่รักชาติ ทรยศแผ่นดิน ทำให้ประเทศไม่สามัคคี ทำให้คนทะเลาะกัน สมัยนี้ก็มี"

กับบท ‘ขุนไกร'
"บทเข้ากับยุคสมัยมากขึ้น โปรดักชั่นก็คนละแบบ ยังไงก็ไม่สามารถแทนเวอร์ชั่นเก่าได้ เพราะเขาทำไว้ดีมากๆ แต่อยากให้เปิดใจดูขุนไกรเวอร์ชั่นนี้ดู อยากให้มองเป็นละครอีกเรื่องมากกว่า เข้าใจที่คนสงสัยว่าจะเป็นขุนไกรได้เหรอ เข้าใจการที่ดูละครเรื่องหนึ่งแล้วรู้สึกเป็นละครที่ตราตรึงหัวใจ อยากให้เปิดใจเท่านั้นเอง เห็นครั้งแรกคนบอกไม่เข้าบ้าง พอคนพูดถึงเยอะ ก็พยายามว่าจะทำอย่างไรดี ให้คนสนใจ พยายามปรับคาแร็กเตอร์ อยากให้คนดูรู้สึกว่า ขุนไกรเวอร์ชั่นนี้คือพอร์ช

"ไม่อยากให้มองว่าพอร์ชเล่นเหมือนพี่ หนุ่ม (ศรราม เทพพิทักษ์) อยากให้มองว่าเป็นพอร์ชเอง เพราะเราก็ทำการบ้านเยอะ พยายามวางคาแร็กเตอร์ให้ดูแตกต่าง แต่ยังรักชาติ รักนางเอกเหมือนเดิม

"ก็กดดันเยอะ พยายามเล่นไม่ให้เหมือนให้ดูเป็นอีกแบบ แต่ไม่เครียดมาก สนุกมากกว่า ตั้งใจว่าต้องทำให้ได้ แต่ไม่เคยให้คะแนนตัวเอง ตอนถ่ายไม่ได้ดูภาพรวม ดูแค่ซีนนั้นเราทำได้ไหม แต่พอใจในสิ่งที่ตั้งใจไว้"

กับ ‘นาว'
"รู้จักน้อง (นาว ทิสานาฎ ศรศึก) มานาน แต่ได้เล่นด้วยกันเรื่องแรก

"ปกตินาวจะเป็นคนห้าวๆ พอมาเล่นหวานๆ กับผม ก็ละลายคาแร็กเตอร์กับตัวจริง ต้องยอมรับว่าเก่ง ก็จะขำกันเอง

"น้องเป็นคนทำงานตั้งใจ อินเนอร์ดีมากๆ เป็นคนแมนๆ ง่ายๆ อะไรก็ได้ บางฉากจะบอกว่าเดี๋ยวพี่เล่นแค่นี้พอนะ จะได้ไม่ต้องโดนตัวเยอะ แต่นาวบอกว่าเต็มที่เลย เดี๋ยวหนูไม่อิน

"ถ้าดูสองตอนแรก ตอนเด็กก็น่ารัก เกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน เดี๋ยวพอดาวเรืองโต ก็จะน่ารักมากขึ้น แต่คงไว้แบบคนสมัยก่อน ความเป็นแม่หญิง โดนตัวนิดหนึ่งก็เขินแล้ว"

วงการบันเทิงปัจจุบัน

"ผมว่าสมัยก่อนจะเป็นนักแสดงหรือเป็นอะไรไม่ง่ายนะ กว่าจะเข้าวงการมาได้ใช้เวลา ช่องใหญ่ๆ ก็มีน้อย พอได้เข้ามาอยู่ในช่องก็โอ้โฮ ได้มาเล่นละคร ก็ไม่ได้ง่ายนะตอนที่ผมเข้ามา

"สมัยนี้เป็นดารากันง่ายมากเลย ไม่ว่าจะเรื่องเข้ามาแสดง หรือเน็ตไอดอล คุณถ่ายคลิปเยอะๆ แล้วคุณก็ดัง คนดังเพราะถ่ายคลิปเยอะก็มาเล่นละครได้แล้ว เพราะฉะนั้น มีให้เห็นเยอะคนสมัยนี้คือ พยายามให้ตัวเองเป็นซัมวัน พอมาเป็นซัมวันปุ๊บก็ได้เล่นหนังแล้ว บางคนก็ดังในสิ่งที่ไม่ดีเยอะ ดังมาจากไม่ดีก็ได้เล่นหนัง ขอแค่คุณมีกระแสคนสนใจ ทำไมสังคมถึงเป็นแบบนี้ก็ไม่เข้าใจ ทีคนทำดีๆ ไม่เห็นได้มาเล่นอะไรเลย วงการเปลี่ยนไปเยอะ

"ผมหรือ ผมก็ทำตัวปกติของผม ผมไม่ค่อยเรื่องมากอะไร ทำงานให้เกียรติคน มีวินัย ถ้าตั้งใจก็อยู่นาน แต่บางทีเข้ามาเร็ว ไม่มีความรับผิดชอบ แบบนี้ก็อยู่ไม่นาน"

Cr::: matichon.co.th