‘รอมแพง’ แจงโพสต์น้อยใจ โดนหั่นฉากเด็ด “บุพเพฯสเปเชียล”

วันที่ 24 เม.ย. ที่โรงแรมคราวน์ พลาซ่า มีงานเสวนาพิเศษ "จากนวนิยายรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด สู่ละครดัง"

ซึ่งมี "อุ้ย-จันทร์ยวีร์ สมปรีดา" หรือที่รู้จักในนาม ‘รอมแพง' นักเขียนรางวัลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ครั้งที่ 7 จากนวนิยายชื่อดัง ‘บุพเพสันนิวาส' ร่วมเสวนา และให้สัมภาษณ์อัพเดตละคร ‘พรหมลิขิต' ซึ่งเป็นภาค 2 ต่อจากเรื่อง บุพเพฯ รวมถึงกรณีที่จะนำละครบุพเพฯ มาทำภาพยนตร์ โดยมี กระทรวงวัฒนธรรม ออกปากทุ่มงบไม่อั้น พร้อมแจงดราม่าโพสต์โวยตอนพิเศษ ไม่มีในสิ่งที่คิด!

ถามถึงที่โพสต์บ่นน้อยใจตอนพิเศษของบุพเพสันนิวาส
"ไม่ได้น้อยใจ แต่เป็นการจิกกัด (หัวเราะ) คือไม่เชิงว่าไม่พอใจ เพียงแต่เรารู้สึกว่าทำไมอุตส่าห์นั่งดู ไม่เห็นมีเลย ไหนบอกว่ามี เราอยู่ในฐานะคนดู ไม่ได้อยู่ในฐานะเจ้าของบทประพันธ์ เพียงแต่เราบ่นในแฟนเพจเรา ที่เราบ่นคือ บ่นเป็นเพื่อนกับแฟนคลับของเรา หัวอกเดียวกัน แบบเรามาสุ่มหัวกันตรงนี้เถอะ ประมาณนี้ แต่ไม่ได้โกรธเกรี้ยดกราดขนาดนั้น ไม่ได้ตำหนิ แค่รู้สึกเฮ้ย! ทำไม มันเป็นการจิดกัดของความผิดหวัง ว่าแม้แต่ผมของแม่ปรางก็ยังไม่ได้เห็นเลย อะไรกัน"

เห็นพูดอีกว่า จะมีรีรันเดือนหน้า จะดูดีไหม มันเป็นความรู้สึกจริงๆ ไหม
"ยังไงก็ต้องดู แต่แค่รู้สึก หึ ไหนบอกว่าจะมีทำไมไม่มี แล้วจะให้ไปดูตอนรีรัน คือเป็นความรู้สึกเหมือนคนดูทั่วไป ไม่ใช่ขุ่นเคือง แค่บ่นออกมา แต่ไม่คิดว่าที่เราบ่นจะฮือฮา คนจะเอาไปโฟกัส เพราะเป็นเรื่องปกติของคนที่ตามดูละครบุพเพฯ อยู่แล้ว หลายคนก็บ่น ไม่ใช่แค่เรา"

หลังเราโพสต์บ่น ทางพี่หน่อง-อรุโณชา ได้มีฟีดแบกกลับมาไหม
"เขาก็ตกใจ โทรมา บอกน้องอุ้ยๆ ไปพิมพ์อะไรหน้าเพจ เราก็บอกว่าพิมพ์ค่ะ ไหนบอกว่ามันจะมี ทำไมไม่มี คือแค่นั้นเอง เขาก็ขอโทษที่ไม่ได้มาคุยกันก่อน ให้เราไปเห็นในเว็บของช่องเอง และเราเอามาคิดว่าน่าจะเป็นแบบนี้ เพราะเว็บช่องเขาบอกว่าจะมีตอนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน"

เราคาดหวังว่าจะได้เห็นฉากอะไรบ้าง
"อยากเห็นลูกๆ ทั้ง 4 คนของการะเกด ฉากไปตลาด อยากเห็นแม่ปรางเพราะแม่ปรางน่ารัก คือมันไม่เชิงว่าอยากเห็นขนาดนั้น แต่เหมือนเขาบอกแล้วว่ามี แต่กลับไม่มี แค่ผิดหวังเหมือนคนดูคนนึง"

เลยมีกระแสโจมตีช่องเยอะมาก
"ใช่ และก็มีที่เขาเข้ามาบ่น มาว่ากับเพจเราเหมือนกัน เราก็ตอบไปเนอะ เพราะเราก็รอดู เราเป็นพวกเดียวกัน"

ฟีดแบกว่าทำไมมาหลอกคนดู ผิดหวัง ค่อนข้างเยอะ ละครมาดีมาก แต่เหมือนตายตอนจบ
"ก็ไม่เชิงตายตอนจบ เพราะตอนจบสำหรับเราคือวันที่ 11 เม.ย. คือจบแล้ว แต่ส่วนทึ่เอามาฉายซ้ำหรือเป็นสเปเชี่ยล เราก็อยากเห็นอะไรที่มันสเปเชี่ยลไง แต่นี้มันไม่สเปเชี่ยล"

ส่วนตัวเสียดายมั้ยเพราะทำมาดี ถ้ามีตอนที่โดนตัด คงไม่น่ามีคอมเม้นต์ไม่พอใจ
"ไม่นะ ส่วนนึงเราก็เข้าใจช่องด้วย ว่ายังไม่มาให้ละคร หนึ่งด้าวฟ้าเดียว มาในช่วงวันหยุดยาว คนก็ออกไปเที่ยว คงไม่มาโฟกัสกับละครใหม่ที่กำลังจะฉาย คือเราก็ไม่รู้ว่าช่องคิดอะไร แต่เราก็เข้าใจเขาในส่วนที่มาทำสเปเชี่ยล แต่ไม่เข้าใจว่ามันสเปเชี่ยลตรงไหน"

แล้ว 15 ตอนที่จบไป คิดว่ามันสมบูรณ์หรือยัง
"เราคิดว่าตอนจบมันเร่งไปหน่อย แต่มันมีเวลาแค่นั้นก็ต้องยอมรับ ซึ่งเขาทำได้ค่อนข้างสมบูรณ์อยู่แล้ว แค่คัดเร็วไปนิด พลาดไม่ได้เลยสักนิด"

ความคืบหน้าเขียนเรื่องพรหมลิขิต "พรหมลิขิต ยังไม่ได้เขียนสักตัวเลย อยู่ในช่วงหาข้อมูลอยู่ เดี๋ยวเดือนพฤษภาคมจะไปรับข้อมูลจากอาจารย์ทางด้านภาษาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ แล้วก็จะไปหาข้อมูลที่หอสมุด ดูพวกวิทยานิพนธ์ ในภาคนี้จะพูดถึงเรื่องราวสมัยพระเจ้าท้ายสระ เพราะรู้สึกว่าท่านมีความคอมเมดี้ดี ท่านมีชื่อเล่นว่าขุนหลวงทรงปลา แล้วจะมีพระราชกำหนดห้ามประชาชนจับปลาตะเพียน กินปลาตะเพียนซึ่งมันคอมเมดี้มาก สมัยนั้นมันมีเรื่องราวที่น่าแปลกใจ มีเรื่องราวที่น่าสนใจเยอะ เรามองว่ามันน่าจะเข้ากับนิยายของเรา ก็น่าจะออกมาคล้ายๆ กับบุพเพสันนิวาส แต่คนละสมัยกัน มีเรื่องรักเป็นเส้นหลัก มีความเพี้ยนของนางเอก แต่ก็จะเพี้ยนไปในอีกแบบนึง ต้องรอดูกันนะ"

กดดันมั้ย คนจับตารอชม คอยถามเมื่อไหร่จะได้ชมภาค2
"ถามเยอะมากค่ะ แต่เราไม่ได้กดดันอะไร เราก็เขียนไปตามที่เราอยากจะเขียนอยู่แล้วมันทำอะไรไม่ได้อยู่แล้วนอกจากที่เราจะเขียนในสิ่งที่เราอยากเขียนเท่านั้นเอง ก็พยายามทำให้มันออกมาดีที่สุด ส่วนผลมันจะออกมาเป็นยังไงก็แล้วแต่คนดู คนอ่านจะตัดสินใจ ตอนนี้ยังหาข้อมูลได้ไม่ครบถ้วน ยังไม่รู้สึกว่าตอนนี้จะต้องมานั่งเขียนพล็อตที่ละเอียด ต้องรอให้ข้อมูลครบถ้วนก่อน แล้วเราก็ยังไม่ได้เริ่มอ่านข้อมูลหลายๆอย่างที่น่าจะใช้ในการเพิ่มเหตุการณ์ในเรื่องราวของนิยายด้วย เราใส่มุกในบุพเพฯ จนแทบจะหมดแล้ว ก็ต้องขอเวลาเราคิดมุกใหม่ๆ ด้วย เราเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเราจะทำได้สักแค่ไหนเพราะเราเองก็ยังไม่ได้เริ่มเขียน"

บุพเพฯก็ใช้เวลานานกว่าจะเขียนเสร็จหาข้อมูล 3 ปี เขียน 1 เดือน แล้วพรหมลิขิตจะใช้เวลานานกว่าหรือเร็วกว่ามั้ย

"3 ปีของบุพเพฯคือว่างก็หา ไม่ว่างก็ทำอย่างอื่น เราไม่ได้มุ่งมั่นกะจะเอารางวัล มันเป็นไปตามธรรมชาติของมัน ไปดูสถานที่จริงบ้างอะไรบ้าง เราทำไปเรื่อยๆ จนเรารู้สึกว่าเราตกตะกอนแล้วเราจะเขียนแล้วเราถึงเขียน พรหมลิขิตก็น่าจะคล้ายๆ อย่างนั้น"

โดนเร่งมาขนาดนี้จะชิลได้ไหม
"ก็ยังเป็นกำหนดเดิมภายใน 2 ปี เราก็กะเกณฑ์แบบกว้างๆ ยาวๆ ไว้ก่อนเผื่อเราทำไม่ได้ (หัวเราะ) ก็รอกันไปก่อนนะคะ อย่างบุพเพฯเองก็นานนะ ใช้เวลา 7 ปีกว่าจะได้ดูกันนับจากวันที่ซื้อบทประพันธ์ไป แล้วพรหมลิขิตถ้าจะให้มันดีกว่าบุพเพฯก็ต้องใช้เวลาที่มากกว่ารึเปล่า เราด็ไม่รู้เหมือนกัน เขียนบท 2 ปี ทำเป็นละครนี่ก็น่าจะมากกว่า 2 ปี เราพยายามจะเขียนนิยายให้จบภายใน 5 ปี ตามที่เคยบอกไว้ เราไม่อยากจะบอกว่าเดี๋ยวปีนี้ก็จบ ถ้ามันไม่จบขึ้นมา มันก็เกิดเป็นความคาดหวังของคนที่รอ เราก็ให้เขาคาดหวังไปสัก 5 ปี(หัวเราะ) ก็คิดว่าคนน่าจะรอได้ เหมือนที่เขารอบุพเพฯเขายังรอกันได้เลย"

ทางคุณหน่องมาถามมั้ยว่ามันจะยังไง นานไปมั้ย ขอเร็วกว่านี้หน่อยเดี๋ยวกระแสมันจะจาง
"ไม่มีบี้ ไม่มีถาม แล้วแต่เราเลยค่ะ เราคุยกันแล้วว่าเอาเท่าที่เราทำได้ ถามถึงเรื่องกระแสจะซา เราเองอยากจะให้กระแสมันขาดตอนไปเลยเหมือนกัน คนจะได้ลืมๆ ของเก่า ให้ความรู้สึกประทับใจของคนมันซาๆ ไป เพื่อที่งานใหม่มาเขาจะได้เปิดรับมันได้อย่างเต็มที่ ไม่เปรียบเทียบอะไรมากนัก ให้เขาจำไว้เป็นความทรงจำมันก็น่าจะดีกว่า เหมือนเขายังมีความทรงจำดีๆ ของบุพเพฯ พอมาเจอพรหมลิขิตก็เหมือนเขาได้มาเจอเพื่อนเก่าที่เปลี่ยนโฉมใหม่ มันก็น่าจะดี แต่เราไม่ได้มีความตั้งใจที่จะยื้อให้ยาว เราเอาตามที่เราทำได้ ซึ่งตอนนี้เราก็ไม่รู้ว่ามันจะเมื่อไหร่ อย่างไร"

แล้วที่มีข่าวจะทำภาพยนตร์
"ก็ต้องรออีก ยังไม่ได้เซ็นสัญญาอะไร แต่เราพูดคุยทำสัญญากันเรียบร้อยแล้ว แค่ยังไม่ได้เซ็น ตอนนี้บุพเพฯ ก็ยังไม่ได้เซ็นเพราะหมดสัญญาไปเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ครั้งก่อนเซ็นสัญญาไว้5ปี แล้วต่อสัญญาปีต่อปี แต่ปีนี้ยังไม่ได้เซ็น"

ภาพยนตร์มันมีระยะเวลาไหม
"5ปี นับจากที่เซ็นสัญญา แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เซ็น คือภาพยนตร์บุพเพฯ จะได้เห็นภายใน 5 ปี แต่ละครเรื่อง พรหมลิขิต ยังบอกไม่ได้ว่ากี่ปี คือเรายังไม่ได้คุยรายละเอียด ส่วนภาพยนตร์ก็คุยแค่จะซื้อ และยังไม่ได้เซ็นสัญญา แต่ถ้าว่างคงนัดคุยกัน"

เนื้อเรื่องละครกับภาพยนตร์ จะต่างกันขนาดไหน
"ต้องรอดูค่ะ ภาพยนตร์มันต้องมีจุดสนใจมากกว่าละคร แต่เราไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นคนเขียนบท เพราะมันต้องขึ้นกับคนเขียนบทอย่างเดียวเลย และเราไม่ใช่คนเขียนคนบท เราขายแค่เรื่องเหมือนละคร แต่ภาพยนตร์คือจะไม่เกี่ยวกับช่อง 3 เลยนะคะ เหมือนเป็นทางบรอดคาซท์ทำคนเดียว ลงทุนเอง ไม่เกี่ยวช่อง"

Cr::: khaosod.co.th