The Mask Singer หน้ากากนักร้อง
รูปแบบและกติกาของรายการ
ผู้เข้าแข่งขันทั้ง 32 คน ซึ่ง เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิงทั้งสิ้น จะต้องปกปิดตัวตนของพวกเขาภายใต้การ สวมใส่หน้ากากคนละ 1 รูปแบบ และเครื่องแต่งกายที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะ ภายใต้ข้อสัญญาที่ทำไว้ร่วมกับทางรายการอย่างเข้มงวดในการเข้าร่วมการแข่งขันกับรายการ โดยจะต้องออกมาแข่งขันร้องเพลงภายใต้ตัวตนที่ปกปิดและซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากประจำตัวของแต่ละคน ซึ่งถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดชนะจากคะแนนเสียง (โหวต) ของกรรมการและผู้ชมในห้องส่งที่ใช้ในการตัดสิน จะได้ผ่านเข้าไปสู่ในรอบการแข่งขันถัดไป ส่วนผู้เข้าแข่งขันที่แพ้ จะต้องยินยอมเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากออกมา โดยจะทำการแข่งขันเช่นนี้จนได้ผู้ชนะของทั้ง 4 กลุ่มสุดท้าย จะต้องมาแข่งขันตัดสินกันเพื่อหา "The Mask Singer" คนแรกของประเทศไทยการแบ่งกลุ่มการแข่งขัน
การแข่งขันของผู้เข้าแข่งขันทั้ง 24 คน จะถูกแบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม (กลุ่ม A, กลุ่ม B, กลุ่ม C และกลุ่ม D) [6]กลุ่มละ 8 คน (ในตอนแรกทางรายการแจ้งจำนวนกลุ่มมีแค่ 3 กลุ่ม คือ กลุ่ม A, กลุ่ม B และ กลุ่ม C) ซึ่งจะถูกจับคู่ในการแข่งขัน 4 คู่ (คู่ละ 2 คน) โดยการออกอากาศในแต่ละครั้งจะแข่งขันกัน 2 คู่ ใน 1 กลุ่ม ซึ่งถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดชนะจะได้ผ่านเข้าไปสู่ในรอบการแข่งขันถัดไป โดยในรอบถัดไปนั้นจะทำการแข่งขันกัน 2 คู่ (คู่ละ 2 คน) หลังจากนั้นจะเป็นรอบตัดสินของแต่ละกลุ่ม โดยจะทำการแข่งขันกันเพียง 2 คน ที่เป็นผู้ชนะจากในรอบก่อนหน้า โดยในรอบนี้ถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดชนะ จะได้รับเป็นตัวแทนกลุ่มของแต่ละกลุ่มมาแข่งขันกันในรอบชิงชนะเลิศเพียง 4 คน เพื่อหา "The Mask Singer" ซึ่งเป็นผู้ชนะเพียงคนเดียวและคนแรกของประเทศไทย
ลักษณะการแข่งขัน
รอบเปิดตัวผู้เข้าแข่งขัน
ทางรายการจะให้ชมวีทีอาร์ (VTR) เล่าถึงที่มาของผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนก่อน (โดยให้ชมเพียง 2 คน ต่อ 1 รอบการแข่งขัน) ซึ่งในวีทีอาร์ผู้เข้าแข่งขันต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริงตัวหน้ากากและเครื่องแต่งกายที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้โดยเฉพาะด้วย ภายใต้ข้อสัญญาที่ทำไว้ร่วมกับทางรายการอย่างเข้มงวดในการเข้าร่วมการแข่งขันกับรายการ หลังจากนั้นจะเปิดตัวผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนในสภาพที่ปกปิดตัวตนที่แท้จริงเช่นเดียวกัน ต่อหน้าคณะกรรมการและผู้ชมในห้องส่งทั้ง 2 คน
รอบแข่งขันร้องเพลง
ผู้ดำเนินรายการจะแจ้งชื่อเพลงและศิลปินที่ผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะใช้ในการแข่งขัน หลังจากนั้นผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะต้องแข่งกันร้องเพลงดังกล่าวจนจบเพลงทั้ง 2 คน แล้วจึงเริ่มทำการปรึกษา,วิเคราะห์ และทายตัวตนของผู้เข้าแข่งขันจากคณะกรรมการทั้ง 7 คน
รอบลงคะแนนเสียง
คณะกรรมการทั้ง 7 คน และผู้ชมในห้องส่งทั้ง 169 คน จะต้องทำการลงคะแนนเสียงให้กับผู้เข้าแข่งขันในรอบการแข่งขันนั้น ๆ เพียงคนเดียวเท่านั้น (จาก 2 คนที่มีให้เลือกต่อ 1 รอบการแข่งขัน) โดยผู้ชมในห้องส่งนั้นจะทำการลงคะแนนผ่านสมาร์ตโฟนจากผู้สนันสนุนของรายการ หลังจากนั้นทางรายการจะรวบรวมคะแนน แล้วประกาศผลการตัดสินหลังจากรอบซักถามเสร็จสิ้นลง
รอบซักถาม
คณะกรรมการทั้ง 7 คน และผู้เข้าแข่งขันแต่ละคนจะ มีเวลาให้ 2 นาที ในการสนทนาหรือให้คณะกรรมการได้ถามต่อผู้เข้าแข่งขันคนนั้น ๆ เพียงคนเดียว หลังจากที่หมดเวลาไปแล้วคณะกรรมการจะต้องสนทนาหรือถามคำถามกับผู้เข้าแข่งขันอีกคนหนึ่งทันที โดยผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าวห้ามแสดงกิริยา น้ำเสียง หรือบอกลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวตนที่แท้จริงเด็ดขาด แต่สามารถตอบโดยดัดแปลงเสียงพูดหรือกิริยาท่าทางให้ต่างจากที่ตัวของผู้เข้าแข่งขันเองคุ้นเคยได้ และในการถามของคณะกรรมการ ผู้เข้าแข่งขันคนดังกล่าวสามารถตอบเรื่องจริงหรือพูดในเรื่องโกหกเพื่อหลอกคณะกรรมการได้เช่นกัน
รอบตัดสิน
ผู้ดำเนินรายการจะประกาศผลการตัดสินในการแข่งขันแต่ละรอบ ซึ่งถ้าผู้เข้าแข่งขันคนใดจาก 1 ใน 2 คน ได้คะแนนเสียงจากกรรมการและผู้ชมในห้องส่งที่มากกว่าผู้เข้าแข่งขันอีกคนหนึ่ง จะได้สิทธิ์ผ่านเข้าไปสู่ในรอบการแข่งขันถัดไป โดยที่ยังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนได้ในตอนนี้ ส่วนผู้เข้าแข่งขันที่แพ้ จะต้องยินยอมเพื่อเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากออกมา และจะมีการสนทนากับคณะกรรมการในภายหลัง เป็นอันสิ้นสุดการแข่งขันในหนึ่งรอบ
https://www.facebook.com/teeneedotcom