“พีท ทองเจือ” เปิดใจชีวิตครอบครัวเกือบพัง เพราะเรื่องนี้? เมีย2018 ใกล้เคียงชีวิตจริง!! (มีคลิป)

พีท : คาแร็คเตอร์ก็คือ เรื่องที่เกิดขึ้นมันเกิดที่บริษัทเรา คาแร็คเตอร์ตัวนี้่ไม่ใช่คาแร็คเตอร์หลัก แต่ด้วยกระแสที่ออกมาต้องขอบคุณคนขียนบทที่ทำให้บทไปโดนใจผู้ชายและสุภาพสตรีที่ดูอยู่ ซึ่งทางช่องก็มีการปรับและเพิ่มบทให้เล่นเรื่อย ๆ

เจ็ง : ก็มีบ้างเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าห่วงจริง ๆ ก็คงเป็นเรื่องสุขภาพ

เจ็ง : ตอนแรกไม่ได้ดู เพราะเห็นว่าละครยังถ่ายไม่จบ แต่พอเราออกไปข้างนอกก็มีแต่คนพูดถึงเยอะก็เลยกลับมาดูย้อนหลัง

เจ็ง : ก็ต้องชอบคุณสุชาติสิ

พีท : เราเจอที่สยาม วันนั้นเราไม่ได้ถ่ายละครก็เลยไปช้อปปิ้ง ก็เจอกันเขาก็มากับน้อง แล้วเราก็ขอเบอร์เค้ามา แต่เค้าก็ให้เบอร์แม่เค้ามา

เจ็ง : ตอนนั้นเราเรียนที่ออสเตรเลีย และกลับมาช่วงซัมเมอร์ มันไม่มีโทรศัพท์ใช้ก็เลยให้เบอร์แม่ไป แต่สักพักเราก็กลับไปเรียนต่อ แต่ก็คุยกันตลอด

เจ็ง : กลัวนะ อันดับแรกเพื่อนเตือนก่อนเลย เพื่อนบอกอย่ายุ่งพี่พีทเจ้าชู้ เค้าก็เล่าให้ฟัง เราก็กลัวนะ แต่ด้วยนิสัยส่วนตัวจะต้องรู้เองด้วยไม่ใช่ฟังคนอื่นมา ก็เลยให้โอกาสคุยกัน เค้าก็พูดบ่อยว่าแต่งงานกันเถอะ เราก็ฟังนะแต่ไม่เชื่อหมด เพราะว่าตลอดเวลาที่คบกันเราค่อนข้างมีกำแพง เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียใจ

เจ็ง : มันมีสารพัด ทั้งท้องแน่นอน แต่งสักพักเดี๋ยวก็เลิกกัน ก็กดดันนะ เพราะเจ็งไม่ใช่คนของประชาชนไม่ได้อยู่ในวงการนี้เลย ในช่วงนั้นคือเรารับไม่ได้ในระดับหนึ่งแต่ว่าเราใช้วิธีไม่ดูข่าว ตัวพี่พีทเองก็ไม่เอาข่าวมาให้ดูเท่าไร ก็ผ่านช่วงที่แต่งงานไปได้ แต่มีเหตุการณ์แรง ๆ ช่วงที่มาใช้ชีวิตด้วยกันนี่แหละ

เจ็ง : ก็รู้สึกแย่ จริง ๆ ตอนนั้นเราเพิ่งเรียนจบเมืองนอกมันก็รู้สึกอ้วนกว่านี้ มันก็อาจจะมีกระแสว่าสาวนอกวงการใครก็ไม่รู้ไม่ใช่ดารา ไม่ใช่นางแบบ หุ่นก็ไม่ดี สารพัด เคยถึงขนาดออกไปเที่ยวด้วยกันเดินด่าอยู่ข้างหลังว่าเมียพีทไม่เห็นสวยเลย คือโดนจนรู้สึกจิตตกกลายเป็นโรคซึมเศร้า ในใจเราก็คิดว่า เราก็ไม่ได้ขี้เหร่ขนาดนั้น โปรไฟล์ก็ไม่ได้แย่ ครอบครัวก็ฐานะโอเค ทำไมต้องมาทนให้คนด่า ความรู้สึกตอนนั้นคือเก็บกด

พีท : ก็คือจริง ๆ จะบอกเค้าว่าเราใช้ชีวิตของเรา เราไม่ควรที่จะไปเอาความคิดของคนอื่นมาเป็นตัวกำหนดในการดำเนินชีวิตของเรา ก็พยายามบอกเค้า

เจ็ง : ใช่ เวลาทะเลาะกันเจ็งจะเป็นคนที่อารมณ์จะแรง ทะเลากันจนเราทนไม่ไหวก็เลยบอกว่าเลิกกันเถอะ เจ็งไม่เหมาะกับพี่พีทเลย

พีท : ก็รู้ว่าเค้าท้อ โดนกดดันเยอะ เราไม่ได้ยึดติดตรงนั้น เป็นผู้ชายก็ต้องเข้มแข็งและมั่นคง ต้องแสดงให้เค้าเห็นว่าเราไม่ออนไหวกับความรู้สึกที่เค้าเป็น และทำให้เค้ารู้สึกเหมือนเราให้ได้ สุดท้ายเค้าก็ผ่านมันไปได้

เจ็ง : เจ็งคนเดียวเลย

พีท : ผู้หญิงมันเซนซิทีฟ

พีท : ก็อย่างที่บอกเราเป็นผู้ชายต้องหนักแน่น แต่เวลาที่เค้าใจร้อนจะคุยยากนิดนึง เราต้องเป็นน้ำเย็นรับฟังไปก่อน

เจ็ง : ก็จริง ๆ พอดูละครมันก็ใกล้เคียงกับชีวิตเรานะ คือหมายถึงว่าเบสิคทั่ว ๆ ไปถ้าตัดเรื่องคุณพระเอกไปมีคนอื่นก็คือชีวิตเรานี่แหละ คือแต่งงานมาชีวิตเราก็คือทำอะไรเพื่อเค้า พอมีลูกก็ทำอะไรเพื่อลูก คือเราไม่ได้ใช้ชีวิตของเราเต็มร้อย

เจ็ง : ไปค่ะ คือจริง ๆ ไลฟ์สไตล์ชีวิตคู่ตั้งแต่ยังไม่มีลูกเค้าจะหนีบเจ็งไปไหนด้วยตลอด แต่พอมีลูกก็มีบ้างที่เค้าไปคนเดียว แต่ชีวิตส่วนใหญ่เราจะไปด้วยกัน

พีท : เข้ามาแต่เค้าไม่กล้าทำอะไรมากเท่าไร เต็มที่ก็คุยนิดหน่อย แต่ถ้าอยู่ข้างนอกจะไม่ค่อยพูดเท่าไร ถามคำตอบคำเค้าก็บุกอะไรไม่ได้มาก แต่ถ้าหนัก ๆ เจ็งก็จะยื่นคำขาดว่าห้ามถ่ายรูปกับพริตตี้

เจ็ง : เหตุการณ์ที่ห้ามถ่ายรูป เพราะว่ามีบางคนที่เค้าถ่ายและไปโพสต์ประมาณเชิงชู้สาว เพื่อนเราส่งมาให้ดูเราก็ไปถามเค้า เค้าก็บอกว่าไม่มีอะไร ถ่ายรูปเฉย ๆ

พีท : มันเห็นจนชินครับ แต่บางทีก็กวนสมาธิมาก คืออยู่ในรถเตรียมออกสตาร์ทแล้วจะมีน้อง ๆ ถือป้ายเดินไปเดินมา เพราะตอนนั้นเรากำลังคิดว่าออกไปจะขับยังไงดี

พีท : ได้ครับ