"มันเหมือนสมัยที่ทำเอเอฟ (ทรู อะคาเดมี แฟนเทเชีย) ที่เอาคนธรรมดามากลายเป็นนักร้อง ก็จะเห็นบีฟอร์ แอนด์ อาฟเตอร์ อันนี้ก็เหมือนกัน เอาเด็กกะโปโลเลยในการทำอาหาร คนที่ไม่รู้เรื่องการทำอาหาร แต่มีความรักในการทำ รับตั้งแต่อายุ 18 ปีไปจนถึง 60,70,80,90 ถ้ายังไหวอยู่ เพราะเราต้องการโฮม คุ้ก"
แถมดูท่าจะทำได้แซ่บ เพราะเริ่มมีเสียงจากคนดูว่า แต่ละวีคที่ออกอากาศ เริ่มแซ๋บขึ้นเรื่อยๆ แถมสมาชิกเว็บไซต์พันทิปรายหนึ่งยังสงสัย -หรือนี่จะเป็นเดอะ เฟซ เวอร์ชั่นอาหาร ?
"คำถามอยู่ที่ว่า ไปตบเขาทำไม"
"คือเราต้องการดราม่า ถูกไหม"
ต้องการเพื่อดึงเรทติ้ง
"แต่เราต้องมีเหตุผลของดราม่า ไม่ใช่นึกจะด่า ก็ด่า"
"ดราม่าเกิดจากการจะทำรายการทีวีให้สนุก ใช่ แต่ต้องเบส ออน ความเป็นจริง"
และความเป็นจริงในคราวนี้จะอยู่ที่ "ถ้าคุณมารายการนี้ แสดงว่าคุณอยากเป็นเชฟ เมื่ออยาก คุณก็ต้องเคารพ ประเด็นที่สำคัญคือเชฟคืออะไร เชฟมีหน้าที่รับผิดชอบต่ออาหารทุกคำที่เข้าปากคนทาน รับผิดชอบต่อทุกบาททุกสตางค์ที่ลูกค้าจ่าย เพราะฉะนั้นคุณต้องซีเรียสในอาชีพนี้ เพราะฉะนั้นถ้าเข้ามาแข่ง ทำเล่นๆแบบอยากโชว์ อยากดัง ขอโทษนะ ไปไกลๆ"
"อารมณ์ต้องเป็นลักษณะนี้"
"สมัยก่อนรายการจะเป็นประเภทคอนเทสต์ แข่งขัน เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ลงดีเทลเกี่ยวกับดราม่าของคนที่เข้ามาแข่ง ยกตัวอย่างรายการ ‘โหด มัน ฮา' ที่อยู่ดีๆปล่อยคน 100 คนวิ่งเข้าหาฐาน แล้วหายไปเรื่อยๆ เราแทบไม่รู้เลยว่าแต่ละคนเป็นใคร มาจากไหน ความยากของแต่ละเกมเป็นยังไง แต่รายการใหม่ประเภทเดียวกัน คือ ‘Wipe out' ที่ดังมากในปัจจุบัน เขาดึงความน่าสนใจของคนที่เข้ามาแข่ง ดราม่าของคนที่เข้ามา ทะเลาะตบตีกัน นี่คือเทรนด์ใหม่ รายการอาหารก็เช่นกัน เพราะฉะนั้นด้วยฟอร์แมตแล้ว ทุกประเทศทำหมดครับ เพียงแต่ว่าเราจะทำเลเวลไหนที่เหมาะกับคนไทย"
ซึ่งคิดว่าคงไม่มากมายเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับของชาติอื่นๆ
"เนื่องจากคนทำรายการเมืองไทยไม่กล้าใส่เยอะ กลัวคนไม่เข้าใจ จะโกรธ ทำไมไปว่าเขาอย่างนั้น คนไทยะรู้สึกว่าการด่ากันในรายการเป็นเรื่องผิด ไม่เหมือนเมืองนอกที่พูดกันตรงๆ เรียลลิตี้ไทยจะกั๊กๆ จะด่าก็ไม่ด่า จะชมก็ยังไงไม่รู้ แต่ในขณะเดียวกันพอด่า ก็ไม่มีเหตุผล ด่าเขาทำไมเรื่องนี้"
"เรียลลิตี้ไทยนี่ดราม่ายังน้อยกว่าเมืองนอก แต่ไอ้ที่ดราม่าเยอะ อาจจะดราม่าผิดทาง"
สำหรับมาสเตอร์เชฟ ไทยแลนด์ ที่แพร่ภาพทางช่อง 7 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 18.20 - 19.50 น. นั้น เขาประมาณการลงทุนไว้ไม่ต่ำกว่า 70 ล้านบาท ซึ่งสูงมากสำหรับการผลิตรายการที่ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ตอนละประมาณ 1 ล้านไปมากโข
"ทำไมถึงสูงเหรอครับ" คนทำทวนคำถามพลางหัวเราะ
ก่อนเฉลยว่าเพราะนอกจากค่าลิขสิทธิ์ กับค่าโปรดักชั่น ก็ยังมีเรื่องค่าวัตถุดิบและอื่นๆ
https://www.facebook.com/teeneedotcom