โอ้อยู่มายาใช้ฝีมือ อาชีพหลักนักแสดง
โอ้"อยู่มายาใช้ฝีมือ อาชีพหลัก"นักแสดง"
สุวัฒน์ ฉัตรสง่า - เรื่อง
ถึงจะเป็นลูกครึ่งที่หน้ากระเดียดไปทางฝรั่ง แต่พระเอกหนุ่ม "มาริโอ้ เมาเร่อ" ก็มีโอกาสแสดงความสามารถทางการแสดง ลงแสดงภาพยนตร์ย้อนยุคเรื่อง"จันดารา"
โดยผ่านไปแล้วกับภาคแรก"จันดารา ปฐมบท" ล่าสุดกับภาคที่ 2"จันดารา ปัจฉิมบท" ซึ่งกำลังจะเข้าโรงฉาย
วันนี้จังหวะดีที่พระเอกหนุ่มมาเยือนถึงถิ่น เลยมีโอกาสได้พูดคุย
ถือว่าหนังเรื่อง"จันดารา" ทั้ง 2 ภาคเป็นโจทย์ที่ท้าทายฝีมือแสดงเราค่อนข้างมาก
มาริโอ้ -"ครับ เป็นบทที่ยากที่สุดตั้งแต่เคยเล่นหนังมา ไม่มีหนังเรื่องไหนที่ให้เราเล่นตั้งแต่อายุ 18 ปีจนถึงอายุ 80 ปี และการที่เป็นลูกครึ่งแต่สามารถเล่นหนังพีเรียดได้ก็รู้สึกดีใจ เพราะตอนแรกคนจะพูดว่าเรื่อง "จันดารา" ได้มาริโอ้มาเล่นจะได้หรือ เพราะเป็นหนังพีเรียด แต่พอคนได้ดูแล้วก็ไม่ได้ติอะไร ถือว่าเราโชคดีที่เล่นแล้วคนดูเชื่อ ภูมิใจที่คนดูเชื่อในตัวละครที่เล่นครับ"
"ถือว่าหนังเรื่องนี้เป็นมาสเตอร์พีซของเราเหมือนกันครับ ส่วนความคาดหวังในเรื่องการได้รับรางวัล โอ้ไม่ได้คาดหวัง ขอแค่คนดูชอบก็ดีใจแล้ว ส่วนรางวัลถ้าได้ก็เหมือนแจ๊กพอตก็ดีใจมาก แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เสียใจ แค่ได้เล่นหนังเรื่องนี้ก็ถือเป็นประสบการณ์มากมายแล้วครับ"
มาวันนี้คิดว่าการแสดงพัฒนาขึ้นเยอะไหม
มาริโอ้ -"สำหรับโอ้มองตัวเองแล้วรู้สึกว่าเราได้ประสบการณ์ขึ้นเยอะ แต่ก็คิดว่าต่อให้เราเล่นกี่เรื่องการพัฒนาในเรื่องการแสดงต้องไม่มีวันจบ ตรงนี้ หม่อมน้อย (ม.ล.พันธุ์เทวนพ เทวกุล) เป็นคนสอน หม่อมบอกว่าการแสดงไม่มีวันที่เราจะเรียนจบ คนอื่นอาจมองว่าเราเรียนไม่จบคือเรียนไม่เก่ง แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่"
"การแสดงที่เขาบอกเรียนไม่จบคือถ้าเราคิดว่าเราเรียนจบแล้วมันจะตันและเราจะไม่เปิดรับสำหรับละครเรื่องต่อไป เพราะฉะนั้นเวลาโอ้แสดงหลายๆ เรื่องจะรู้สึกว่าพอเล่นเรื่องใหม่ก็เหมือนเราเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ซึ่งตรงนี้นักแสดงหลายคนก็คิดแบบเดียวกัน อย่างพี่นก-ฉัตรชัย, อาอ๊อฟ-พงษ์พัฒน์, อาแดง-ธัญญา จะคิดแบบนี้ และเรียนกับหม่อมน้อยตลอด หม่อมน้อยเคี่ยวเข็ญโอ้เยอะมากครับ และก็มีซ้อมก่อนแสดงตลอด มีเวิร์ก ช็อปตลอดครับ เราแฮปปี้ที่มีอาจารย์ที่เก่งแบบนี้ โอ้ถือว่าโชคดีที่ได้เจอคนเก่งๆ"
เคยคิดหรือเปล่าว่าจะมาได้ไกลขนาดนี้ในวงการบันเทิงในเวลา 6 ปี
มาริโอ้ -"ช่วงแรกที่เข้าวงการไม่เคยคิดเลย แต่พออยู่ได้สักพักเริ่มคิดว่าเราค่อนข้างได้รับโอกาสที่ดี และโอกาสก็มาอยู่เรื่อยๆ ช่วงแรกๆ คิดว่ามาทำงานเป็นค่าขนม อาจมีงอแงบ้าง เพราะตอนนั้นยังไม่เห็นค่าและไม่รู้ว่าการแสดงคืออะไร แต่ตอนหลังหม่อมน้อยช่วยเปลี่ยนทัศนคติให้ บอกว่าถ้าเรามองการแสดงเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์มันก็จะศักดิ์สิทธิ์ แต่ถ้ามองว่าไม่ใช่เรื่องศักดิ์สิทธิ์มันก็จะไม่ใช่เรื่องศักดิ์สิทธิ์เลย ซึ่งโอ้เห็นด้วยมากๆ และก็มองว่าเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์เลยครับ"
"อาชีพนี้มีครู เราต้องมีวินัยในตัวเอง ถ้าอยากทำให้มันดีเราต้องรู้จริงๆ ว่าการแสดงคืออะไร ถ้าทำไปโดยไม่รู้เราก็จะไม่ก้าวหน้า ฉะนั้นถ้าจะทำอะไรเราต้องรู้ให้จริง ต้องจริงจังและหมั่นหาประสบการณ์ต่างๆ เพิ่มพูน"
"มาวันนี้โอ้ถือว่าแฮปปี้มากกับงานในวงการบันเทิงเพราะเป็นสิ่งที่ทำมาหลายปีแล้ว ได้ทำอะไรบางอย่างที่เราทำแล้วดีใจและภูมิใจในตัวเอง"
"มาวันนี้อาชีพนักแสดงเป็นอาชีพหลักของโอ้แล้ว เมื่อก่อนอาจคิดว่าเป็นงานอดิเรก แต่วันนี้เรากรอกในเอกสารต่างๆ ช่องอาชีพว่านักแสดงและนักศึกษาด้วย (หัวเราะ)"
ปีนี้หลังหนัง"จันดารา ปัจฉิมบท" แล้วมีงานแสดงอะไรอีก
มาริโอ้ -"มีหนังเรื่อง "พี่มากพระโขนง" ของจีทีเอช น่าจะฉายเดือนมี.ค. เป็นหนังอีกแนวที่ต่างจากเรื่องจันดารา เป็นแนวผีตลกๆ แต่มีความน่ากลัวเหมือนกัน เป็นอีกแนวที่โอ้ไม่เคยลอง นอกจากนี้ก็จะมีละครเรื่อง "รอยรักหักเหลี่ยมตะวัน" ของทางอาจิ๋ม-มยุรฉัตร และ "มาดามดัน" ของบรอดคาซท์ฯ ที่เล่นคู่กับพี่พลอย-เฌอมาลย์"
"ช่วงนี้ยังโชคดีที่ไม่ได้ทำงาน 7 วันรวด แต่ถ้าเดือนก.พ.ไปแล้วคงคิว เต็ม เพราะละครสองเรื่องถ่ายพร้อมกันเลย ส่วนหนังต่างประเทศตอนนี้ไม่ได้รับ เพราะติดละครสองเรื่องนี้ครับ"
วันนี้น้องนักแสดงใหม่เกิดขึ้นเยอะแยะ หวั่นบ้างหรือเปล่า
มาริโอ้ -"ไม่เคยหวั่นเลยครับ เพราะโอ้ไม่ได้คิดว่าต้องมาแข่งขันกัน ถ้าน้องๆ ดังก็เป็นตัวน้องเขา ตัวเราก็เป็นเรา เราทำงานตรงนี้ก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด อย่างรุ่นน้องถ้าเขามีปัญหาอะไรเราก็ยินดีให้คำปรึกษา มาแชร์กันดีกว่า เหมือนเราอยู่บ้านหลังเดียว เรื่องแข่งขันกับน้องๆ ไม่ได้อยู่ในหัวผมเลย ไม่คิดว่าเขามาแย่งพื้นที่ของเราในวงการบันเทิง ตรงนี้มันก็เป็นเวลาของเขาก็ต้องให้เขาเดิน ไม่ใช่หน้าที่ของเราต้องมานั่งคิด มากอะไร เป็นเรื่องปกติมาก"
แคร์ไหมว่าชื่อเสียงต้องอยู่กับเราไปตลอด บางคนอยากรักษาระดับให้อยู่นานๆ
มาริโอ้ -"ผมว่าเราก็อยู่ได้ แต่อย่างไรก็ต้องมีเด็กใหม่เข้ามาเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่ทำให้เราอยู่ได้นานก็คือเรื่องฝีมือและผลงาน ผลงานจะเป็นตัววัดตัวเรา เราต้องทำผลงานให้ดีที่สุด ซึ่งรวมหมดทุกอย่าง คือมีวินัย ตรงต่อเวลา และเวลาทำงานก็ทำเต็มที่ ไม่มีงอแง อยากให้งานออกมาดี ให้ถูกใจตัวเราเอง ถูกใจผู้กำกับฯ และที่สำคัญที่สุดคือถูกใจคนดู"
"ส่วนเรื่องชื่อเสียง มองว่าเป็นสิ่งที่คนอื่นมอบให้ มันมีทั้งผลดีและผลเสีย ข้อดีที่พอ ยกตัวอย่างได้ คือถ้าผมยืนถือกล่องรับบริจาคเงินช่วยเหลือน้ำท่วม คนส่วนใหญ่ก็จะให้เราเต็มที่ กล่องนั้นจะเต็ม และถ้าให้คนที่ไม่เป็นที่รู้จักมาถือกล่องรับบริจาค กล่องของคนๆ นั้นจะมีเงินน้อยกว่ากล่องผม ส่วนข้อเสีย บางทีถ้าเราทำอะไรพลาดและทำอะไรผิด จะถูกเพ่งเล็งดับเบิลหนักเป็นสองเท่า เรามีชื่อเสียงถือว่าเป็นคนของสื่อ ย่อมเป็นที่จับตาของคนทั่วไป"
มีวิธีการวางตัวอย่างไรไม่ให้ชื่อเสียงเรามัวหมอง
มาริโอ้ -"สำหรับตัวโอ้ก็เป็นตัวเราเอง แต่ก็ต้องระวังตัวมากขึ้นในหลายๆ อย่าง เช่น ถ้าจะขี่มอเตอร์ไซค์ไปข้างนอกเราไม่ใส่หมวกกันน็อกไม่ได้เลย โดนจับแล้วคนจะมองเราลบด้วย เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคม อยู่ตรงนี้แล้วเราต้องทำ ถามว่าอึดอัดไหม ไม่อึดอัดครับ ไม่ใช่สิ่งที่จะต้องมาอึดอัด แต่ถามว่าบางทีเราเปิดเผยเท่าคนปกติได้หรือเปล่า บางทีก็ทำไม่ได้ ซึ่งเราก็เข้าใจว่าบางทีเราอยู่ตรงนี้ต้องมีกรอบของมัน ผมยอมรับได้ เพราะผมเลือกมันแล้ว ผมแฮปปี้ที่ผมเลือกมาและไม่เคยเสียใจที่ผมเลือก"
6 ปีในวงการบันเทิงได้อะไรเยอะหรือเปล่า
มาริโอ้ -"ได้เยอะมากๆ และมีสูญเสียความเป็นส่วนตัวด้วย ถ้าให้เทียบเราได้มากกว่า แต่ที่ผ่านมาเราก็สูญเสียหนักเหมือนกัน แต่ผมมองในด้านดี มองบวกไว้ก่อน ผู้ใหญ่ทุกคนสอนให้ผมมองบวกทำให้ไม่เครียด เพราะมีช่วงหนึ่งผมสูญเสียชื่อเสียง ยอมรับเครียด เพราะไม่ใช่วัยเราที่ต้องโดนแบบนี้ แต่มาคิดอีกทีเราโดนแบบนี้ก็ดี เหมือนมีวัคซีนเป็นภูมิคุ้มกันให้ตัวเอง ดีกว่าคนไม่เคยเจอ แต่ถ้าไม่เจอเลยก็จะดีมาก (หัวเราะ)"
"ส่วนที่ได้มากกว่าเสียคือได้ประสบการณ์ ได้เจอคนที่ดี ผู้ใหญ่ที่ดี ได้เพื่อนใหม่ๆ ได้ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ ฝึกอะไรที่ไม่เคยทำ และได้สวมวิญญาณคนที่เราไม่เคยเป็นในการเล่นหนังหรือละคร อาชีพนักแสดงเป็นอะไรที่ตื่นเต้นดี วันหนึ่งเป็นคนนี้ อีกวันเป็นอีกคน แต่ที่สำคัญเราต้องไม่ลืมตัวเราเอง"
"เพราะบางครั้งเราเป็นคนอื่นเยอะ เราจะเครียด โอ้เป็นคนคิดมาก ตัดไม่ออกสักเรื่อง พอตอนหลังได้ทำงานกับหม่อมน้อย ได้เรียนรู้ มีประสบการณ์มากขึ้นจากที่หม่อมสอนทำให้มีสมาธิกับตรงนั้นมากกว่าปกติ และตัดเรื่องที่ไม่สำคัญออกไปก่อน จัดลำดับความคิดใหม่ แต่พอเล่นเสร็จปุ๊บจะกลับเป็นตัวเองทันที หม่อมสอนให้เราคิดให้ถูกจุดครับ"
มาวันนี้ชีวิตลงตัวหรือยัง
มาริโอ้ -"ก็ลงตัวครับ โอเคเลย ได้ทำงานที่รักและมีเวลาส่วนตัวทำโน่นทำนี่ได้ แฮปปี้ครับ ถามว่าทุกวันนี้ทำงานหนักเกินไปไหม มันก็หนักนะ แต่ว่าเราต้องสู้ ผมรู้สึกว่าถ้าเราถึงวัยหนึ่งเราอยากสบายมันก็ยังทัน แต่ตอนนี้ขอทำงานก่อน อย่าเพิ่งไปรู้สึกว่าเราอยากพักเยอะๆ"
ตอนนี้วางอนาคตอย่างไรบ้าง
มาริโอ้ -"ก็ทำงานให้มีความสุขครับ"
ไม่คาดหวังรัก-ขอให้แต่ละวันมีความสุข
คบกับแฟนสาว "กุ๊บกิ๊บ"สุมณทิพย์ เหลืองอุทัย มา 9 ปี พระเอกหนุ่ม "มาริโอ้ เมาเร่อ" ยืนยันความหวานยังโอเค เพียงแค่ห่างกันเพราะต่างก็ทำงานหนัก
โดยมาริโอ้เปิดใจเรื่องรักว่า"กับกิ๊บไม่ค่อยได้เจอกันครับ กิ๊บทำงานหนัก ตัวโอ้ก็ทำงานหนัก ในส่วนความหวานก็ยังโอเคใช้การส่งข้อความหากันทางไลน์ ยังไม่เลิกกันนะครับ แค่ห่างๆ กัน โอ้พยายามประคับประคองความรักให้ดีที่สุด แต่ว่าบางช่วงเวลาที่เราไม่ได้เจอกันก็ไม่ได้เจอกันจริงๆ ครับ แต่โชคดีที่กิ๊บเข้าใจครับ"
ปีใหม่ที่ผ่านมาได้ไปเคานต์ดาวน์กับ "กุ๊บกิ๊บ" ที่ต่างประเทศหรือเปล่า"ไม่ได้ไปครับ ปีนี้ผมอยู่เคานต์ดาวน์กับแม่ ปีที่แล้วไปกับกิ๊บ แต่ปีนี้ไม่ได้ไปครับ"
จุดนี้แหละที่ทำให้หลายคนจับตามองว่ามีปัญหากัน พระเอกหนุ่มอธิบาย"ไม่หรอกครับ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ผมแค่คิดถึงแม่ก็เลยอยู่กับแม่ช่วงนั้น โอ้ไม่เคยเคานต์ดาวน์ปีใหม่กับแม่เลย ปีนี้เลยอยู่กับแม่ ส่วนกิ๊บนัดกับเพื่อนไปเคานต์ดาวน์และเที่ยวที่เกาหลี เขาก็ชวนโอ้ไปด้วยครับ แต่โอ้ไม่ไปเพราะอยากกลับไปหาแม่ ซึ่งกิ๊บก็ไม่ได้น้อยใจอะไร อย่าคิดมากเลย ไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆ เราแค่กลับไปหาแม่เท่านั้นเอง ไม่เห็นแปลกเลยครับ (หัวเราะ)"
ตอนนี้ความรักเป็นอย่างไรบ้าง"ความรักของโอ้ก็โอเคครับ ต่างคนต่างทำงาน อย่างกิ๊บก็เทกแคร์โอ้ดีมาก ต่างคนต่างดูแลกันบ้าง แต่อย่างที่บอกช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกัน เขายุ่งและผมก็ต้องทำงาน"
ต่างคนต่างไม่มีเวลาให้กันอย่างนี้กลัวหรือเปล่าที่จะทำให้ความสัมพันธ์ห่างเหิน"ไม่น่าจะมีอะไรครับ เราไม่ได้งอนกัน ต่างคนต่างทำงานไม่ค่อยได้เจอกันเท่านั้นเอง แต่เดี๋ยวต้องมีช่วงว่างที่เจอกัน เพียงแต่ช่วงนี้เวลาไม่ค่อยตรงกันครับ"
มาวันนี้มุมมองความรักเปลี่ยนไปเยอะไหม มาริโอ้กล่าวว่า"เปลี่ยนไปเยอะครับ แต่ความรักก็ยังเป็นสิ่งที่ดี สิ่งที่น่ารัก ผมรู้สึกว่าความรักเป็นอะไรทิ่ยิ่งใหญ่มากๆ ความรักมีหลายด้าน รักแบบคนรัก รักครอบครัว รักเพื่อนหรือรักตัวเราเอง เราไม่มีความรักไม่ได้หรอกครับ"
"ณ วันนี้กุ๊บกิ๊บก็ยังเป็นแฟนผมอยู่ ยังโอเคกันอยู่ครับ" มาริโอ้ยืนยัน
ถ้าเทียบความรัก ณ วันนี้กับที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้าง"ความรักของเราก็พัฒนาไปเรื่อยๆ ช่วยเหลือกัน มีปัญหาอะไรก็คอยดูแลกัน ช่วงนี้สิ่งที่ห่วงกิ๊บมากๆ คือห่วงสุขภาพของเขาเพราะเขาทำงานหนัก อย่างที่ผ่านมาเราเคยแยกๆ กันไป พอกลับมาอีกครั้งก็ต้องพยายามประคับประคองให้มันดีๆ พยายามทำให้ทุกอย่างมันดี ความรู้สึกของเราทั้งคู่ก็ต้องทำให้ดี ส่วนเรื่องในอนาคตตอนนี้ยังไม่ได้คาดหวัง เพียงแต่ ณ วันนี้เขาก็ยังคือผู้หญิงที่ใช่สำหรับโอ้อยู่ครับ"
มีคนมองว่า "กุ๊บกิ๊บ" กับ "มาริโอ้" ต่างกันสุดขั้วแล้วทำไมถึงคบกันได้อยู่"ผมกับกิ๊บคบกันมา 9 ปีแล้ว นานพอสมควร ทำให้สนิทกันมาก ตอนนี้ต่างคนต่างทำงานและช่วงนี้เหมือนเราต่างค้นหาตัวเราเองด้วย ทำให้ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย เพราะกิ๊บก็มีละคร 3 เรื่อง ผมก็มีละครที่กำลังจะเปิดกล้องอีก 2 เรื่อง แต่เราไม่ได้ถึงขั้นห่างกันคนละก้าว เพียงแค่เราไม่ค่อยได้เจอกันเฉยๆ"
วันนี้ "กุ๊บกิ๊บ" ยังใช่ผู้หญิงที่จะเป็นแม่ของลูกเราในอนาคตหรือเปล่า พระเอกหนุ่มหล่อแง้มว่า"กิ๊บเป็นคนดีมากๆ ครับ แต่ว่าเป็นแม่ของลูกได้หรือเปล่า ผมยังไม่ได้มองถึงขั้นนั้น ขอศึกษากันไปเรื่อยๆ ก่อน 9 ปียังไม่พอ ผมศึกษาละเอียดครับ"
สุดท้ายถามว่าคาดหวังกับความรักอย่างไรบ้าง มาริโอ้กล่าวว่า"ไม่ค่อยคาดหวังครับ ขอให้แต่ละวันมีความสุขก็พอแล้ว"
ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!! กระทู้เด็ดน่าแชร์
https://www.facebook.com/teeneedotcom