บีเจ กว่าจะเป็น พระองค์ดำ ใน นเรศวรฯ

หากเอ่ยชื่อ บีเจ ด.ช.ปรัชฌา สนั่นวัฒนานนท์ เชื่อแน่ว่าน้อยคนนักที่จะรู้จัก


หากแต่ถ้าเอ่ยชื่อ "พระองค์ดำ" หรือ "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ภาคเยาว์ในหนัง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ตอน "องค์ประกันหงสา" เชื่อได้ว่าทุกคนต้องร้องอ๋อ!!

ด้วยลีลา ท่วงทา แววตา และน้ำเสียงในการแสดง ต้องบอกว่าน่าชื่นชมในฝีมือเป็นอย่างยิ่ง แม้จะเป็นเพียงผลงานแสดงเรื่องแรกก็ตาม

มาวันนี้ลองมาฟังความคิดอ่านของนักแสดงตัวน้อย

วัยเพียงชั้นประถมฯ 5 แห่งร.ร.วชิราวุธวิทยาลัย ถึงการได้แสดงภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ชาติไทยกัน

ไปไงมาไงถึงได้มาแสดงหนัง?

บีเจ - "ตอนที่ผมเรียนป.4 คุณอ้อย-จิรวดี(อิศรางกูรฯ)ได้รับคำสั่งท่านมุ้ย(ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล)มาติดต่อทางโรงเรียน มาเดินดูเด็กๆ ที่โรงอาหาร

จากนั้นก็เรียกผมกับเพื่อนรวม 7 คน เข้าไปหาไปแคสติ้ง ตอนนั้นผมก็ไม่ได้หวังอะไรมาก แต่พอได้รับคัดเลือกก็รู้สึกดีใจ บอกกับตัวเองว่าต้องทำให้ดีที่สุด"


รู้สึกยังไงที่ได้รับบท พระองค์ดำ ตอนเยาว์?


บีเจ - "รู้สึกดีใจภูมิใจที่ได้รับคัดเลือกให้มาแสดงหนังฟอร์มยักษ์ขนาดนี้ ถือเป็นภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ชาติไทย เป็นเกียรติกับครอบครัว คุณปู่บอกว่าเป็นโอกาสที่ดี ให้ตั้งใจ ทำชื่อเสียงให้กับวงศ์ตระกูล ชื่อ-นามสกุล เราจะร่วมบันทึกไว้

และที่สำคัญการแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้

ผมถือว่าเป็นการร่วมทำความดีถวายในหลวงในปีที่ท่านทรงครองราชย์ครบ 60 ปี ผมรู้สึกดีและเต็มใจที่จะทำ ที่ผมได้รับบทพระองค์ดำผมรู้สึกเหมือนชาติที่แล้วผมทำบุญมามาก มาชาตินี้ผมถึงได้รับโอกาสดีอย่างนี้

ทั้งได้เรียนรู้งานในกองถ่าย

การเป็นนักแสดง ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย ตอนถ่ายทำท่านมุ้ยจะสอนประวัติศาสตร์ให้ด้วย บางทีตรงไหนที่ผมงงก็จะเก็บข้อสงสัยมาค้นหาทางข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต ทำให้ผมได้เรียนรู้มากขึ้นเยอะ"


ชมภาพยนตร์ทั้งเรื่องแล้วรู้สึกอย่างไร


บีเจ - "อิ่มใจว่าถ่ายเสร็จมาแล้ว ได้ดูแล้ว 1 ปีเต็มๆ ที่เราทำงานเพื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ รอบแรกที่ได้ดูเป็นรอบปฐมทัศน์ ผมตื่นตาตื่นใจกับภาพรวมของหนัง และจะโฟกัสที่การแสดงของตัวเองว่าควรจปรับปรุงตรงไหน

รอบที่สองผมและนักแสดงท่านอื่นๆ

ได้เข้าวังเข้าเฝ้าฯสมเด็จพระราชินี รู้สึกประทับใจที่ได้มีโอกาสได้ใกล้ชิด ได้กราบพระบาทพระองค์ ถ้าวันหนึ่งผมทำได้ยิ่งใหญ่กว่านี้ผมจะไม่รั้งรอเลย ในวันนั้นคุณพ่อคุณแม่ผมได้เข้าเฝ้าฯ ด้วย

ทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็ปลาบปลื้มใจ และสอนผมให้ทะนุถนอมตัว

อย่าลืมตัว ดูหนังรอบที่ 3 ดูกับท่านนายกฯพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ส่วนรอบ 4 ดูกับคณะคมช. พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ครับ


แล้วพวกผู้ใหญ่ว่าไงมั่ง?


บีเจ - "ชมว่าเล่นได้ดีมากเลย กระโดดเตะสูงดีจัง เทียบ "จา-พนม" ได้เลย ท่านมุ้ยตรัสชมว่า "เล่นได้ดีแล้วนะ บีเจก็ต้องรู้ล่ะว่าที่ทุ่มเทที่เหนื่อยมา 1 ปี ก็เพื่อวันนี้วันที่ภาพยนตร์เข้าโรงฉาย"

ผมเห็นเป็นจริงอย่างที่ท่านตรัส และที่ทำให้ผมรู้สึกปลื้มใจสุดๆ

คือสมเด็จพระราชินีตรัสถามว่า ผมเรียนอยู่ที่ไหน อยู่ชั้นอะไร ผมกราบทูลพระองค์ว่า ผมเรียนอยู่ชั้นป.5 ที่วชิราวุธวิทยาลัย พระองค์ทรงชมว่าดีมาก ส่วนท่านนายกฯชมว่าเล่นได้ดี แต่ท้วมไปหน่อยนะ(หัวเราะ)

ซึ่งผมก็อายเหมือนกัน

อายพุงครับ ส่วนเพื่อนๆ บางคนชอบฉากที่พูดกับไก่ชน บอกว่าพูดได้ซึ้งจริงๆ เล่นได้ดี อยากไปเล่นบ้างจัง บางคนบอกว่านายได้รับเกียรติครั้งนี้ถือว่าโชคดีมากนะ

อย่างเพื่อนที่สนิทก็ช่วยผมในเรื่องขาดเรียน ช่วยติวให้หลายวิชา ผมรู้สึกซึ้งใจมากกับน้ำใจของพวกเค้า รู้สึกว่าผมมีเพื่อนแท้"


ตั้งแต่แสดงหนังเรื่องนี้ ดูตัวเองนิ่งขึ้นบ้างมั้ย?


บีเจ - "นิ่งขึ้นครับ ส่วนหนึ่งเพราะชินกับบท ท่านมุ้ยแนะนำว่า "ในบทเรานั่งให้ดูสง่างาม พอออกไปแล้วอย่าไปนั่งหลังค่อมนะ นั่งให้สง่างามให้สมกับที่ได้รับบทนี้" หนึ่งปีในกองถ่าย ผ่านมาเร็วมากๆ

ผมรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้น

รู้ว่าเราควรวางตัวอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างไรกับผู้ใหญ่ ยิ่งได้มาแสดงหนังเรื่องนี้ คำถามที่ถูกถามมากคือเรียนที่ไหน ผมบอกว่าเรียนที่วชิราวุธวิทยาลัย มีแต่คนชมว่าโรงเรียนสอนมาดีมาก อดทนได้ขนาดนี้

ได้ยินคำชมผมก็นึกในใจว่าเป็นจริงอย่างที่ครูสอน อย่างที่ครอบครัวสอนจริงๆ เรื่องการวางตัวให้เหมาะสม"


ท่าทีสุขุมดูสงบ ทางโรงเรียนมีส่วนมั้ย?


บีเจ - ทางโรงเรียนจะฝึกให้นักเรียนอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ยอมรับความคิดเห็นของคนหมู่มาก เมื่อผมต้องเข้าไปอยู่ในกองถ่าย ยิ่งถ่ายทำนานเท่าไหร่ ยิ่งทำให้ผมมีระเบียบมีวินัยมากขึ้น เพราะในกองถ่ายมีทหารเยอะ

ผมก็จะได้เห็นพี่ๆ ทหารจัดแถว อยู่ในระเบียบวินัย มีความอดทนสูงมากๆ

ตอนแรกผมยอมรับว่างอแงเพราะไม่รู้ว่าจะต้องอดทนไปทำไม ทำเพื่ออะไร แต่พอท่านมุ้ยตรัสว่า "เรากำลังสร้างหนังเพื่อชาติ และหลังจากถ่ายเสร็จ ถ้าบีเจได้เข้าไปดู จะรู้ว่าเป็นความอดทนที่คุ้ม"

และวันแรกที่ผมเข้าไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้ ท่านมุ้ยตรัสถามผมว่า

คุ้มหรือเปล่า ผมตอบท่านว่าคุ้มจริงๆ ครับ"


ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ได้ข้อคิดอะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้?


บีเจ - "ตอนกรุงแตก ทำให้เรียนรู้ว่าคนไทยอย่าแตกสามัคคี อย่าฆ่าฟันกันเอง"

แล้วมีอะไรอยากฝากบอกเพื่อนๆ ที่เป็นกำลังสำคัญของชาติมั้ย?

บีเจ - "ช่วงนี้ที่บ้านเมืองมีปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รุ่นเราที่จะเป็นผู้ใหญ่รุ่นถัดไป เราควรทำบ้านเมืองให้น่าอยู่มากขึ้น ไม่ทำให้เสียหายมากขึ้น อยากให้เยาวชนไทยรักชาติ รักในหลวง รักแผ่นดินครับ"

คิดว่าประชาชนไทยจะจงรักภักดีกับในหลวงได้อย่างไร?

บีเจ - "ถ้าเป็นวัยของผมก็ต้องตั้งใจเรียน เพื่ออนาคตจะได้มีแต่คนดี คนฉลาด ที่จะสามารถเป็นกำลังสำคัญของชาติได้ครับ"


จะได้เห็นงานแสดงชิ้นต่อๆ ไปของบีเจมั้ยเอ่ย?


บีเจ - "ยังไม่ทราบครับ ช่วงนี้ผมอยากตั้งใจเรียน เพราะใกล้สอบปิดปลายปีแล้ว หลังสอบเสร็จแล้วค่อยว่ากัน"

ได้เข้ามามีโอกาสตรงนี้ได้ บีเจอยากขอบคุณใครบ้าง?

บีเจ - "มีหลายคนครับ ขอบคุณทางโรงเรียน ท่านผู้บังคับการฯที่ยอมให้ท่านมุ้ยส่งคนมาคัดเลือกนักเรียน ขอบคุณท่านมุ้ยที่กรุณาเลือกผมให้ได้รับโอกาสที่ดี ขอบคุณคณะคุณครูที่ช่วยให้การสนับสนุน

ครูท่านหนึ่งบอกว่า

"การขาดเรียนไม่ใช่เรื่องดี แต่ถ้าบีเจมีโอกาสที่ดีขนาดนี้ครูอยากให้บีเจขาดเรียนมากกว่า" มีเพื่อนๆ ให้กำลังใจ ที่สำคัญครอบครัวของผมทุกๆ คนครับ"


หนุ่มน้อย "บีเจ" กล่าวคำพูดจากฉากที่พระองค์ดำกล่อมไก่ชนคู่บุญ


ได้อย่างฉะฉาน หลังถูกร้องขอให้เอ่ย เมื่อเจ้าตัวบอกถึงประโยคพูดที่กินใจในหนังเรื่อง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ตอน "องค์ประกันหงสา" ที่ตัวเองแสดง

จากนั้นบีเจก็พูดถึงขั้นตอนก่อนที่จะได้ผลงานชิ้นเอกชิ้นนี้ของตัวเองว่า

"ผมเรียนการแสดงอยู่ 2-3 วัน จากนั้นท่านมุ้ยก็จะใช้วิธีเปิดเทปให้ดูตัวอย่างฉากหนังภาค "ประกาศอิสรภาพ" ที่พี่เบิร์ด-วันชนะแสดงอารมณ์ไว้ พอผมดู ท่านมุ้ยก็บอกว่าพยายามเล่นให้ดีประมาณนี้ ผมก็บอกท่านว่าผมจะพยายามครับ"


แสดงมาตลอดทั้งเรื่องในภาคแรก ประทับใจฉากไหนมากที่สุด


บีเจทำท่าครุ่นคิดก่อนบอกว่า "ประทับใจฉากกลางคืนที่ปีนกุฏิแอบดูศาสตราวุธ ตอนที่เปิดฝาหีบได้เห็นพระแสงปืนต้น ผมเองยังตะลึง ทึ่งในความยาวของกระบอกปืน

และความละเอียดของทีมงานศิลปะที่ทำศาสตราวุธได้สวยงาม ฉากนี้ถ่ายเทกเดียวผ่าน" หนุ่มน้อยตบท้ายด้วยความภูมิใจ


ส่วนนักแสดงในวัยเด็กด้วยกันที่ได้ร่วมงานคือ


เก้า (จิรายุ ละอองมณี) กับน้องดาด้า (สุชาดา เช็คลีย์) หนึ่งปีเต็มที่เราร่วมงานอยู่กินนอนด้วยกันมา จนตอนนี้สนิทกันมาก

บางทีบีเจก็ถามเก้าว่า

จำบทยังไงให้ง่าย เก้าก็บอกว่าให้มีสมาธิ เทกเยอะไม่เป็นไร เก้ารอได้ ได้ฟังเพื่อนพูดผมรู้สึกดีครับ เห็นถึงความมีน้ำใจของเพื่อน"

เพียงแค่ผลงานแสดงชิ้นแรก ฝีมือยังได้เท่านี้ รอระยะเวลาบ่มเพาะฝีมืออีกหน่อย รับรองอนาคตไกล



ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:

หนังสือพิมพ์ข่าวสด


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์