ณเดชน์ โชว์กล้ามท้องแน่นใน ธี่หยด3 สื่อตปท.อวยยศ พร้อมเผยเหตุผลที่ถอดเสื้อ

ภาพยนตร์สยองขวัญสัญชาติไทย "ธี่หยด" ยังคงสร้างกระแสฮือฮาไปทั่วเอเชียอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสื่อต่างชาติอย่าง อีทีทูเดย์ (ETtoday) ของไต้หวัน ได้รายงานข่าวความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่องนี้ พร้อมชื่นชมการแสดงของพระเอกหนุ่ม ณเดชน์ คูกิมิยะ ที่กลับมาในบท "พี่ยักษ์" อีกครั้งใน "ธี่หยด 3" ภาคต่อที่เตรียมสร้างความสยองขวัญขึ้นไปอีกขั้น

พี่ยักษ์กลับมาพร้อมกล้ามแน่นกว่าเดิม
หลังจากสร้างความประทับใจด้วยรูปร่างที่กำยำในสองภาคแรก ณเดชน์ได้ยกระดับความฟิตของร่างกายขึ้นไปอีกขั้นใน "ธี่หยด 3" ซึ่งเจ้าตัวเผยว่าการโชว์กล้ามในภาคนี้มีเหตุผลสำคัญเบื้องหลัง "ทีมเขียนบทอยากให้ยักษ์ถอดเสื้อ แต่การถอดครั้งนี้มีเหตุผลครับ เพราะยักษ์ทำงานในไร่อย่างหนัก เพื่อให้ครอบครัวและน้องๆ มีความสุข ผมเลยอยากให้ตัวละครดูแข็งแรงขึ้น ผมกินเยอะมากและเข้ายิมเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ" ณเดชน์กล่าว

ณเดชน์ซึ่งก่อนหน้านี้เป็นที่รู้จักในฐานะพระเอกสายโรแมนติกคอมเมดี้ ได้พลิกบทบาทครั้งใหญ่ใน "ธี่หยด" ด้วยการแสดงที่ผสมผสานความกลัวและความมุ่งมั่นได้อย่างลงตัว ทำให้ตัวละคร "ยักษ์" มีเสน่ห์และเป็นที่ชื่นชอบของผู้ชม จนได้รับคำชมจากสื่อต่างประเทศว่าเป็น หัวใจสำคัญของภาพยนตร์ชุดนี้

ภารกิจเสี่ยงตายเพื่อช่วยน้องสาว
ในภาคนี้เรื่องราวจะเข้มข้นขึ้นไปอีก เมื่อ "ยี่" น้องสาวคนเล็กสุดถูกพลังมืดจับตัวไป พี่ยักษ์ จึงต้องเสี่ยงชีวิตบุกเข้าไปในป่าผีสิงเพื่อปกป้องครอบครัวจากอันตราย นอกจากนี้ ณเดชน์ยังได้เผยว่า "ธี่หยด 3" จะไขปริศนาที่แฟนๆ อยากรู้มานาน "หนังจะอธิบายเหตุผลที่ผีชุดดำมุ่งมั่นจะทำลายครอบครัวนี้ สมาชิกทุกคนเป็นเหมือนกุญแจสำคัญสำหรับเธอ ในภาคนี้เราจะเจาะลึกถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงของผีชุดดำมากขึ้น"

ความน่าสนใจคือเนื้อเรื่องของ "ธี่หยด 3" ไม่ได้อิงจากนิยายต้นฉบับ แต่เป็นเรื่องราวที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมดเพื่อสานต่อความสยองขวัญจากสองภาคแรก

"ธี่หยด" โกอินเตอร์ สู่ "ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์"
ความสำเร็จของภาพยนตร์ "ธี่หยด" ยังได้รับการยืนยันด้วยการที่ ยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ สิงคโปร์ ประกาศสร้างบ้านผีสิงในธีม "ธี่หยด" สำหรับเทศกาล "ฮาโลวีน ฮอร์เรอร์ ไนท์" ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของธีมปาร์คระดับโลก โดย "ธี่หยด 3" มีกำหนดเข้าฉายในไต้หวันวันที่ 31 ตุลาคมนี้

จากข่าวนี้แล้ว คุณคิดว่าหนังเรื่องนี้จะประสบความสำเร็จในต่างประเทศมากน้อยแค่ไหน?