ป่วน ?รักจัง? อ้างดูถูกชาวเขา

จากกรณีที่6ชนเผ่าเข้าร้องหนัง รักจังละเมิดศักดิ์ศรี นำเสนอวัฒนธรรมของชาวไทยภูเขาที่ผิดเพี้ยน ล้อเลียนผ่านสื่อ

และการแต่งกายที่ผิด โดย เกรงว่าการนำเสนอสิ่งที่ไม่ถูกต้องบิดเบือนออกไปอาจส่งผลกระทบกลายเป็นปัญหาระดับชาติ เจ้าของวัฒนธรรมพลอยได้รับอิทธิพลจากความผิดพลาด ทำให้เกิดการแตกแยก ได้

ทั้งนี้ นายเหมันต์ เชตมีผู้กำกับฯได้เปิดใจว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะภาษาที่ใช้ใน รักจัง เป็นภาษาไทย ไม่ใช่ภาษาของชาวเขาเผ่าใดเลย เพียงแต่หยิบวิธีการเล่นแบบฝรั่งพูดไทยที่คนไทยได้ยินชินหูมาเล่น

ก่อนเขียนสคริปก็คิดแล้วว่าจะต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ผมจึงระวังทั้งเรื่อง ภาษา ก็ต้องเป็นภาษาไทย แต่สำเนียงอิงไปทางคนพูดไม่ชัดก็เท่านั้นเอง เป็นการพูดแบบไม่มีตัวสะกด และคำพูดที่ใช้ในหนัง ไม่มีคำผวน พูดโต้ตอบกันธรรมดา แต่ที่ตลกด้วยสถานการณ์และพฤติกรรมไม่ได้ลามก เป็นธรรมชาติของนักแสดง

ส่วนเรื่องการแต่งกายผู้กำกับชื่อดังยืนยันว่าตนและฝ่ายเสื้อผ้า ไม่ได้ใช้ของชนเผ่าใดเลย ถ้าได้เข้าไปชมหนังก็จะเห็นว่า ผมเจาะจงให้ทั้ง 3 คน อี๊ด-ลาล่า-ลูลู่ แยกบ้านมาอยู่กันแบบบ้านเดี่ยวๆกลางหุบเขา ซึ่งเครื่องแต่งกายนี้เราดีไซน์ขึ้นมา ไม่ได้เลียนชาวเขาเผ่าไหนเลย

นอกจากนี้ยังเปิดใจถึงเรื่องพิธีกรรมที่มีปัญหาว่าตน ได้ไปรีเสิร์ชจากชาวเขามาจริงๆ แต่ในหนัง ไม่ได้ถ่ายพิธีจริงแต่อย่างใด ผมถ่ายงานรื่นเริงหลังแต่งงาน ซึ่งจะมีประโยคหนึ่งที่ ลาล่า พูดในหนังว่า ไม่มีประเพณีห้ามอยู่กัน 3 คน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ผมไปรีเสิร์ชมาจากชาวเขาหมู่บ้านหนึ่ง ได้ถามเขาว่า แต่งงานทีเดียว 2 คนได้มั้ย ชาวเขาก็บอกมาว่า สมัยก่อนไม่ได้ แต่ปัจจุบันนี้ได้แล้ว เขาก็บอกเราทำตามประเพณีของเขาถูกต้อง





พร้อมกันนี้ เหมันต์ ได้แสดงความน้อยใจว่า

ตนได้ไปทำลายวัฒนธรรมของชาวเขาตรงไหน เพราะเรื่องราวทั้งหมดเป็นการสมมติขึ้นในการสร้างหนังเรื่องหนึ่งเท่านั้น และตลอดทั้งเรื่อง ไม่มีระบุว่า อี๊ด-ลาล่า-ลูลู่ เป็นชนเผ่าใด ผมไม่ได้เขียนบทให้พวกเขาเป็นแค่ตัวตลกโปกฮา หรือดูโง่ กลับดูเก่ง ฉลาดด้วยซ้ำไป อย่างซีนที่ ฟิล์ม บาดเจ็บเข้ารักษาที่โรงพยาบาลแพทย์แผนปัจจุบันกลับรักษาไม่ได้ แต่ อี๊ด กลับรักษาได้ แล้วตลอดเวลาที่ถ่ายทำ ผมได้ปรึกษาหารือกับหัวหน้าชาวเขาที่โน่นตลอด ผมเชื่อมั่นถ้าใครเข้าไปชมหนัง จะชื่นชอบวิถีชีวิตที่เงียบสงบ รวมทั้งทิวทัศน์อันสวยงาม เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ด้วยซ้ำ ผู้กำกับชื่อดังกล่าวปิดท้าย

ทางด้านนักแสดง อี๊ด โปงลางสะออน หรือ นายสมพงษ์ คุนาปฐม ได้กล่าวเสริมว่าเรื่องนี้เป็นสิทธิ์ที่จะออกมาพูดกันได้ แต่เจตนาของตนและทีมงานหนังเรื่องนี้ทุกคนไม่ได้ไปล้อเลียน เพียงแต่วิธีการแสดงของผม ผู้กำกับเป็นคนบอกให้พูดแบบนี้ เพราะมันดูน่ารัก ไม่ได้เป็นจุดเสียอะไร แล้วในหนังเราไม่ได้เอาภาษาของเขามาพูดลามก ไม่มีคำที่ไม่สุภาพหรือเสื่อมเสียเลย

ตัวการเรียกเสียงฮาในหนังรักจังกล่าวว่าตนเป็นคนอีสาน ซึ่งจะภูมิใจด้วยซ้ำเวลาที่มีหนังที่นำเอาภาษาอีสานไปใช้ ผมคิดว่าเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมภาษาของเรา ไม่มีเจตนาล้อเลียน กระแส จากการไปทัวร์คอนเสิร์ต ที่ภาคเหนือหลายๆจังหวัด ก็มีกลุ่มชาวเขาที่ลงมาดูคอนเสิร์ต ก็ได้สอบถามเขาว่าไปดูหนัง รักจัง แล้วหรือยัง รู้สึกอย่างไงที่พวกผมแสดง เขาก็บอกว่าน่ารัก ชอบ

ส่วนการที่มีกลุ่มคนตั้งประเด็นตรงนี้ขึ้นมา อี๊ดกล่าแสดงความเห็นว่าไม่รู้ว่าชาวบ้านคิดเองหรือเปล่า บอกเลยว่าจากที่ผมไปสัมผัสมา แล้วก็ได้บอกกล่าวขอโทษพวกเขา ก็ไม่เห็นมีใครโกรธเลย ผมว่าสำคัญที่สุดคือ เราสื่อไปทางไหนมากกว่า ถ้าเราพูดในสิ่งไม่ดี พูดไม่สุภาพ แบบนี้สมควรจะโดนติ แต่ในหนังเราไม่มีการกระทำแบบนี้เลย หรืออย่างเสื้อผ้า เป็นชุดที่ทำขึ้นมาใหม่ ไม่ได้ลอกเลียนแบบใคร

การดูหนังต้องคิดว่าเรามาเพื่อหาความบันเทิง พักผ่อน ทำให้ชีวิตมีเสียงหัวเราะ ผมว่าคิดมากไปก็กลายเป็นเรื่องวุ่นวายไปเปล่าๆ น่าจะเข้ามาหาความบันเทิงกันมากกว่าครับนักร้องชื่อดังกล่าว





เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์