คริสตจักรฯ ไทยย้ำ "ดาวินชี" ฉายได้แต่ต้องตัด "บอย - ปุ๊" เผยเจ็บปวด หนังสุดดูหมิ่นพระเยซูฯ
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 16 พฤษภาคม 2549 17:35 น.
สภาคริสตจักรในประเทศไทย - สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย - สหคริสตจักรแบบติสต์ในประเทศไทย, มูลนิธิเซเวนธ์เดย์ แอ๊ดเวนติสแห่งประเทศไทย ร่วมแสดงจุดยืน ยันให้ฉายหนังอื้อฉาว The Da Vinci Code ในประเทศไทยได้ แต่ต้องตัดบางฉากของหนังออกพร้อมขึ้นข้อความย้ำเป็นเรื่องแต่ง ด้าน "บอย - ปุ๊" บอก เป็นหนังที่ไม่คิดจะดูเพราะสุดที่จะดูหมิ่นพระเยซูฯ
ยังคงเกิดกระแสต่อต้านอย่างต่อเนื่องสำหรับภาพยนตร์เรื่อง The Da Vinci Code ผลงานการกำกับของ "รอน ฮาเวิร์ด" ที่สร้างจากงานเขียนขายดีของ "แดน บราวน์" ซึ่งเตรียมลงโรงฉายในบ้านเรา(พร้อมกับทั่วโลก)วันพฤหัสบดีที่ 18 พ.ค.นี้ จากการนำเข้าของบริษัทโซนี่ พิคเจอร์(โคลัมเบีย) โดยในช่วงบ่ายที่ผ่านมาของวันนี้(16) สี่องค์กร ที่ประกอบด้วย สภาคริสตจักรในประเทศไทย, สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย สหคริสตจักรแบบติสต์ในประเทศไทย, มูลนิธิเซเวนธ์เดย์ แอ๊ดเวนติสแห่งประเทศไทย ได้จัดให้มีการแถลงถึงจุดยืนที่มีต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้น ณ อาคารสำนักงานใหญ่สภาคริสตจักรในประเทศไทย
ทั้งนี้โดยบทสรุป อ.ธงชัย ประดับธนานุรัตน์ คณะกรรมการประสานงานคริตจักรโปรแตสแตนท์แห่งประเทศไทย และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการกองเซ็นเซอร์เผยว่า จุดยืนของ 4 องค์กรที่ออกมาก็คือยินยอมที่จะให้มีการฉายภาพยนตร์เรื่องนี้ในประเทศไทยได้ ทว่าต้องมีการตัดเนื้อหาบางส่วนออกไป พร้อมๆ กันนั้นต้องขึ้นข้อความย้ำเตือนให้คนดูรับทราบด้วยว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น
"ก่อนที่จะมาแถลงข่าวในวันนี้ ได้เข้าไปชมภาพยนตร์ร่วมกับกองเซ็นเซอร์มีความรู้สึกว่าเนื้อหาบิดเบือนจากความเป็นจริงไปมาก โดยที่เนื้อหาเจาะจงลบหลู่ศาสดาของศาสนาคริสต์อย่างร้ายแรง และได้บังอาจเจตนาลบหลู่เกียรติของเยซูคริสต์ว่าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา ไม่มีฐานะเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าตามที่คริสตชนเชื่อถือแต่อย่างใด และยังลบหลู่พระองค์ว่าได้แต่งงานอยู่กินกับนางแมรี แม็กดาลีน จนถึงกับมีทายาทด้วยกัน"
"ซึ่งข้อมูลดังกล่าวล้วนแต่เป็นเรื่องเท็จ ไม่มีมูลความจริงแต่อย่างใด แดน บราวน์ ซึ่งเป็นนักเขียนจริงๆแล้วเขาเป็นคนเก่งผูกเรื่องมาเรื่อยๆ แต่ถ้าตอนท้ายของหนังสือจบแค่นั้นไม่มีการเฉลยคำตอบทุกอย่างก็จะผ่านไปเลย แต่นี่บางตอนมีการกล่าวถึงพระเยซูว่าเป็นคนจอมลวงโลก ซึ่งความจริงตั้งโจทย์แบบนี้ไม่ได้"
"ทางเราจึงได้ทำเรื่องไปยัง บ.โคลัมเบียและก็ผู้สร้างทั่วโลกเกี่ยวกับการฉายภาพยนตร์เรื่องเดอะดาวินชีโคดว่าให้ตัดบางส่วนของภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะตอนท้ายเรื่องที่พูดถึงนางแมรี แม็กดาลีน ว่าเคยอยู่กินกับพระองค์มาก่อน นอกจากนี้จะต้องมีการฉายข้อความว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเพียงนวนิยายไม่ใช่เรื่องจริง ขึ้นบนจอทั้งต้นและท้ายเรื่อง และนอกจากนั้นเราอาจจะมีการแจกจ่ายหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงให้แก่ผู้เข้าชมทุกท่าน เพื่อจะได้มีการเข้าใจที่ถูกต้องและก่อให้เกิดความสมานฉันท์"
ยังไม่ได้รับตอบรับจากทางค่ายหนังผู้นำเข้าภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวว่าจะดำเนินการอย่างไร ในขณะที่ต่างประเทศนั้นยินดีที่จะใส่ข้อความในตอนท้ายเรื่อง
"ความจริงโคลัมเบียต้องมาวันนี้เพราะพรุ่งนี้มีรอบสื่อหนังเรื่องนี้แล้ว วันนี้เราต้องวิ่งวุ่นกันน่าดู ทั้งนี้เราทำเรื่องไปต่างประเทศแต่ละประเทศ แต่นโยบายของเมืองนอกเขาไม่สามารถใส่ข้อความให้ตอนต้นได้ แต่ยินดีใส่ข้อความให้ตอนท้ายเรื่อง ซึ่งเราคิดว่ามันไม่ถูกต้อง เพราะการที่เราให้ขึ้นข้อความก็เพื่อให้เกิดความสงบสุข เหตุผลก็คือเวลาคนดูหนังจบต่างคนต่างลุกขึ้นแล้วไม่ได้ดูข้อความที่ขึ้นจอในตอนท้าย เพราะฉะนั้นเราจึงอยากให้มีข้อความขึ้นในตอนต้นด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเจตนาของกองเซ็นเซอร์ไม่ใช่ผม"
"ส่วนเรื่องแจกหนังสือคู่มือนั้น ยังไม่ได้รับคำตอบ แต่ถ้าเขายอมเราก็จะแจก ซึ่งการเขียนนวนิยายของแดน บราวน์ มันเป็นการเขียนเชิงอรรถที่น่าเชื่อถือมาก ถ้าคนอ่านวิเคราะห์แยกแยะได้เราไม่เป็นห่วง แต่พอมาทำเป็นหนังดูแล้วก็จบกันไป ประกอบกับนักแสดงที่มาเล่นเป็นทอม แฮงก์ส เป็นนักแสดงที่มีคุณภาพ เล่นแล้วสามารถทำให้คนดูเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง ทำให้ทางเราเองก็ต้องหาสปอนเซอร์ ที่จะมาชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยการพิมพ์ออกมาเป็นหนังสือ ขั้นแรกเราพิมพ์มาประมาณแสนเล่ม ซึ่งในขณะนี้มีผู้ประสงค์จะเป็นสปอนเซอร์ให้เราอยู่หลายท่าน ทั้งนี้เพราะพวกเขาทนดูไม่ได้"ฃ
ออเดรย์ โตตู และ ทอม แฮงก์ส ใน The Da Vinci Code
ชี้แจงอาจจะดูวุ่นวายกว่าเมืองนอกที่แม้จะมีการประท้วงแต่ก็ยังให้หนังฉายได้ว่า เป็นเพราะรูปแบบของสังคมที่ทางฝั่งอเมริกาจะเปิดกว้างอิสระทางด้านความคิดและการกระทำมากกว่า
"เมืองนอกจะไม่เหมือนกับเมืองไทย อย่างอเมริกาเป็นดินแดนอิสระเสรี เขาแยกศาสนากับรัฐมันคนละเรื่องกัน แต่สำหรับเมืองไทยศาสนา รัฐ และพระมหากษัตริย์ มันเกี่ยวเนื่องกัน"
"จริงๆ เนื้อหาตอนท้ายที่ต้องตัดออกไม่เยอะ เพียงแต่ผู้สร้างเน้นย้ำและฟันธงเลยว่านางแมรีเป็นภรรยาของพระเยซู มีการคบหากันและมีบุตรด้วยกัน ซึ่งตอนนี้ทางต่างประเทศมีมากกว่า 200 คนที่เขียนหนังสือออกมาตอบโต้ อธิบายเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องดาวินชีโคด รวมไปถึงหนังสือรหัสลับดาวินชีซึ่งเป็นการชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง"
"ของเราเป็นศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ เรารู้สึกมันมีผลกระทบ แต่คนเจ็บปวดที่สุดน่าจะเป็นนิกายคาทอลิกที่ในเรื่องตัวร้ายคือตัวบาทหลวง เป็นคริสต์นิกายคาทอลิก เขาโดนมาตั้งแต่ต้นเรื่องเรียกว่าโดนแบบเต็มๆ ทั้งนี้เราในฐานะผู้นำศาสนาทั้งโปรเตสแตนท์และคาทอลิกมีจุดยืนร่วมกัน ที่จะเลือกความจริงในหนังสือ (พระคัมภีร์) ที่จะนำมาเสนอ เพราะมันเป็นรายละเอียดที่ถูกต้องทั้งหมด แต่เวลาเอามาทำเป็นหนัง หลักการโกหกง่ายๆ ของผู้สร้างที่สามารถโน้มน้าวใจให้คนดูเชื่อได้ว่ามันเป็นเรื่องจริง คือการเอาเรื่องจริงกับเรื่องเท็จมาผสมกัน"
ยันการตัดบางฉากของหนังคือทางออกที่ดีที่สุดเพราะใจจริงแล้วไม่อยากจะให้มีการฉายหนังเลยด้วยซ้ำ
"ถ้าเป็นความตั้งใจของสภาคริสต์เองไม่อยากให้ฉายหนังเรื่องนี้เลย แต่ก็เข้าใจในฐานะผู้สร้างและผู้นำเข้า สร้างหนังไปแล้วก็อยากจะฉาย เราก็เห็นใจ ทางเราเลยตกลงกันว่างั้นขอความร่วมมือหน่อยโดยการทำตามข้อตกลงที่เรากำหนดไว้ ถ้าไม่รวมมือก็เสียหายไปเปล่าๆ ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ต้องฉายในเมืองไทย"
"บางประเทศเขาจัดหนังเป็นเรต เรื่องนี้อย่างอินโดนีเซียเขาก็ตัดฉากที่ทรมานตัวเอง มีการถอดเสื้อผ้า ส่วนนั้นคือตัดออกไป ซึ่งอันนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละประเทศว่ากฎหมายเขายังไง...กฎหมายในเรื่องการจัดเรตหนังของไทยตอนนี้ยังไม่มี มันเป็นระบบของบ้านเรา ซึ่งตรงนี้ผมต้องเข้าไปดูอีกรอบ แต่ไม่รู้จะเป็นวันไหน อาจจะเป็นวันพรุ่งนี้"
"เรื่องการเข้าฉาย มันขึ้นอยู่กับบริษัทหนัง และก็ขึ้นอยู่กับวันนี้ถ้าเขาตามข้อตกลงของเราก็ฉายได้ ผมว่าเรื่องนี้มันขึ้นอยู่กับบริษัทหนังว่าเขาจะทำได้แค่ไหน มีวิธีที่จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร"
ด้าน "บอย โกสิยพงษ์" นักแต่งเพลงชื่อดังเผยว่าโดยส่วนตัวแล้วไม่เคยคิดที่จะดูหรืออ่านหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะมีการบิดเบือนและเป็นการกระทำที่ดูถูกเหมือนกับด่าพ่อ-แม่ เช่นเดียวกับ "ปุ๊ อัญชลี" ซึ่งแสดงความคิดเห็นว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะความโลภของผู้แต่งนั่นเอง
"ผมว่าสิ่งที่ปรากฏในหนังสือรหัสลับดาวินชีมันไม่จริงอยู่แล้วและพอมาทำเป็นหนังมันมีโอกาสมากที่จะทำให้คนคล้อยตาม ซึ่งหนังสือเล่มนี้ผมได้ยินมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่เคยคิดจะอ่าน แล้วถ้าเป็นหนังขึ้นมาผมก็ไม่คิดจะไปดู เพราะทุกอย่างบิดเบือนจากความเป็นจริง เพราะเขาดูถูกศาสนาคริสต์ ดูถูกพระศาสดาของเรา เปรียบเสมือนการด่าพ่อแม่เรา และอีกอย่างมันเป็นการเหยียบย่ำของคนโดยที่ไม่สนใจ"
"ถ้าคนที่ไม่รู้จักพระเยซูคริสต์ และไม่รู้ว่าสิ่งที่เป็นพระองค์มันเป็นความจริงแล้วไปอ่านนวนิยายเรื่องนี้ซึ่งมันไร้สาระ พี่อ่านพระคัมภีร์มามาก เมื่อเทียบกับหนังสือเล่มนี้มันเป็นการพยายามบิดเบือนทำให้พระเยซูต่ำกว่าที่พระองค์เป็น เราในฐานะศาสนิกชนอยากทำให้ประชาชนเห็นว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงมันเป็นความโลภของผู้สร้างและผู้เขียนหนังสือที่ต้องการจะโปรโมทหนัง และพยายามทำให้คนอื่นเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง มันเป็นการเหยียบย่ำพระเจ้า ถ้าไม่ได้ฉายซะเลย ก็จะเป็นการดีจะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่นอย่างมาก"
สำหรับความเคลื่อนไหวในส่วนของทางโคลัมมเบีย (ประเทศไทย) หรือปัจจุบันคือค่ายโซนี่ พิคเจอร์รีลิสซิงอินเทอร์เนชันแนลนั้น ผู้สื่อข่าวได้รับการอธิบายจากแหล่งข่าวภายในว่า ทางบริษัทยังไม่เคยได้รับหนังสือร้องเรียนที่ทางคริสตจักรออกมาเปิดเผยแต่อย่างใด ประกอบกับเวลาค่อนข้างกระชั้นชิด ส่งผลให้การตัดสินใจว่าจะตัดฉากบางส่วนของหนังออกไปหรือไม่นั้นจึงยังไม่สามารถดำเนินการได้ ขณะที่การขึ้นคำอธิบายว่าเป็นเพียงนิยายไม่ใช่เรื่องจริงนั้น ทางหนังได้มีการใส่ไว้อยู่แล้วจึงไม่น่าจะเป็นปัญหาใด แต่หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงทางโซนีฯ จะชี้แจงให้ทราบอีกครั้งในการฉายรอบสื่อมวลชน วันพรุ่งนี้ (17) ที่ห้างสรรพสินค้าเอ็มโพเรียม ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป
อัลเฟร็ด โมลินา กับบท บิช็อปอริงกาโรซา
Love Attack เทศกาลความรักแบบนี้ บอกอ้อมๆให้เขารู้กัน
Chocolate Dreams สาวชั่งฝันและช็อคโกแลต กับหนุ่มหล่อ ไม่แน่คุณอาจจะได้เจอแบบนี้ก็ได้
Love You Like Crazy เพลงเพราะๆ ที่ถ้าส่งให้คนที่เรารัก โลกนี้ก็สีชมพูกันทีเดียว
https://www.facebook.com/teeneedotcom