ตำนานเรื่องราวบทที่ 3 ของสายลับพันธุ์เถื่อนอย่างแซนเดอร์ เคจ (วิน ดีเซล) หลังจากที่หนังในภาคที่ 2 นั้นไปเล่าเรื่องราวของสายลับอีกคนที่รับบทโดยไอซ์ คูบบ์แทน (เพราะตอนนั้นวิน ดีเซลไม่รับแสดงต่อเพราะตกลงค่าตัวไม่ได้) ประกอบกับช่วงเวลานั้น วิน ดีเซลก็คิวงานแน่นๆสุด ทำให้ภาคที่ 2 ของแฟรนชายส์นี้ประสบความล้มเหลวและโครงการภาคต่อทุกอย่างก็ถูกพับเก็บไปจนกระทั่งเกือบสิบปีให้หลังหนังเรื่องนี้ก็คืนชีพกลับมาอีกครั้ง
เหตุการณ์ในหนังภาคนี้แซนเดอร์ถูกดึงตัวกลับมาปฏิบัติภารกิจหลังจากที่ กิ๊บบอนส์ (แซมมวล แอล. แจ็คสัน) ถูกลอบสังหาร แซนเดอร์ได้รับภารกิจให้ตามหากล่องแพนโดร่าที่มีคุณสมบัติในการควบคุมดาวเทียมรอบโลก แต่ภารกิจครั้งนี้แซนเดอร์ไม่อาจจะทำงานคนเดียวได้ เขาจึงต้องรวบรวมลูกทีมฝีมือดีจากทั่วโลกในการทำภารกิจให้ลุล่วง
ผลงานการกำกับของดี.เจ. คารูโซ ซึ่งได้มือเขียนบทอย่าง เอฟ. สก็อต เฟรเซีย์ ซึ่งเขาตั้งใจเขียนบทให้เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นที่เต็มไปด้วยความสุดโต่ง แต่เหนืออื่นใดคือรากเหง้าของสายลับฉบับ xXx นั้นแตกต่างจากสายลับคนอื่นตรงที่สายลับคนนี้ต่อต้านผู้มีอำนาจ (ทางการ) ไม่เหมือนกับ 007 หรือ เจสัน บอร์นแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นแซนเดอร์ เคจยังเป็นคนที่อยู่ในกลุ่มสถานะที่สังคมสามารถเขี่ยเขาทิ้งได้โดยไม่ต้องสนใจว่าเขาทำอะไรที่ดีมา เพียงแต่ความ "ต่าง" ในเรื่องกรอบการใช้ชีวิตของเขาแตกต่างจากขนบของคนทั่วไปในสังคม แต่อย่างไรก็ตามผู้ร้ายตัวจริงของในสายลับในยุคปัจจุบันนั้น ไม่มีอะไรเหนือการคาดเดาว่าจริงๆแล้วคนที่ชักใยอยู่นั้นแท้ที่จริงแล้วก็คือบรรดาผู้กุมอำนาจในสังคมเป็นส่วนใหญ่
ถึงแม้เราจะพอคาดเดาได้ว่าหนังจะพาคนดูไปในทิศทางไหนก็ตาม แต่ความสนุกของหนังอยู่ตรงความ "เว่อร์" แบบนันสต๊อป จนเราอาจจะเรียกได้ว่ามันเป็นหนังโชว์คิวบู้ ซึ่งได้แอ็คชั่นสตาร์จากเมืองจีนอย่างดอนนี่ เยน มาร่วมแสดงเช่นเดียวกับโทนี่ จา(จา พนม) ซึ่งนำศิลปะการต่อสู้ของจีนและไทยเอาเข้ามาใช้ในหนัง ซึ่งเมื่อเขย่าทุกอย่างให้ลงตัวแล้ว มีก็มีความไปด้วยกันกับกีฬาเอ็กซ์ตรีม
เสน่ห์ของหนังภาคนี้คือการนำดาราจากทั่วทุกมุมโลกมาร่วมแสดงไม่ว่าจะเป็นนางเอกของเรื่องอย่างดีปิกา ปาดูโคน จากประเทศอินเดีย, คริส วู อดีตสมาชิกวง KPOP อย่าง EXO , ดอนนี่ เยน, จา พนม ความหลากหลายทางเชื้อชาตินี้ยิ่งเป็นตัวช่วยสำคัญให้หนัง "เข้าถึง" คนชาติอื่นที่ไม่ใช่อเมริกาได้มากยิ่งขึ้น
ทั้งหมดทั้งมวล xXx: Return of Xander Cage จัดได้ว่าเป็นหนัง "บล็อกบัสเตอร์"ที่ดูแบบไม่คิดอะไรมาก ดูแล้วฆ่าเวลา สนุก บันเทิง ตามสูตรสำเร็จเลยครับ
3.5 คะแนน จาก 5 คะแนน
https://www.facebook.com/teeneedotcom