เกี่ยวกับเบื้องหลังการสร้าง ความยิ่งใหญ่ที่เริ่มจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ
ภาพยนตร์สุดป่วน Burying the Ex เริ่มด้วยการเป็นหนังสั้นจากฝีมือของ ผู้สร้าง/นักเขียนบท อลัน เทรซซ่า ในปี 2008 "เรื่องราวของแฟนเก่าผู้กลับมาหลอกหลอนคุณ แม้กระทั่งหลังความตาย มันมีเรื่องราว และปรัชญาให้เล่ามากเกินที่หนังสั้นจะทำได้" เขาจึงเริ่มเอาหนังสั้นเรื่องนี้ไปให้เพื่อนๆดู และพัฒนาบท เขาใช้เวลาอยู่ไม่กี่เดือนจนในที่สุดเขาสามารถพัฒนาบทจากความยาว 15 นาที ให้กลายเป็นบทภาพยนตร์ความยาว 90 นาทีได้ ซึ่งสุดท้าย บทนี้ถูกส่งไปถึงมือ โปรดิวเซอร์อย่าง เดวิด จอห์นสัน และเมื่อเขาได้อ่านมันจบเขารีบติดต่อไปที่เจ้าพ่อหนังสยองอย่างโจ ดันเต้ ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ชื่นชมฝีมือกัน
โจ ดันเต้กล่าว "บทหนังเรื่องนี้มันมีความเก๋ของบท มันมีจุดที่ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นหนังยุคเก่า (Retro) ซึ่งมันเป็นผลมาจากประสบการณ์การเสพภาพยนตร์ในรูปแบบนั้นมาตลอดชีวิต และเราก็อายุใกล้เคียงกัน ความคิดเราก็แทบจะไม่ต่างกันเลย" จอห์นสันกล่าวเสริมว่า "ผมเป็นแฟนผลงานของโจ ดันเต้ มาอย่างช้านาน ผมมองเห็นว่าเขาน่าจะเป็นคนที่คู่ควรกับบทหนังเรื่องนี้อย่างยิ่ง ด้วยประเภทของภาพยนตร์ (Genre) และความสามารถที่นำพาหนังประเภทนี้ให้มีความดาร์ค ความตลก รวมไปถึงซาบซึ้งไปด้วยกันได้อย่างแนบเนียนที่สุด" และโชคชะตาก็ทำให้ทั้งหมดได้ร่วมงานกันจนได้ในที่สุด
การค้นหา แฟนเก่าสุดแค้น
สำหรับบทหลักอย่างแม็กซ์ เด็กหนุ่มผู้เต็มไปด้วยไฟชีวิต กลับเป็นบทที่หานักแสดงมารับบทยากที่สุด เพราะต้องมาด้วยเสน่ห์รุนแรงขนาดดึงแฟนเก่ามาจากหลุมศพได้ และต้องดึงดูดผู้ชมให้เอาใจช่วยได้ตลอดรอดฝั่งด้วย
ดันเต้ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้รู้สึกผูกพันธ์กับตัวละครตัวนี้มาก เพราะตัวละครทำงานในร้านขายหนังสยองขวัญ และไม่ชอบเข้าสังคม ซึ่งเป็นอะไรที่คล้ายๆกับตัวโจ ดันเต้เอง
แอนทอน เยลชิน ผู้ซึ่งได้ผ่านการรับบทในหนังใหญ่อย่าง Star Trek ทั้งสองภาคล่าสุดมาหมาดๆ นั้นเป็นนักแสดงคนโปรดคนหนึ่งของผู้กำกับโจ ดันเต้มาซักพักใหญ่ และแอนทอนเองก็อยากร่วมงานกับโจ มากอยู่แล้ว
แอนทอน เล่าว่าสิ่งที่เขาชอบในหนังเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะแนวซอมบี้ หรือเรื่องรักอะไรพวกนั้น แต่มันเหมือนเป็นหนังสยองขวัญที่ตลกชวนหัวไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งบทสนทนาและจังหวะของเรื่องมันจะเข้มข้นตลอดทั้งเรื่อง
ส่วนตัวเอฟเวอลีนนั้น เป็นเรื่องยากน้อยลงหน่อย ซึ่งมาลงตัวที่ แอชลี่ย์ กรีนน์ นักแสดงจากเรื่อง Twilight จากการที่แอชลี่ย์สามารถแสดงให้ผู้กำกับเห็นได้ว่าเธอนั้นเข้าใจตัวละครได้เป็นอย่างดีทั้งในความขี้หึง และความเปราะบางในตัวที่จะต้องสูญเสียคนรักไป "ในบทเอฟเวอลีนเธอเป็นคนที่ขี้หึงมาก เธอกลัวว่าเธอจะสูญเสียแม็กซ์ไป เพราะว่าจริงๆแล้ว เธอเหลือเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นแหละที่ยอมคบกับเธอ" แอชลี่ย์ กรีน กล่าว "บางครั้งเธอก็ทำอะไรเกิดกว่าเหตุ จนบางครั้งมันก็น่าเศร้านะที่บางการกระทำของเรากลับเป็นการผลักไสคนรักให้ออกห่างไปมากขึ้น"
และสำหรับบทโอลีเวีย ผู้สร้างมองหานักแสดงที่มีความเท่ห์และเสน่ห์ในระดับที่ต้องสูสีกับ แอชลี่ย์ กรีนน์ได้ และต้องมีบุคลิกที่ตรงกันข้ามสุดขั้ว ซึ่งมาตกที่ อเล็กซานดร้า ดาแดริโอ ผู้ได้ฝากฝีมือไว้กับภาพยนตร์ผจญภัยตระการตาอย่าง Percy Jackson ซีรี่ส์เรื่องฮิตทาง HBO เรื่อง True Detective และ ล่าสุดกับเสน่ห์ดึงดูดอย่างมหาศาลจากภาพยนตร์เรื่อง San Andreas มาแล้ว
อเล็กซานดร้า กล่าวว่า "ในบทโอลีเวียนั้น เธอเป็นผู้หญิงที่น่ารักมาก เธอเป็นคนที่รักอิสระ จนบางครั้งกลายเป็นคนซุ่มซ่าม ซึ่งมันสนุกมากที่ได้แสดงในบทแบบนั้น ถ้ามองกันดีๆ ฉันคิดว่าคนที่ทำอะไรสะเพร่าเล็กๆมักจะทำอะไรน่ารักๆให้เรายิ้มได้เสมอ เพราะหลายต่อหลายครั้งเราต้องพยายามปิดซ่อนมันไว้ บทนี้เธอเป็นคนที่เจ๋งมากๆเลยล่ะ"
https://www.facebook.com/teeneedotcom