ต้นสังกัดของนักแสดงสาวชื่อดัง J & Co. Entertainment ได้ออกมาประกาศข่าวดีดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อย "เป็นความจริงที่จอนจีฮยอนจะเข้าพิธีแต่งงานกับ ชอยจุนฮยอค ซึ่งจะจัดขึ้นที่โรงแรมชิลล่าในกรุงโซลวันที่ 2 มิ.ย. นี้"
"เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะร่วมแสดงความยินดีกับจอนจีฮยอนที่กำลังจะเริ่มชีวิตใหม่ในฐานะภรรยาของว่าที่สามีเธอ โปรดร่วมกันอวยพรชีวิตรักของทั้งคู่ด้วย"
"ทางเรารู้สึกซาบซึ้งและขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนให้ความรักและสนับสนุนจอนจีฮยอนด้วยดีมาเสมอตลอดหลายๆปีที่ผ่านมานี้ เราจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด เธอจะทุ่มเทอย่างหนักและฝึกฝนอย่างเต็มที่ และจะไม่ละทิ้งหน้าที่ความรับผิดชอบใดๆที่จะทำให้เธอเป็นนักแสดงหญิงผู้ยิ่งใหญ่ของวงการ"
ตามรายงานระบุว่า ชอยจุนฮยอค ว่าที่สามีของ จอนจีฮยอน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกาหลี และไปศึกษาต่อที่สหรัฐอเมริกา โดยตอนนี้เขาทำงานเป็นหนุ่มแบงค์อยู่ที่ Bank of America โดยชอยจุนฮยอค ยังเป็นหลายชายของดีไซเนอร์ชุดฮันบกชื่อดังอย่าง อียองฮี ด้วยและเป็นลูกชายคนที่ 2 ของดีไซเนอร์ดัง อีจุงวู
คู่รักคู่นี้มีอายุเท่ากัน โดยทั้งคู่เริ่มคบหากันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยความสัมพันธ์ของพวกเขาถูกเปิดเผยเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว ซึ่งสร้างความสนใจให้กับแฟนๆของเธอเป็นอย่างมาก
จอนจีฮยอน เริ่มต้นงานในวงการมาตั้งแต่ปี 1997 ในฐานะนางแบบ ก่อนจะมาโด่งดังสุดๆจากภาพยนตร์เรื่อง My Sassy Girl และ Introducing My Girlfriend
โดยล่าสุดเธอก็เพิ่งถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Thieves ของผู้กำกับคนดัง ชอยดองฮุน จบลง และกำลังจะเริ่มถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ Berlin ร่วมกับผู้กำกับ เรียวซึงวาน
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือที่เริ่มขึ้นในเว็บไซต์อเมริกาที่เป็นที่นิยมโดยหญิงสาวเกาหลีที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ อันมีข้อความว่า "จอนจีฮยอน และ คุณเอ เธอเดินทางไปยังร้านอาหารกับแม่ของเขา และกลับมายังใจกลางเมืองเพื่อซื้อชุดเจ้าสาว"
ข้อความนี้มีความเกี่ยวข้องกับชายสัญชาติเกาหลี-อเมริกาที่มีดีกรีจบจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าวว่าพวกเขาทั้งสองอาจจะถึงขั้นจดทะเบียนกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจอนจีฮยอนก็กำลังทำเรื่องขอที่อยู่ถาวรที่นั่น เจ้าของข้อความยังกล่าวด้วยว่าเธอและว่าที่สามีได้รับการอนุญาตจากพ่อแม่ และเดิมทีเตรียมจะแต่งงานกันในปีนี้ แต่ต้องเลื่อนแผนการไปก่อน ยังกล่าวอีกด้วยว่าจอนจีฮยอนนั้นได้ซื้อบ้านในซานฟรานซิสโกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในเว็บไซต์แห่งนั้นมีข้อมูลรายละเอียดที่ทำให้หลายคนต่างเชื่อว่าเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องจริง
https://www.facebook.com/teeneedotcom