ศาลตัดสิน เเบ่งมรดก 300 ล้านบาทของ คูฮารา ให้เเม่ที่ทอดทิ้งเธอ

หลังจากที่เป็นคดียืดเยื้อกันมานานเกี่ยวกับมรดกของ คูฮารา อดีตไอดอลชื่อดังที่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2019 โดยทางด้านพี่ชายของคูฮาราได้ออกมาเรียกร้องให้ศาลพิจารณาการแบ่งมรดกของฮาราไม่ให้แบ่งให้กับแม่ของตน ผู้ซึ่งทอดทิ้ง และไม่เคยดูแลพวกเขาเลย ล่าสุด ศาลได้มีการตัดสินแบ่งมรดกแล้ว โดยทางฝั่งพ่อจะได้ส่วนแบ่งไป 60% ส่วนฝั่งแม่จะได้ส่วนแบ่งไป 40%

ในวันที่ 21 ธันวาคม ศาลได้มีการตัดสินแบ่งมรดกของคูฮารา โดยทางฝั่งพ่อ และพี่ชายของฮาราจะได้ส่วนแบ่งไป 60% ส่วนฝั่งแม่จะได้ส่วนแบ่งไป 40% ซึ่งต่างจากปกติที่มักจะแบ่งมรดกแบบครึ่งๆ คือ 5:5 ทั้งนี้ แม้ว่า กฎหมายคูฮาราจะผ่านร่างกฎหมายไปแล้ว แต่เป็นเพราะการยื่นคดีนี้เกิดขึ้นก่อนที่ข้อกฎหมายนี้จะผ่าน ทำให้ศาลยังจำเป็นต้องตัดสินโดยยึดจากข้อกฎหมายแบบเก่าที่ว่า ทั้งพ่อ และแม่มีสิทธิที่จะได้ส่วนแบ่งจากมรดกของลูกที่เสียชีวิตแล้วทั้งคู่

โดยกฎหมายคูฮารานั้น เป็นกฎหมายที่ คูโฮอิน พี่ชายของคูฮาราได้ออกมาเรียกร้องให้มีการร่างข้อกฎหมายฉบับนี้ขึ้นมาหลังจากที่คูฮาราเสียชีวิตไป เพราะหลังจากที่ฮาราเสีย แม่ของพวกเขา ผู้ได้ทอดทิ้งทั้งสองพี่น้องกันไปตั้งแต่เด็กๆ กลับมาเรียกร้องสมบัติครึ่งหนึ่งของคูฮารา โดยอ้างสิทธิของความเป็นแม่ แม้ว่าจะเป็นที่รู้กันดีทั้งในกลุ่ม และชาวเน็ตว่า คูฮารา และพี่ชายล้วนโตมาด้วยการดูแลของคุณยาย แต่ด้วยกฎหมายเรื่องของสินทรัพย์ของเกาหลีใต้ที่ระบุไว้ว่า บิดามารดามีสิทธิในการได้รับสมบัติจากบุตรในกรณีที่บุตรเสียชีวิต จึงทำให้แม่ของคูฮาราอ้างข้อกฎหมายนี้เพื่อรับสมบัติจากลูกสาวที่เสียชีวิต

ด้านทนายตัวแทนของคูโฮอินได้ออกมากล่าวหลังจากที่ศาลได้ประกาศคำตัดสินแล้วว่า แม้ว่าศาลจะไม่สามารถใช้กฎหมายคูฮาราที่ได้ผ่านร่างไปแล้วกับกรณีของคูโฮอินในครั้งนี้ แต่คำตัดสินของศาลก็ถือได้ว่า เป็นการก้าวไปข้างหน้าอีกขั้นหนึ่งของกฎหมายในปัจจุบัน อีกทั้งยังระบุอีกว่า ภายใต้คำตัดสินของศาลที่ไม่ได้ใช้ระบบกฎหมายคูฮารานั้น แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ศาลจะตัดสินให้ผู้ปกครองที่ทอดทิ้งลูกไม่ได้รับส่วนแบ่งจากมรดกเลย ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างมากที่จะทำให้ร่างกฎหมายคูฮารานั้นผ่านการรับรองให้ได้ และทางทีมทนาย และคูโฮอินจะทำทุกทางเพื่อทำให้ข้อกฎหมายนี้ผ่านไปได้

ทางทนายยังได้ปิดท้ายด้วยว่า ขณะนี้พวกเขากำลังพิจารณาว่าจะยื่นอุทธรณ์อีกหรือไม่ ซึ่งพวกเขาจะทำตามความต้องการของครอบครัวผู้ตายเป็นหลัก เพราะการตัดสินนี้เป็นเรื่องที่ต่างจากคำตัดสินศาลโดยปกติมาก ดังนั้นทุกฝ่ายจึงต้องใช้เวลาในการคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้