เรื่องราวของ อาร์เอ็ม (RM) ลีดเดอร์ผู้นำทีม BTS สู่การเป็นที่รู้จักระดับโลก
อาร์เอ็มมีความฝันอยากเป็นกวีตั้งแต่เด็ก เขาเคยแต่งกลอนที่ชื่อว่า "เสือแห่งคาบสมุทรเกาหลีและการเป็นหนึ่งเดียว" เขาโพสมันบนโลกออนไลน์ตอนเรียนอยู่ประมาณ ป.5 และตอนนี้กลอนนั้นยังคงได้รับคำชื่นชม เขามีความสามารถในการถ่ายทอดมุมมองที่แตกต่างมาตั้งแต่เด็ก กลอนที่เขาเคยเขียนความว่า "ไม่ใช่กระต่าย แต่เป็นเสือที่ตื่นกลัว มีรอยแผลอยู่บนตัวของเสือ (หมายถึง จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ) ถูกมองว่าเป็นแค่กระต่ายตัวจ้อยไม่ใช่เสือ แต่วันใดที่รอยแผลนั้นหายไป เราจะไม่ถูกโลกมองอย่างต่ำต้อยอีกต่อไป"
ตอนเรียนอยู่ชั้น ป.6 อาร์เอ็มได้ฟังเพลง Fly ของ รุ่นพี่ Epik High และทำให้เขาสนใจงานเพลงขึ้นมา ก่อนจะเริ่มต้นความฝันในการเป็นศิลปิน ตอนที่เรียนอยู่มัธยมต้น เขาได้ไปออดิชั่นและได้รับเลือกจาก Big Hit เมื่อปี 2010 เขาได้เข้าใกล้วงการเพลงมากขึ้น ตามฝันในการเป็นแร็ปเปอร์ แต่ก็ไม่ทิ้งการเรียน เขามุ่งมั่นทั้ง 2 ด้าน ในด้านการเรียน เขาสามารถทำคะแนน TOEIC wfh 850 คะแนน และอยู่ในกลุ่ม 1.3% ของคนที่มีคำแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยสูงสุด ระดับ IQ ของเขาอยู่ที่ 148
หลังจากเดบิวต์ พวกเขาได้รางวัลศิลปินหน้าใหม่ 4 รางวัลจาก Melon Music Awards, Golden Disc, Seoul Music Awards และ Gaon Chart Awards อาร์เอ็มเคยให้สัมภาษณ์หลังจากได้รับรางวัลว่า
"ผมมีความสุขและยังสั่นอยู่เลย มันเหมือนมีเวทย์มนตร์ ยังไม่เชื่อเลยว่าเราจะได้รับรางวัล ตอนพิมพ์ชื่อวงใน Naver ผมเห็นลิสต์ของรางวัลที่เราได้ ผมยังไม่อยากเชื่อเลยครับ สงสัยต้องได้ซัก 10 รางวัลก่อน ผมถึงจะรู้สึกว่านี่คือเรื่องจริง ตอนที่เราเพิ่งเดบิวต์ เราเคยพูดกันว่าเราจะทำงานหนักเพื่อให้ได้รางวัลศิลปินรุกกี้ แต่พอได้แล้ว เรารู้สึกพูดไม่ออกครับ ตอนนี้ยังคงเหมือนฝันไปเลยครับ แค่คิดว่าแฟนคลับ ศิลปิน และตัวแทนจากวงการเพลงกำลังฟังงพวกเรากล่าวรับรางวัล"
นอกจากนี้เขายังเคยบอกว่า "ตอนนี้ถ้าคิดถึงเรื่องความนิยม ผมคิดว่าหลายคนคงคิดแค่ อ่อ บีทีเอสหน่ะเหรอ? เหมือนจะเคยได้ยินชื่อนะ อะไรประมาณนั้นใช่ไหมครับ แต่ว่าผมอยากจะทำให้ทุกคนรู้จักวงของเรา เราจะกลายเป็นบีทีเอสที่ทำให้คุณเชื่อมั่นในผลงานเพลง"
เพลงที่เริ่มได้รับความนิยมทั่วโลกของบีทีเอสน่าจะเป็นเพลง Boy in Luv และกระแสดีอย่างต่อเนื่องจาก ซีรีส์อัลบั้มเพลง LOVE YOURSELF อาร์เอ็มได้พูดถึงอัลบั้มนี้เอาไว้ว่า
LOVE YOURSELF เริ่มโปรโมทตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2017 และมีการเปลี่ยนแปลงคือ อาร์เอ็มเปลี่ยนสเตจเนมของเขาจาก แร็ปมอนสเตอร์มาเป็นชื่อปัจจุบัน เขาเล่าถึงเหตุผลที่เปลี่ยนที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2012 ว่า
"ชื่อนี้เป็นชื่อที่ผมคิดขึ้นตอนแต่งเพลงช่วงเป็นเด็กฝึกหัด ผมเลยรักชื่อนี้มาก แต่ว่าเพลงที่ผมทำในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานั้นดูเหมือนจะเปลี่ยนไปจากเพลงที่ผมอยากจะทำในอนาคต แล้วผมก็เริ่มแนะนำตัวเองง่ายๆในชื่อของ แร็ปม่อน หรือไม่ก็อาร์เอ็ม แทนแร็ปมอนสเตอร์ ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนสเตจเนมของตัวเองเพื่อให้เหมาะกับแนวเพลงที่หลากหลายขึ้นและการโปรโมทในอนาคต"
แนวเพลงของบีทีเอสเติบโตขึ้นและเปลี่ยนไป และพวกเขาประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ จนติดอันดับ 1 ชาร์ตใหญ่ระดับโลกอย่าง Billboard, คว้ารางวัลแดซังจากงานประกาศรางวัล, จัดคอนเสิร์ตในหลายประเทศ และอีกมากมาย
"ตอนแรกที่เริ่มทำเพลง ผมไม่ได้คิดหรอกว่าเพลงของเราจะเปลี่ยนชีวิตใครได้ แค่อยากจะเล่าเรื่องของตัวเองเท่านั้น แต่ว่าหลังจากนั้นผมได้เรียนรู้และเห็นแล้วว่าเพลงเปลี่ยนเพลงชีวิตของแฟนคลับของพวกเรามากเพียงใด ความสัมพันธ์ของเรากับแฟนคลับเหมือนต่างคนต่างเป็นแบตเตอรี่ช่วยเติมไฟให้แก่กันและกัน เราคือความเข้มแข็งของกันและกัน ผมก็รู้สึกตื่นเต้นไม่ต่างจากแฟนคลับหรอกครับ ต้องขอบคุณพวกเขาเพราะชีวิตของเราก็เปลี่ยนไปเพราะพวกเขาเช่นกัน"
"เวลาที่คุณอยู่สูงขึ้น คุณก็จะอยู่ไกลจากเงาของตัวเองมากขึ้น คุณอยู่ห่างจากมัน แต่ก็ไม่ควรลืมมัน ถ้าคุณรักงานของคุณ คุณต้องเป็นเพื่อนกับเงาของคุณด้วย ที่ผมจะบอกกคือ คุณต้องยอมรับเรื่องที่ไม่เป็นไปตามใจคิดด้วยเช่นกัน"
พอถูกถามเรื่องความกดดัน ทั้งในฐานะหัวหน้าวงบีทีเอส ที่มีคนคาดหวังทั้งผลงานและตารางโปรโมทที่ยุ่ง อาร์เอ็มเล่าถึงสิ่งที่เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆของเขาในตอนนี้
"ผมมักจะไปพิพิธภัณฑ์หรือไม่ก็สวนสาธารณะเพื่อหล่อเลี้ยงความคิดสร้างสรรค์ของผมครับ"
อาร์เอ็มและบีทีเอส เดินอยู่บนเส้นที่ที่มีแสงสว่างจากอาร์มี่คอยนำทาง หลายสายตาต่างจ้องมองมาที่ผลงานชิ้นต่อไปของวง และคิดว่าบีทีเอสกับอาร์มี่จะจูงมือกันทำความฝันที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมในอนาคตได้อย่างแน่นอน
https://www.facebook.com/teeneedotcom