วัฒนธรรมในการสร้างความมีชื่อเสียงนั้นสร้างความอึดอัดให้กับคนดู เพราะเนื้อเรื่องสร้างความตกใจให้กับคนดูตลอดเวลา "มีแค่ผมคนเดียวรึป่าวที่ดูแล้วอึดอัด" ช่วยส่งความคิดของคุณให้ผม ไม่ว่าจะเป็นคอมเม้น อีเมลล์ หรือแสดงความคิดเห็นในเว็ปไซด์
และตอนนี้ มาถึงตอนที่ 3 แล้ว 'ผมคิดว่าถ้าเขาโดนว่ามากๆมันคงมีการเปลี่ยนแปลง ลองดูรายการออร์ดิชั่นอื่นๆบ้างก็ดี' ผมคิดอย่างนั้น แต่ว่าในวันที่ 27 กรกฎาคม Mnet ได้ออกอากาศ "Idol School (아이돌학교)" อีกครั้งและมันก็ยังเหมือนเดิม ไม่ซิ, มันแย่กว่าเดิมอีก สโลแกนของ "Idol School (아이돌학교)" กลายเป็น 'ชีวิตของเราโดนการทดสอบเข้ามาตลอดเวลา' เพราะไม่มีการให้ความรู้ มีแต่การต่อว่าวิพากษ์วิจารณ์
คนดูประมาณ 1.5% เมื่อออกอากาศตอนแรก, แต่ตอนนี้ตกลงมาอยู่ที่ 0.8% ในตอนที่ 3
Mnet 'idol school', มีฉันแค่นั้นหรอที่รู้สึกอึดอัด
มีแต่การตัดสินวิพากษ์วิจารณ์ มากกว่าการพิสูจย์ความสามารถ การแข่งขัน ไม่มีการให้ความรู้เลยด้วยซ้ำ
ในความเป็นจริง Idol School (아이돌학교) ไม่มีอะไรที่ทำให้ประทับใจเหมือนตอน 'Producer 101 (프로듀스101)' เลย
เหมือนเป็นการต่อสู้ที่คล้ายๆกับ battle royal และ hunger games ที่มีแต่ตะโกนบอกว่า "เลือกฉัน เลือกฉัน เลือกฉัน" เหมือนเป็นการขายรูปร่างภาพลักษณ์ของผู้หญิงเท่านั้น อย่างไรก็ตามกรณีที่เห็นเราควรมีการเช็คเนื้อหาของรายการนี้ เพราะ "Idol School (아이돌학교)" มีการกระทำที่มากเกินไป
นักเรียนใน Idol School (아이돌학교) ถูกบังคับให้ที่จะเสนอแต่ "ความสวย" ตั้งแต่ชื่อของโรงเรียนแล้วที่ว่า "ก็เพราะว่าสวย" เมื่อล้มตัวลงนอนเราต้องบอกกันและกันว่า "พรุ่งนี้ฉันจะสวยกว่านี้" เขาอาจจะพูดว่าความสวยนั้นไม่ใช่เพียงหน้าตาแต่เป็นความสวยที่ภายนอกด้วยก็ตาม
แต่ทุกอย่างตกแต่งด้วยสีชมพูทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียน ห้องนอน ห้องแต่งตัว ลีซุนแช(Lee Soon Chae ในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนพูดว่า "นักเรียนทุกคนจะเป็นแม่และภรรยาของใครซักคน" การพูดแบบนี้แสดงให้เห็นว่าความสวยในที่นี่หมายความว่าอะไร
"Idol School (아이돌학교)" จะต้องนอนบนหมอนสีชมพู ผ้าห่มสีชมพู ห้องสีชมพู
และมากกว่านั้น นักเรียน 40คนต้องนอนรวมกันในห้องใหญ่ แค่เห็นก็อึดอัดแล้ว เมื่อก่อนที่ฝึกทหารก็เป็นแบบนี้แต่สมัยนี้ไม่ทำแล้ว แม้ผู้สอนทุกคนจะพูดว่า "การเป็นทีมเวิร์กนั้นถ้ามีคนหนึ่งโดดเด่นขึ้นมาทีมก็จะล้ม" เหมือนเป็นการพูดถึงการทำงานเป็นทีมที่ดี แต่ภาพลักษณ์ของโรงเรียนไม่ได้เป็นแบบนั้น คนที่จะอยู่รอดได้คือคนที่โดดเด่นที่สุด ผู้สอนทุกคนสร้างจิตวิญญาณของ "ความเป็นหนึ่งเดียว" แต่จริงพวกเขาไม่แคร์
เพราะสุดท้ายแล้ว "การแข่งขัน" เป็นสิ่งที่เด็กนักเรียนทุกคนต้องทำ แต่ก็ต้องอยู่ใต้ความเป็นทีมเวิร์ก ต้องอยู่ภายใต้กรอบของโปรแกรม และการตัดสินและเลือกของคนดูก็เป็นส่วนหนึ่ง ถ้ามีความพยายามก็จะกลายเป็นโดดเด่นไม่ใช่หรือ เพราะเหตุนั้นความพยายามทั้งหมดจึงออกมาในจอทีวีให้ได้เห็น
ที่ญี่ปุ่นเอง การแต่งชุดเครื่องแบบนักเรียนสั้นสไตล์ 'Bulma'นั้นเกือบจะหายไปแล้ว หรือจะเป็นการฝึกเรื่องการแก้ไขเหตุการณ์เฉพาะหน้าอย่างเช่นเทนำ้ใส่นั้น เหมือนเป็นการขายภาพลักษณ์ของผู้หญิงที่ไม่ควร
สิ่งที่ยังไม่เห็นใน "Idol School (아이돌학교)" ครั้งที่แล้ว ครั้งนี้สร้างความอึดอัดใจมากขึ้นกว่าเดิม รูปแบบของโรงเรียนกลายเป็น "ความหลอกลวง" แม้กระทั่งคำพูดของผู้อำนวยการที่ว่า "ถึงแม้ว่าใครที่ยังมีความบกพร่องอยู่บ้างก็ไม่เป็นไร โรงเรียนนี้จะเป็นการสร้างความพยายาม ไม่ใช่ความสามารถที่พิเศษ เราจะสร้างไอโดลให้เกิดขึ้น"
โปรดิวเซอร์ ชอนกยองนัม(ChoiKyongNam) ตอบคำถามว่า "รายการนี้ต้องการให้เห็นการเติบโตด้านความสามารถของเด็กๆพวกนี้ เนื้อหาของเรื่องนี้ เหมาะสมที่สุดแล้ว" อย่างไรก็ตามการประเมินผลและการแข่งขันนั้นจะต้องเกิดขึ้นในโรงเรียนนี้ จะมีการบอกกับนักเรียนตอนล่ะ สองครั้ง ทีมีการให้คะแนน 100% จากคนดู
ในตอนแรกนั้น มีคนที่แพ้เกิดขึ้น "การเต้นและการร้องไม่มีให้เห็น (ชางกวิยริ (ChangKyoRi)ผู้กล่าว)" การพูดแบบนี้เหมือนเป็นการหักหลัง เพราะคุณครูผู้ฝึกทุกคนพูดว่า "แค่เล่นให้สนุก และเท่ห์ๆก็พอ" แต่จริงๆมีการที่ประเมิน อย่างเช่น "การเต้นนำ" ที่บอกว่า "ไม่ต้องมีความสามารถให้เห็นแค่เล่นๆสนุกๆก็พอ แต่จริงๆแล้วผู้ที่ถูกเลือก คือผู้ร่วมรายการที่เต้นเก่งมาก และเป็นคนที่มีความสามารถพิเศษอยู่แล้ว ไม่มีการสอนอย่างจริงจัง แค่ประเมินผล และสุดท้าย คนที่ไม่มีความสามารถก็เป็นเรื่องยากที่จะได้ยืนโดดเด่นอยู่ข้างหน้า
อยู่ดีๆก็มีการประกาศออกมาว่า "ในอาทิตย์ที่ 4 จากนักเรียน 40คน นักเรียนที่อยู่ในเกณฑ์ตำ่สุดจะคัดออก 8คน"
เมื่อรับนักเรียนใหม่เข้ามา รายการพูดว่า ภายใน 11 อาทิตย์จะสอนและสร้างความสามารถ แต่จริงๆแล้ว ยังไม่ถึง 1เดือน มีนักเรียน 5คนแล้ว ที่ถูกบอกว่าจะไม่ได้ไปต่อ
ความรู้สึกของการโดนหักหลัง บางทีมันคือปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของ "Idol School (아이돌학교)"
"แค่พยายามก็พอแล้ว" 'ความพยายาม' นั้นสำคัญที่สุดแล้ว แต่พอออกมาอยู่ในสังคม แค่มีความพยายามนั้นยังไม่พอ พออยู่ในโลกแห่งความเป็นจริงเหมือนมีแต่การหักหลังกัน นี่คือสิ่งที่เรารู้สึกใน "Idol School (아이돌학교)"
https://www.facebook.com/teeneedotcom