ม้า อรนภา เล่าเหตุการณ์ตบดาราเด็ก รับผิดเสียใจมาก แต่ทำไปเพราะ..?
ก่อนจะเริ่มเปิดใจ ว่า ขอโทษจริงๆ รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เสียใจมากๆ ยอมที่จะรับผิดตรงนี้ แน่นอน แต่ว่าก็ได้ขอโทษน้องเขาไปแล้ว ได้ปรับความเข้าใจกันทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่าง จนน้องเข้าใจ เราก็เข้าใจ แต่ไม่ทราบว่าหลังจากนั้น น้องยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ติดคาใจเขาอยู่ ก็เลยทำให้มีการไปปรึกษาทนายหลายๆคน หลังจากที่เกิดเรื่อง ยังใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอีกหลายวัน จนกระทั่ง วันหนึ่งมีการนำเสนอเรื่องราวขึ้นมา ก็พยายามติดต่อน้องทันที กระทั่ง พี่ต้องติดต่อผู้จัดการคนเก่าของเขา
"สิ่งหนึ่งเลย ต้องขอโทษคุณพ่อคุณแม่เขา และ ขอโทษต่อสิ่งที่ทำผิด และทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวพี่ แต่อยากให้ฟังจากทั้ง 2 คนจากปาก อย่าด่วนตัดสินใจ แต่สุดท้าย อย่างไรก็ต้องยอมรับผลที่เกิดขึ้นตามมาในตัวของดิฉัน"
"เวลาจะทำอะไร ก็ต้องถามผู้ร่วมทางตลอดเวลา อยากไปไหนไหม ชอบไหม เขารู้หมดว่าจะไปไหน เขาเป็นลูกค้า เราทรีตเขาเป็นลูกค้า ทุกครั้งที่ไป จะมีจรรยาบรรณในการทำงาน คือจะไม่บอกว่าเป็นใคร ในไอจี หรือเฟซบุ๊ก ก็บอกว่าจะไปทำสวย จะไม่มีรูปคู่ถ่ายกับลูกค้าเด็ดขาด ต้องปิดบังไว้ ยิ่งเป็นเคสที่เขาจะเป็นคนในวงการ ก็ไม่อยากให้ด่างพร้อย ว่าทำนู่นนี่นั่น เราก็พยายามปิดอยู่ ไม่รู้ว่า จะมีการถ่ายสตอรี่อะไรไม่รู้ แน่นอนว่าจะไม่มีเล็ดลอดไป"
"สิ่งหนึ่ง เวลาไปดูแลใคร แต่ละคนต่างพื้นฐาน ผู้ใหญ่ก็แบบ กลางคนก็แบบหนึ่ง พื้นฐานแต่ละคนคนละแบบ ต้องศึกษาตลอดเวลา เพื่อทำอย่างไรให้เขาถูกใจ ผู้จัดการส่วนตัว เขาก็ฝากฝังมา เขาไปคนเดียว ก็ยิ่งดูแล พอเราไปนั่งคุย ก็พอเข้าใจว่าเขาเป็นอย่างไร เราก็พยายามสอนเขา เพราะคนเข้าวงการ มีอะไรหลายอย่างบางทีพลาดไป จะทำอย่างไรให้เข้ามาได้และอยู่ได้นาน เขาก็บอกว่า แม่ต้องกลับไปใหม่ เขาก็บอกว่าต้องกลับไป เราก็บอกไม่ได้ ถ้าเขาไม่เรียก เราก็บอกหยุด ฟังก่อน อย่ากดดัน และก็ตีๆ ที่ต้นแขน ใจเย็นๆ ฟังก่อน อย่ากดดัน"
เล่าเหตุการณ์วันตบดาราเด็ก
"พอซื้อเสร็จ กลายเป็นว่า ประโยคที่เขาพูดขึ้นมาคืน "ไม่ไปกินปูแล้วนะ" เราก็บอกว่า "จะบ้าหรอ" แล้วมือตบไป ดิฉันเป็นคนมือไว ก่อนหน้าก็เคยตีมือ ตอนบอกว่าอย่ากดดัน เราอยู่กับเขา ก็สอนเขาเยอะ และตีมือ บอก ต้องฟัง อย่าพูดอย่างเดียว"
ม้า อรนภา กล่าวต่อว่า ตอนนั้นเขาก็ตกใจ ตอนนั้นเราตั้งใจ ร้านจองแล้ว มีแผนแล้ว ไม่โมโห แต่อารมณ์แบบมือไว เหมือนแบบ นี่เราวางแผนแล้ว เราก็พูดโทนนี้ "อีนี่จะบ้าหรอ"
ก่อนจะเล่าต่อว่า เขาก็บอกว่า "ทำแบบนี้ไม่ได้ ผมโกรธมาก ปล่อยผม ให้ผมอยู่คนเดียว ให้สงบสติอารมณ์" เราก็เดินตามไป พอมองอีกที เขาไปยืนริมถนนเมียงดง เราก็ยืนรอให้เขาสงบสติอารมณ์ พักใหญ่ๆ ก็เห็นว่าเขาไม่ไปไหน ก็เลยค่อยๆเดินไป และจับมือเขา ขอโทษจริงๆ ไม่ได้ตั้งใจเลย แต่สิ่งที่เกิดขึ้น ตกใจว่าถามแล้ว ถามมาตลอด และไม่มีการปฏิเสธ ยังคิดว่าทุกอย่างเหมือนเดิม อยู่ๆ มาบอกแบบนี้ไม่ได้ ต้องเข้าใจว่า เวลาทำอะไร อยู่ร่วมกับใคร ต้องเดินมาคนละครึ่ง ชอบไม่ชอบบอกดีๆ ไปไม่ไป บอกมา นี่ไม่มีสัญญาณบอกว่าไม่ไป ดิฉันเป็นคนมือไว เราก็คุยแบบสนิทกันพอสมควร
"ก็เลยบอกว่า อันตรายเหมือนกัน การที่เราต้องรับผิดชอบในการนัดหมาย แต่ก็ขอโทษเขาตลอด รู้สึกไม่ดีมากเลย เขาก็บอกว่า ผมเข้าใจ จะไม่บอกใคร กระทั่งผู้จัดการ ดิฉันไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ แค่จับมือเขา ก็คุยอยู่สักพัก จนเข้าใจ ประนีประนอมหมดแล้ว เขาก็เข้ามา บอกว่าจริงๆ เคารพแม่มาก สอนอะไรหลายๆอย่าง ขอบคุณแม่มาก และเขาก็เข้ามากอด และเขาก็บอกว่า "ไปกินปูกันครับ" ก็หืม ก็ไป ไปก็ไป ขณะที่ไปที่ร้านปู ก็คุยกันหลายร้อยเรื่อง น้องก็ถ่ายรูป แต่ระหว่างทาง บอกช่วยถ่ายคลิปคุณแม่ขายห่อหมกหน่อยได้ไหม ก็บอกให้เขาถ่ายให้ 2 ครั้ง"
"หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น วันรุ่งขึ้น มีวันหนึ่งไปนั่งทานกาแฟ ทักไลน์ไปหาผู้จัดการว่า น้องคนนี้เป็นอย่างไร ผู้จัดการก็โทรมาคุยหลายอย่าง เขาบอกไม่ได้ดูแล้ว เพิ่งทะเลาะกันไป ดิฉันก็อ้าว ไม่ได้บอก เขาบอกปล่อยแล้ว"
ส่วนเหตุการณ์หลังจากนั้น ม้า บอกว่า จากนั้น 3 วัน ต้องไปถอดเฝือก ล้างแผล ก็ถามเช้า-เย็น เพราะต้องกินยา มันเป็นกฎที่เข้มงวด เขาก็รับสายตลอด กระทั่งวันที่ล้างแผล เราก็นัดกกัน เพราะทางรพ.ต้องมีข้อมูลส่งมาให้ ว่านัดแบบนี้ ตารางแบบนี้ คงสายๆ ก็เดินไปด้วยกัน ก็ถ่ายรูปนู่นนี่ ก็ปกติทุกอย่าง เราอยู่กับลูกค้าตลอด เพื่อบอกว่าดูแลอย่างไรหลังจากนี้ เราเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาหมดแล้ว จะได้หายเร็ว พอออกมานอกรพ. เขาบอกว่า เดี๋ยว 29 เจอกันครับ ซึ่งคือวันตัดไหม แล้วบ่ายบินกลับ เราก็ถามจะไปไหน เขาก็บอกว่าจะไปแถวนี้
ส่วนปัญหาทางการเกาหลีนั้น ม้า ตอบว่า ไม่มี คนก็รุมทัวร์พินาศ ด่าดิฉัน ดิฉันชินแล้ว เพราะโดนมาตลอดชีวิต ทางการเกาหลีไม่อะไร จนกระทั่งมีคลิปออกมา ดิฉันก็ยังลงไอจี ก็ต้องปล่อยน้อง เพราะเขามีวิถีชีวิตของเขา จนทุกวันนี้ไม่มีอะไรกับฉันเลย ถ้ามี จะเดินทางออกจากประเทศเขาได้หรอ
เมื่อถามถึงภาพที่สถานีตำรวจนั้น ดารารุ่นใหญ่ ระบุว่า สันนิษฐานว่า เขาคงได้รับการบอกจากทนาย ว่าควรทำแบบนี้เพื่อเก็บเป็นหลักฐาน เขาคงไปสถานี ยังถามผู้จัดการเลยว่า มีล่ามไหม เขาบอกเขาพูดภาษาอังกฤษได้ ก็คงไปแจ้ง เพื่อขอวงจรปิดที่ร้านนี้ไปเป็นหลักฐาน ตำรวจคงถามว่า คู่กรณีชื่ออะไร อยู่ไหน พาสปอร์ตอะไร เขาไม่รู้ นี่เป็นการคาดเดา ดิฉันมีพาสปอร์ตลูกค้าในมือถือ เพราะต้องติดต่อกับทางโรงพยาบาล เขาไม่มีของดิฉัน อยู่มา 4-5 วันก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
"กระทั่งรุ่งขึ้น ก็ไม่ได้เคาะห้อง ก็ฟังเสียง ก็คิดว่ายังอยู่ แล้วไปเปิดกลายเป็นแม่บ้านทำความสะอาดห้อง ของไม่อยู่แล้ว ถึงเข้าใจว่าน้องไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ล้างแผล"
"ไม่สามารถติดต่อน้องได้เลย โทรไปก็ไม่มีใครมารับ ส่งข้อความว่าอย่าลืมว่ามีใครรับ แต่ก็ทำทุกอย่างส่งให้ผู้จัดการ เพราะเป็นห่วงว่า ตารางโรงพยาบาลต้องแม่นยำ แผลเราจะได้ดี"
ถามว่า น้องไม่พอใจเรื่องอะไร ม้า กล่าวว่า เขาไม่พูดอะไร ไม่มีเหตุผล
ผู้สื่อข่าวถามว่า จนถึงวันนี้ได้เจอไหม ม้า กล่าวว่า ได้เจอวันที่ 29 เพราะต้องไปตัดไหม ผู้จัดการบอกยังอยู่ เราก็บอกว่าไม่เป็นไร เราก็บอกไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกลัว ดิฉันเป็นผู้ใหญ่ แยกแยะเป็น งานคืองาน ส่วนตัวคือส่วนตัว ก็ไปรอก่อนเวลา รพ.ก็รู้เรื่อง ว่าเป็นแบบนี้ รู้กระทั่งเขาย้ายวันกลับ ความเป็นห่วงคือ รถมารับเรา เขาบอกจะมีคอมพลิเมนทารีให้เรา เราก็ถามน้องว่าไปที่ไหน เพื่อให้รถไปรับที่นั่น พอไปเจอ ก็คุยธรรมดา เขาก็พูดมาว่า "พี่คงไม่เครียดหรอกเนอะ เพราะพี่ผ่านอะไรมาตั้งเยอะ แต่ผมเครียดมากเลย"
ม้า กล่าวว่า ผู้จัดการก็บอกว่าเครียดมาก ไม่คิดว่าจะใหญ่โตขนาดนี้ แค่อยากสั่งสอนว่าไม่ควรไปตบหน้าใคร
"ดิฉันก็ได้รับสิทธินั้นหมดแล้ว ไม่ว่าอะไร"
และว่า เขาบอกว่า ผมก็ต้องทำแบบนั้น พี่มาทราบทีหลังว่า เขาทักไปหาหลายคน และก็มีคนเดียวที่ตอบกลับมา ตอนนี้ยังไม่คุยกับคุณพ่อคุณแม่น้อง ต้องขอโทษ ก็ถามผู้จัดการ พ่อแม่เขาเข้าใจ เพราะว่าไปคุยกับพ่อแม่เขาแล้ว ดิฉันก็ไม่สบายใจ ก็ได้เล่าแบบนี้ให้ผู้จัดการฟัง เขาก็บอกว่าเข้าใจ และบอกว่า เดี๋ยวขอไปเจอกันในรายการหนึ่งเลยแล้วกัน จะได้ไปเคลียร์
ส่วนหากดำเนินการต่อจะทำอย่างไร ม้า กล่าวว่า ไม่รู้ เขาอาจจะไม่แฮปปี้ ตอนนี้ห่อหมกก็ยังขายดี มีเรื่องทีไรก็ขายดีตลอด จริงๆ ก็หนีออกจากวงการมา 3 ปีแล้ว
"ต้องบอกว่า เสียหายไหม ก็บอกว่าเสียหายมากเลย ดิฉันเอง ก็มีความรู้สึกว่าเสียหาย แต่พอไปเทียบกับตอนโดนไล่ออกจากงาน อันนั้นใหญ่โตมากกว่า ยังอภัยได้หมดทุกเรื่องราว อยู่มาจนวันนี้ เรื่องนี้เป็นเรื่องของคน 2 คน มีเรื่อง มีแตะกัน แต่ไม่เคยนึกว่า จะเอาทุกอย่างไปโพนทะนาแบบนี้ มีความรู้สึกไหม มี แต่ควบคุมได้อย่างมีสติ"
"พูดไม่ได้ว่าฟ้องไม่ฟ้อง เพราะไม่รู้เรื่องกฎหมาย ตอนเรียนยังรำคาญ"
"เจอน้องก็คุยกับพี่ พี่ไม่ได้คุยอะไรเลย ตอนรอไปฉายแสง ก็ให้เอเจนต์มาดูว่าจมูกสวยมาก"
เมื่อถามว่าเอาชื่อไปสร้างกระแสไหม ม้า ถามว่า ดิฉันยังมีชื่อเสียงใช่ไหม พี่ไม่ได้สร้างข่าวใดๆ น้องจะได้เจอพรุ่งนี้ นัดคุยกันในรายการคุยแซ่บโชว์ เพราะน้องรู้จักเจ้าของรายการ ผู้จัดการเก่ารู้จักกับเจ้าของรายการ เคลียร์ทุกอย่าง เขาบอก เดี๋ยวกลับมาก็มาเจอกันที่นี่
ส่วนเรื่องเมาธ์มอยเรื่องชู้สาวนั้น ม้า หัวเราะและบอกว่า มีเท่านั้น และว่า คนอย่างพี่ แก่ขนาดนี้ จะบ้าหรอ อย่าเลย อย่าไปคิด
ก่อนทิ้งท้ายว่า "ธุรกิจนี้ อยากทำศัลยกรรมไปกับพี่ รับรองดูแลอย่างดี มีเลี้ยงปูแล้วไม่ตี ขอพูดกันดีๆ"
https://www.facebook.com/teeneedotcom