ดาราสาวชื่อดัง ไม่สนคนเม้าท์รูปร่าง เพราะจะเป็นคนอ้วนที่หน้าสวย

ทาทา : ใช่ แต่ว่าผลของรูปร่างตอนนี้ไม่มีอะไรหรอก ฉัน 42 แล้ว ทาว่าวิถีชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทาก็มีความสุขในร่างนี้ของทา คือทาเหนื่อยมาตลอดชีวิตแล้ว ตอนที่ทาเป็นศิลปินถามว่าเหนื่อยไหม เหนื่อยนะ เหนื่อยกับการที่ต้องคีฟอัพกับหลายๆ อย่าง วันนี้สิ่งที่อยากทำให้เกิดขึ้นกับตัวเองคืออะไรรู้ไหม ฉันอยากเป็นนางแบบพลัสไซซ์ อยากส่งเสริมเรื่องนี้ให้เป็นที่ยอมรับจริงๆ สักทีในประเทศของเรา เห็นทาตั้งแต่ 14 จน 22 จนนู้น จนนี่แล้วเนอะ จนมาถึงจุดนี้ก็อยากให้ยอมรับในสิ่งที่เป็นแบบนี้แหละ คือทารู้สึกว่าการที่เราจะเปลี่ยนตัวเองให้ใคร เราต้องถามตัวเองก่อนว่าเรามีความสุขไหมในการที่เราจะเปลี่ยน ไม่ใช่ว่าวันนี้ทาไม่อยากจะเปลี่ยนเพื่อทุกคน คือทาเชื่อว่าทุกคนอยากเห็นพี่ทากลับมาเป็นเหมือนเดิม ทาขอบอกว่าทาทาตอนนี้อยากเป็นแบบนี้ ขอให้รักที่ผลงาน ไม่ใช่ว่าร่างแบบนี้ฉันเต้นไม่ไหว ฉันยังทำได้อยู่เหมือนเดิม ทามีความสุขอีกอย่าง ทาดีใจที่เรเขาไม่พูดอะไรเรื่องนี้ วันก่อนด้วยความที่เราไปทะเล มีสาวหุ่นดีเขาใส่บิกินี่เดินผ่านแม่ไป เราก็บอกว่าเรเชื่อไหมว่ามามี๊เคยผอมขนาดนี้คือเมื่อไหร่ เราบอกเขาตลอดเวลาว่าเรใช้คำว่าอ้วนไม่โอเค บางคนเขาละเอียดอ่อน แม่ไม่รู้สึกนะ แต่ขอให้เรรู้ไว้ว่าถ้าเรพูดชมเชยคนแบบนี้ เขาก็มีหน้าที่สวย เรรู้ไหมว่าเรจะสร้างความสุขให้กับคนเหล่านั้นมาก เขาก็เลยจะไม่ใช้คำพูดแบบนี้

ทาทา : ทาว่าในที่สุดแล้วคนอื่นไม่สามารถปรับโหมดนี้ให้เราได้ ตัวเราเองต้องยอมรับให้ได้ว่า ใช่ก็เป็นแบบนี้ แล้วทำไม เราต้องอยู่กับความเป็นจริง เอ้า..แล้วทำไมไม่ผอม ก็เรื่องของกูไหม นี่กลับไปเป็นเหมือนเดิมสิ เธอจะได้โด่งดัง บางทีไม่ได้อยากดังขนาดนั้นแล้ว ตราบใดที่เรารู้สึกว่าเราเป็นตัวของเรา เราแฮปปี้แบบนี้ คือช่วงที่เป็นคอนเสิร์ต ดูม ไหมที่กลับมาอันแรกที่ไปทัวร์รอบโลกมาแล้วมาจบที่ประเทศไทย ด้วยความที่เรามีพรีเซ็นเตอร์เข้าเกี่ยวกับสถานเสริมความงามที่เกี่ยวกับหุ่นและรูปร่าง ตอนนั้นก็อ้วนไม่ได้ เราเนี่ยเดินทางเยอะ อย่าบอกนะว่าเดินทางเยอะไม่มีผล มีผล เพราะเวลาทุกอย่างเปลี่ยนหมด กินก็เปลี่ยน จะมานั่งทำ IF ได้เหรอ เมื่อ 12 ชม.อยู่อีกประเทศ ตอนนี้อยู่อีกประเทศ แค่นี้ก็เหนื่อยแล้ว บางวันทาตื่นมาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ประเทศอะไร ทาต้องโทรไปฟร้อน เพราะเราเดินทางตลอด ไปนั่งกินข้าวมันไก่ เจ็ตแล็กสุดๆ หน้าเกือบคว่ำไปในจานข้าว คือเหนื่อยมาก ตอนนั้นเราได้พรีเซ็นเตอร์แล้วเราก็ท็อปอะเนอะ แล้วกำลังจะมีคอนเสิร์ต เชื่อไหมกินอะไรไม่ได้เลย คำว่ากินอะไรไม่ได้เลยคือเราต้องดูแลตัวเอง 

เราอยู่ในความกดดัน เพราะว่าเราถูกเซ็นแบบนี้ๆ เชื่อไหมว่าทากินอกไก่ไม่ใส่เกลือ ใส่แต่พริกไทย ในแต่ละวัน 3 ชิ้น แล้วต้องเล่นคอนเสิร์ต 3-4 ชม. คือตอนนี้นั่งคิดถึงตอนนั้นยังอยากร้องไห้ เพราะรู้สึกว่าไม่มีความสุขเลย คือทาหิวตลอดเวลา คือทารู้สึกทาจะกินเหมือนคนอื่นทาก็กินไม่ได้ แล้วแรงก็ไม่มี แต่พรีเซ็นเตอร์มันเข้าแล้วจะให้ทำยังไงเราก็ต้องดูแลตัวเอง แค่ขึ้นมานิ้วเดียวก็ไม่ได้ แต่วันนี้มันเลยจุดนั้นมาแล้วไง วันนี้กูจะกินอะไรก็ได้แล้วเว้ย เพราะเคยอยู่จุดที่ต้องอยู่อย่างนั้นนานมาก จนไม่ไหวแล้ว และไม่ใช่วันนี้บอกว่าก็เลยปล่อยตัวเองสินะ ก็ปล่อยตัวเองแล้วมันหนักหัวกะบานใคร ในที่สุดฉันก็หาเงินมาเลี้ยงลูกทำอย่างนู้น อย่างนี้ นี่ถ้าผอมนะ ใช่รู้ เพราะผอมอยู่หลายปี มีเงินมาก แต่ท้ายที่สุดที่เป็นแบบนั้นวันนี้มีความสุขไหม วันนี้เป็นแบบนี้เดี๋ยวอยากผอมเดี๋ยวผอมเอง