กรีนธันวา พาถกเสียงแตก!รับได้มั้ย?สมัยนี้อยู่ด้วยกันเลยไม่ต้องแต่งงาน

กลายเป็นบทสัมภาษณ์ที่ทำให้ชาวเน็ตพากันคอมเมนต์ถกสนั่นหวั่นไหว เมื่อคู่รัก กรีน อัษฎาพร และ ธันวา สุริยจักร เปิดใจถึงเรื่องราวการวางแผนชีวิตคู่กับรายการดัง ซึ่งช่วงหนึ่งสาวกรีนบอกทำนองว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวของเธอ ยุคนี้สมัยนี้อยู่ด้วยกันเลยก็ได้ ไม่จำเป็นต้องแต่งงาน แต่ตอนนี้ทั้งคู่ก็ยังไม่ถึงขั้นย้ายไปอยู่ด้วยกัน แค่ไปมาหาสู่เป็นปกติส่วนแพลนวิวาห์นั้นยังไม่ใช่เร็วๆนี้

ซึ่งทำให้ชาวเน็ตพากันถกเถียงประเด็นนี้กันหลากหลาย ว่าเหมาะสมหรือไม่? ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้เพราะสังคมและยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว การเรียนรู้กันและกันก่อนย่อมทำให้ชีวิตคู่ยืนยาว และการแต่งงานก็ไม่ใช่จุดจบของชีวิตแต่เป็นแค่จุดเริ่มต้นถ้าคนสองคนเข้ากันไม่ได้ปัญหาต่างๆก็จะตามมา

ในขณะที่อีกฝ่ายก็มองว่าการแต่งงานคือการให้เกียรติฝ่ายหญิงและครอบครัว

โดยตัวอย่างก็เช่น

1.ถ้าพ่อแม่ทั้ง2ฝ่ายยินดี เราก็ควรเคารพสิทธิของเค้า

2.ตอบแบบดารา5555
คือมันขึ้นอยู่ตัวบุคคล บางคู่โอเค บางคู่อีกคนไม่โอเค หากเป็นคนทั่วไป(บางกลุ่ม) พ่อแม่ฝ่ายหญิงคงไม่โอเคเพราะถือว่าไม่ให้เกียรติลูกเขา

3.โดยส่วนตัวเห็นด้วยคะ เพราะตอนเป็นสาวก็บอกสามีเหมือนกัน แต่สามีบอกว่า แต่งเล็กๆๆก็ได้ เอาแค่คนที่เราทำงานด้วย ญาติพี่น้องรู้ก็พอ เพราะถ้าเจามีลูกเขาก็อยากให้แต่งจ้า.... อารมณ์ประมาณความคิดเขา วันนั้นคนสวยสุดคือเจ้าสาวอะคะ #แค่อยากบอกโมเม้นท์ตัวเอง เท่านั้นนะคะ

4.ใช่ค่ะพ่อแม่เข้าใจก็จบบางคู่แต่งกันเป็นร้อยล้านยังร่วมทางกันไม่ได้เลยเราเข้าใจกันเป็นพอ

5.ก็เห็นหลายคู่น่ะแต่งกันช้าแต่ก็มั่นคงกว่าแบบสายฟ้าแล่บ

6.ที่แต่งกันแบบเวอร์วังก็เลิกกันหลายคู่

7.เกิดเป็นหญิงอย่างน้อยในชีวิตก็ขอให้ได้ใส่ชุดเจ้าสาวสักครั้งที่ฝัน

8.สบายผู้ เลยติ ไม่ต้องเสียอะไร

9.ของบางสิ่งบางอย่างก็มีค่า..ถ้าคนจะให้ค่ากับ.#ของสิ่งนั้น

10.มันก็เป็นชีวิตส่วนตัวเค้าอะเนอะการแต่งงานมันก็สำคัญสำหรับลูกผู้หญิงแต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คืออยู่กันให้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่าอันที่จริงไม่ต้องแต่งแบบเว่อวังก็ได้แค่ได้ใส่ชุดเจ้าสาวแล้วมีผู้ใหญ่ทั้ง2ฝ่ายรับรู้ก็พอคะ

11.เราเป็นแม่คนและเราเชื่อว่าแม่ทุกคนอยากเห็นลูกมีวันนั้นจะใหญ่จะเล็กมันคือพิธี

แล้วคุณล่ะ?คิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้ การแต่งงานในยุคนี้ยังจำเป็นแค่ไหน?และการอยู่ด้วยกันเลย โดยไม่แต่งงานตอนนี้เหมาะสมหรือไม่ สังคมเปิดใจรับกับเรื่องนี้ได้แค่ไหนแล้ว?