อั๊ยยะ!! จุ๋ย ไม่หวั่นกระแสเพจแอนตี้ ประกาศชัดสนิท พุฒ ที่สุด

งานเข้าอย่างจังสำหรับภาพขี่คอพระเอกหนุ่มสุดฮอต “พุฒ พุฒิชัย”เป็นเหตุทำให้ “จุ๋ย วรัทยา” เลยโดนเขม่นถึงขั้นโดนตั้งเพจแอนตี้เลยทีเดียว เพราะภาพที่ออกมาดูฟิน และสวีทดูธรรมชาติมั่กมากจนหลายคนคิดว่าเป็นภาพคู่รักกันจริงๆเสียอีก งานนี้คนที่ซวยฝุดๆคงจะเป็นใครไปไม่ได้ ก็คือสาวจุ๋ย นั่นเอง วันนี้เธอจึงขอมาเปิดใจปม ภาพบาดตาแฟนคลับว่าที่แท้แล้วนั้นมันเป็นยังไง

"อันนี้เป็นสิ่งที่ทีมงานเขาอยากให้ภาพออกมาดูสนิทเฮฮา เราก็ไม่รู้ว่าจะเอารูปไปลง แต่อันที่จริงแล้วมันก็ไม่ได้โดนอะไรนะ มันขำๆมากกว่า แต่พอมันเป็นประเด็นขึ้นมาทีมงานกับหนังสือเขาก็มาขอโทษเรา เพราะตัวเราเองทำไปตามโจทย์ที่ทุกคนพยามให้ทำ ซึ่งเรากับกองนี้จริงๆก็สนิทกันอยู่แล้ว แต่เบื้องหลังไม่มีใครรู้ว่าเราทำงานแข่งกับฝน ทำงานแข่งกับแสง แล้วคิวก็ยากมาก เพราะอย่างนั้นจึงต้องถ่ายให้ได้ครบเซ็ทเร็วที่สุด คือมันก็ต้องทำงานแบบเร็วมากๆนะคะ"

"ต้องบอกว่าน้อมรับค่ะ เราก็คงต้องระมัดระวังในการทำงานมากยิ่งขึ้นเพราะตอนแรกเราก็เหมือนว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์เพราะด้วยความที่สนิทกันอยู่แล้ว และก็ไม่นึกด้วยว่าเขาจะตัดภาพเต็มไปลง อีกอย่างสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระตุ้นให้ภาพดูเฮฮาเป็นธรรมชาติของการถ่ายแบบอยู่แล้ว"

"ไม่ใช่ค่ะ จุ๋ยไม่เคยลงเลยคะ น่าจะเป็นทางหนังสือลงมากกว่า เพราะตัวจุ๋ยเองไม่ได้ลงรูปพวกนี้อยู่แล้ว จะลงก็ต่อเมื่อต้องแท็คเกี่ยวกับชุดอะไรอย่างนี้มากกว่าคะ" 

"ไม่ได้อ่านอะไรมาก ไม่รู้ว่าเม้นท์อะไรบ้าง แต่ก็ทราบว่าเป็นกระแสอยู่เหมือนกัน คือเราไม่สามารถจะไปบังคับใจให้ใครคิดหรือพิมพ์ตามที่เราต้องการได้ ในใจเราไม่ได้มีอะไรเลย คือเราทำงานจริงๆแต่สิ่งที่โดนวิจารณ์เราก็ต้องยอมรับและยิ้มสู้กับมันไป การที่เรามาอยู่ตรงนี้มันก็ต้องเข้าใจโลกและชีวิตในระดับนึงแล้ว ดังนั้นเรื่องราวเหล่านี้มันก็จะผ่านไป เพราะคงไม่มีใครตั้งใจให้มันเป็นกระแสแบบนี้ตลอดหรอก”

"ไม่เลยค่ะ ก็ยังใช้ชีวิตปกติเหมือนเดิม เพราะเรารู้สึกว่าถ้ามันไม่จริงเราก็ไม่เห็นต้องเดือดร้อนอะไรและปล่อยเขาไป เพราะเดี๋ยวคงหายไป หรือถ้าไม่หายก็คงตาม จุ๋ย ไปจนแก่เลย"

“ถ้าเป็นในไอจีอาจจะมีบ้าง เพราะการที่มันเป็นพื้นที่ส่วนตัวเวลาใครที่มาติดตามเราเราก็อยากให้มีมารยาทกับเราหน่อย บางทีมันไม่ใช่แค่คนปกติ เพราะมันก็มีคนที่โรคจิตด้วย เราก็ต้องปกป้องพื้นที่ของเรา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในไอจีมันไม่ใช่ชีวิต จุ๋ยร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว บางทีมันเกี่ยวกับลูกค้าด้วยเกี่ยวกับคนที่เราทำงานร่วมด้วยบางทีมันก็ต้องดู แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะไม่ได้มีแค่คนไทย มีต่างชาติเกรียนๆด้วยเหมือนกัน เราก็บล็อกไปบ้างแค่นั้นเอง”

"อันนี้ก็เป็นวิจารณญาณของพุฒ ว่าเขาเห็นถึงความเหมาะสมมากน้อยแค่ไหน บางทีเขาอาจจะไม่ได้อยากให้มันบานปลายรึเปล่า บางทีมันเป็นถ้อยคำที่หยาบรุนแรงมันก็ไม่เหมาะสม อีกอย่างไอจีเด็กและเยาวชนก็ดูเยอะนะ อะไรที่เราช่วยๆกันได้ก็ช่วยกันคะ"

"คุยตลอดค่ะ ยิ่งมีเรื่องข่าวอะไร ยิ่งคุยทุกวันเลย แต่เราก็เข้าใจ อีกอย่าง จุ๋ย บอกแล้วว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้ว สำหรับ จุ๋ย จุ๋ยคิดว่ามันดีเสมอ ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ตาม จุ๋ย รู้สึกว่ามันทำให้เราเข้มแข็ง และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือมันทำให้เรามีความอดทนมากขึ้นและให้อภัยคนได้ ให้อภัยคนที่พูดถึงเราไม่ดีได้ จุ๋ย รู้สึกว่าเราก้าวข้ามไปแล้ว เราก็มีความสุขแล้ว" 

"จุ๋ย ว่าเราอย่าไปกล่าวว่าเป็นแฟนคลับ พุฒ เลยดีกว่าคะ เพราะจุ๋ยคิดว่าคำว่าแฟนคลับ เขาจะต้องไม่เกลียดและรักในตัวตนของดาราคนนั้นๆไม่ว่าจะเป็นเรื่องงานหรือส่วนตัว อีกอย่างที่จุ๋ยเจอแฟนคลับพุฒตอนเล่นฝันเฟื่องหรือได้เจอตามงานมีตติ้งหลายคนน่ารักมากๆเลย มีมารยาทให้เกียรติ์นักแสดงทุกคนและพูดถึงในทางที่ดี จุ๋ยคิดว่าคนเหล่านี้เขาจะรักที่ตัวตนจริงๆอันนั้นแหละเรียกว่าแฟนคลับ แต่สิ่งที่คนเหล่านี้ทำเราต้องดูด้วยว่าเขามาศีลมีธรรมมีอะไรที่ดีหรือเปล่าเพราะบางทีคำพูดที่หยาบคายและอคติมากๆ มันไม่น่าจะใช่แฟนคลับที่แท้จริงของพุฒ นั่นก็อาจจะเป็นแค่คนกลุ่มนึง ซึ่งเราก็ไม่ซีเรียสนะ ก็พูดก็ว่าได้เพราะจุ๋ยก็เป็นคนธรรมดาคนนึง เดี๋ยวคนจะหาว่าดาราแตะต้องไม่ได้ แต่เราใช้วิธีปรับให้ใจเราสบายที่สุดและมีความสุขกับสิ่งที่เราเป็น เราก็อยู่กับคุณพ่อ-คุณแม่ อีกอย่างบ้านจุ๋ยเป็นบ้านที่ชิลมากไม่ว่าไม่อะไรเลย ปล่อยไปและยิ้มไม่มีใครซีเรียสกับเรื่องตรงนี้ เพื่อนๆนี่อ่านข้อความก็ขำ ในกรุ๊ปนี่ถือว่าเป็นเรื่องขำๆ เพราะบางทีมันไม่ใช่เลยและแถมเป็นคำที่ตลกๆมากกว่า" 

"ไม่ทำอะไร จะให้ทำอะไรหล่ะ คือจุ๋ยเคยอ่านงานเขียนของพี่คนนึง เขาบอกว่าถ้าเราไล่ดูย้อนหลังสเตตัสคนๆนึงสัก10ข้อความ แล้วข้อความเหล่านั้นมีแต่ด่าทอ หยาบคายเกลียดชังผู้คน ภายนอกเขาไม่ดีแล้ว ข้างในเขาจะดีได้ยังไง ดังนั้นเราไม่ต้องยุ่งกับเขา เขาจะมีความคิดยังไงก็ปล่อยเขาไป ซึ่งเราก็ไม่ได้เข้าไปรับรู้หรือวุ่นวายอะไรกับเขาอยู่แล้ว เราก็อยู่แบบปกตินี่แหละ"

"นั่นสิ ตอนที่ทราบแรกๆก็ตกใจ แต่พอดีก็อ้อ มันมาจากความดังจริงๆ ความดังมันมีสองด้าน มันมีด้านบวกกับด้านลบ ด้านบวกคือเราได้เงินได้งานเยอะแยะมากมาย มีคนรักมีคนชอบ แต่ด้านลบอาจจะเป็นเรื่องของความเป็นส่วนตัวหรือข้อความอะไรแบบนี้มันอาจจะเข้ามาเราก็ต้องยอมรับให้ได้เพราะเราเองก็ไม่สามารถที่จะควบคุมความดังได้เหมือนกัน แต่สำหรับจุ๋ยมันไม่ใช่ความดังของจุ๋ยไง มันเป็นความดังของพุฒมากๆ แต่สิ่งที่จุ๋ยทำได้มากที่สุดก็คือจุ๋ยยินดีกับพุฒนะที่ประสบความสำเร็จ เพราะจุ๋ยเจอพุฒิตั้งแต่เขาไปเล่นละครเรื่องที่ 2 กับจุ๋ยและปัจจุบันเขาดังมากๆ คือเราเห็นความตั้งใจและความเป็นคนดีของเขา เราก็เลยได้เห็นด้านดีของเขา ก็เป็นเรื่องดีๆมากกว่าที่เรารับรู้ ส่วนเรื่องไม่ดีก็คงต้องปล่อยผ่านไป ซึ่งมันก็ไม่ได้เยอะแยะอะไรมากมาย มันไม่ได้มีผลอะไรขนาดนั้น"

"เขาเป็นเพื่อนที่ดีมากเป็นคนที่นิสัยน่ารักเลย ดังนั้นความรู้สึกดีๆมันมีแน่นอน ยิ่งได้เห็นมีเรื่องมีราวแบบนี้ ได้เห็นทัศนคติ ได้เห็นความคิด ที่เป็นลูกผู้ชายของพุฒ เราก็รู้สึกขอบคุณเขามากๆ แต่ในอนาคตความรักของจุ๋ยมันไม่ได้เร่งรีบอะไร ดังนั้นก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆไปถ้าวันนึงมันใช่หรือจุ๋ยมันใช่ร้อยเปอร์เซ็นท์ เราบอกพี่ๆนักข่าวอยู่แล้ว เพราะจุ๋ยเป็นคนที่ตอบคำถามตลอดและไม่เคยหนีนักข่าวอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าเมื่อไหร่ที่มั่นใจจะมายืนบอกตรงนี้เลยค่ะ" 

"ก็เป็นเพื่อนที่ยังสนิทกันอยู่นะค่ะ ก็คุยกันได้ทุกเรื่อง" 

"มีบ้างตามประสา เป็นสไตล์เขามากกว่าก็คิดให้มันขำไป" 

"ถ้าเป็นเพื่อนในวงการผู้ชายก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่สนิทสุดค่ะ แต่ก็ยังมีเพื่อนๆ ที่เป็นนักแสดงรุ่นน้องที่เราสนิทด้วยเหมือนกัน ก็มีไปหาไปกินข้าวบ้างเหมือนกัน 2 คน แต่ไม่มากเพราะจุ๋ยไม่ใช่คนที่มีเพื่อนผู้ชายเยอะอยู่แล้ว ก็ลุ้นกันต่อไปถ้าวันนึงมันใช่หรือมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์เราจะมาบอกกันอีกทีนะค่ะ" จุ๋ย กล่าว