ไม่อยากจะเชื่อ กัวฟู่เฉิง ในวัยใกล้เลข 6 เเต่หน้าล่าสุดยังหล่อไม่เปลี่ยน



 ไม่อยากจะเชื่อ กัวฟู่เฉิง ในวัยใกล้เลข 6 เเต่หน้าล่าสุดยังหล่อไม่เปลี่ยน


กัวฟู่เฉิง นับว่าเป็นดารานักร้องที่ค่อนข้างมีความพิเศษกว่าดารานักร้องท่านอื่น เนื่องเพราะความโด่งดังของเขาเกิดขึ้นที่ไต้หวันก่อน ค่อยเป็นกระแสกลับมาที่ฮ่องกง ทั้งๆที่เขาเองเป็นนักแสดงของทีวีบี การไต่เต้าจาก แดนเซอร์ สู่การเป็นนักร้อง จนถึงเป็น ๑ ในจตุรเทพ เมื่อนักแสดงรุ่นเดียวกันเริ่มโรยรา กัวฟู่เฉิงกลับฟื้นคืนชีพเหมือนแมวเก้าชีวิต ด้วยการคว้ารางวัล นักแสดงนำชายยอดเยี่ยมสองปีติด และตอนนี้ภาพยนตร์ที่เขาแสดงนำ คือภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลของเกาะฮ่องกงในตอนนี้

กัวฟู่เฉิง หรือ Aaron Kwok เป็นลูกชายคนสุดท้องของครอบครัว มีพี่ชาย ๒ คน พี่สาว๑ คน พื้นเพเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่ เข้าสู่วงการบันเทิงในปี ๑๙๘๔ จากการเป็นแดนเซอร์ (นักเต้น) และนักแสดง ในสังกัดค่ายสถานีโทรทัศน์ทีวีบี(TVB) แต่ยังไม่มีผลงานโดดเด่น หันไปทำงานบันเทิงที่เกาะไต้หวันอยู่พักหนึ่ง ในปี ๑๙๙๐ ได้เป็นนักร้องออกอัลบั้มเพลงภาษาจีนกลาง(แมนดาริน) ประสบความสำเร็จโด่งดังมากที่เกาะไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์และไทย เป็นและกระแสตีกลับมาถึงเกาะฮ่องกง ในปี ๑๙๙๑ เขาจึงกลับมาทำงานบันเทิงที่ฮ่องกงอีกครั้งหนึ่ง

การกลับมาที่ฮ่องกงในครั้งนั้น กัวฟู่เฉิงเองก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากสื่อมวลชนฮ่องกงเท่าไหร่ บางสื่อถึงกับเรียกเขาว่า "หนุ่มเท้าไฟที่หน้าตาดีหน่อยคนนั้น" กัวฟู่เฉิงเริ่มก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงมาเป็นเวลา ๕ ถึง ๖ ปีแล้วในตอนแรกเขายังไม่ประสบความสำเร็จในฮ่องกง จนกระทั่งทางผู้บริหารทีวีบีนำเขาไปเปิดตัวในตลาดต่างประเทศ ความสำเร็จของเขาที่ตลาดมาเลเซีย และสิงคโปร์เป็นเหมือนการตอกย้ำให้คนเบื้องหลังในวงการบันเทิงฮ่องกงรู้สึกว่า การมีชื่อเสียงโด่งดังของเขาที่ไต้หวันเห็นทีจะไม่ใช่เพราะดวง

ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีคนจีนโพ้นทะเลอาศัยอยู่มากมาย ซึ่งพื้นที่นี้นับเป็นตลาดใหญ่ของภาพยนตร์ของฮ่องกง ในยุค ๗๐ ชอว์บราเดอร์ได้เริ่มนำเอาภาพยนตร์แผ่นดินใหญ่ไปเผยแพร่ที่มาเลเซียและสิงคโปร์ ในยุคนั้น ทางชอว์จึงจะเริ่มนำภาพยนตร์เป็นสินค้าหลักที่นำเสนอให้กับประเทศในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้บริหารของทีวีบี ซึ่งมีพื้นฐานมาจากบริษัทชอว์ จึงเข้าใจตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างดี พวกเขารู้ว่าหากดาราฮ่องกงคนใดเป็นที่นิยมของชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แล้วล่ะก็ โอกาสที่จะดังในฮ่องกงนับว่าสูงมากทีเดียว

สำหรับกัวฟู่เฉิง จุดเด่นของเขาคือ การเต้นที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาและน่าประทับใจของเขา ซึ่งการได้รับสมญานามว่า "Sunshine Boy" ของเขาที่ไต้หวันนั้นนับได้ว่ามาจากจุดเด่นข้อนี้ และจุดเด่นข้อนี้อีกเช่นกันที่ได้รับการยอมรับจากคนฮ่องกง

ในขณะนั้น "จตุรเทพ" ฮ่องกงแบ่งแยกค่ายอย่างชัดเจน จางเซียะโหย่วกับหลีหมิง เป็นพยัคฆ์อยู่ในค่ายยักษ์ Polygram ส่วนหลิวเต๋อหัวกับกัวฟู่เฉิงเป็นสองมังกรในค่าย Warner Music แม้ทั้งสองค่ายไม่ได้ออกประกาศทำศึกกันอย่างชัดเจน แต่ในขณะนั้นวงการเพลงฮ่องกงนับว่าเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด ไม่ใช่เพียงแค่ตลาดในฮ่องกงเท่านั้น แต่หมายถึงในตลาดทั่วเอเซีย การแข่งขันในวงการเพลงนั้นมีสูงมาก แม้กระทั่งในจตุรเทพเอง

เส้นทางวงการภาพยนตร์ของกัวฟู่เฉิงนั้นถูกสนับสนุนโดยพี่ใหญ่หลิวเต๋อหัว ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง "ตำรวจตัดตำรวจภาค 2" (Lee Rock II) เส้นทางวงการภาพยนตร์ของกัวฟู่เฉิงนั้นถูกสนับสนุนโดยพี่ใหญ่หลิวเต๋อหัว ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่อง "ตำรวจตัดตำรวจภาค 2" (Lee Rock II 1991) โดยกัวฟู่เฉิงมารับบทเป็นลูกชายของเขา และในหนังเรื่อง "ตายกี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้" (Saviour Of The Saul 1992) ที่ออกฉายแล้วประสบความสำเร็จอย่างสูง เป็นภาพยนตร์แจ้งเกิดกัวฟู่งเฉิง ซึ่งกัวฟู่เฉิงในบทจิ้งจอกเงินที่ทำไฮไลท์ผมเป็นสีเงินก็ได้รับความนิยมจากผู้ชมอย่างมาก ดังนั้นนอกจากกัวฟู่เฉิง บริษัทเจ้าของหนังจะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์แล้ว ร้านทำผมต่างได้อานิสสงค์จากแฟชั่นไฮไลท์ในครั้งนั้นด้วย และด้วยบทบาทการแสดงที่เยี่ยมยอดของกัวฟู่เฉิงในบท "จิ้งจอกเงิน" ทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมในปีนั้น

หลิวเต๋อหัวในฐานะเจ้าของหนังและนักแสดงนำชายในเรื่อง "ตายกี่ชาติก็ขาดเธอไม่ได้"ซึ่งนับว่าถูกกัวฟู่เฉิงแย่งความโดดเด่นจากภาพยนตร์ไปจากเขา แต่หลิวเต๋อหัวก็ไม่มีทีท่าไม่พอใจ ซ้ำยังสนับสนุนเขาให้รับบทภาคต่อผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ ภาค ๒ A Moment of Romance II (๑๙๙๓) และอีกหลายต่อหลายเรื่อง

สำหรับงานแสดงในยุค ๙๐ กัวฟู่เฉิงนับว่ามีปัญหาในด้านการแสดงเพราะด้วยความที่มีใบหน้าที่อ่อนเยาว์เกินกว่าอายุจริง ทำให้เขาหานางเอกดังๆมาประกบได้ยาก เพราะนางเอก อย่าง หวังจู่เสียน กวนจือหลิย ซิวซู่เจิน จะดูเหมือนพี่สาวมากกว่าคนรัก กว่ากัวฟู่เฉิงจะได้มีการแสดงที่ผู้ชมจดจำบทบาทของเขาได้ ก็คือ บท ปู้จิ้งหวิน ใน ฟงอวิ๋น ขี่พายุทะลุฟ้า (The Storm Riders ๑๙๙๘)

หลังจากนั้นกัวฟู๋เฉิงก็มีผลงานแสดงที่โดดเด่น จนสามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม(Best Actor) จากเวทีม้าทองคำไต้หวัน(Golden Horse Awards) มาได้ถึง ๒ ครั้ง จากภาพยนตร์เรื่อง โคตรคนสามคน (Divengence , ๒๐๐๕) ที่ร่วมแสดงกับ เจิ้ง อี้เจี้ยน , อู๋ เจี๋ยนวู่ โดยผลงานกำกับของเบนนี่ ชาน ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ และภาพยนตร์เรื่อง ด้วยหัวใจปาฎิหารย์ (After This Our Exile , ๒๐๐๖) ผลงานอำนวยการสร้างของหลิวเต๋อหัว

และความสำเร็จของ Cold War ภาค ๑ และ ภาค ๒ ที่มีหลิวเต๋อหัว โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้และ รับบทรับเชิญเป็น เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในภาค ๑ ก่อนที่ภาค ๒Cold War ๒ จะผลักดันให้กัวฟู่เฉิงเป็นดารานำที่มีหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลของฮ่องกงอย่างในประวัติการเป็นนักแสดงของเขา







 ไม่อยากจะเชื่อ กัวฟู่เฉิง ในวัยใกล้เลข 6 เเต่หน้าล่าสุดยังหล่อไม่เปลี่ยน




 ไม่อยากจะเชื่อ กัวฟู่เฉิง ในวัยใกล้เลข 6 เเต่หน้าล่าสุดยังหล่อไม่เปลี่ยน




 ไม่อยากจะเชื่อ กัวฟู่เฉิง ในวัยใกล้เลข 6 เเต่หน้าล่าสุดยังหล่อไม่เปลี่ยน




 ไม่อยากจะเชื่อ กัวฟู่เฉิง ในวัยใกล้เลข 6 เเต่หน้าล่าสุดยังหล่อไม่เปลี่ยน




 ไม่อยากจะเชื่อ กัวฟู่เฉิง ในวัยใกล้เลข 6 เเต่หน้าล่าสุดยังหล่อไม่เปลี่ยน




 ไม่อยากจะเชื่อ กัวฟู่เฉิง ในวัยใกล้เลข 6 เเต่หน้าล่าสุดยังหล่อไม่เปลี่ยน


เครดิตแหล่งข้อมูล : FB เก้ากระบี่เดียวดาย





เครดิต :
เครดิต : ที่นี่ดอทคอม บันเทิงดารา


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
ดูดวง เลขบัตรประชาชน คลิ๊กเลย ++
กระทู้เด็ดน่าแชร์