เรื่องเดียว 10ล.! ค่าตัว อนันดา

ถึงจะมีกระแสวิจารณ์ท่ามกลางการเปิดตัว “ซูเปอร์คนล่าสุด” ของหนังที่เคยเป็นตำนานวีรบุรุษของคนไทยมาก่อน

อย่างเรื่อง “อินทรีแดง”
ว่าเป็นพระเอกหล่อมาดเซอร์ที่ชื่อ “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” ที่คราวนี้ผู้กำกับอย่าง “วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง” ตั้งใจปั้นให้เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ เพราะได้ไฟเขียวจาก “ไฟว์สตาร์” ทุ่มงบแบบไม่อั้นร่วม 100 ล้านบาท จากการซื้อบทประพันธ์ของ “เศก  ดุสิต” ที่เคยทั้งสร้างชื่อ และสร้างจุดจบในชีวิตให้กับอดีตดาราดัง “มิตรชัย  บัญชา” มาก่อน

และนับว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จึงจัดเป็นภาพยนตร์ไทยที่ยิ่งใหญ่ และโด่งดังสุดๆ ของคนไทยมาแล้วในอดีต

ซึ่งครั้งนี้ทางค่ายไฟว์สตาร์หวังจะเทียบชั้นหนังฮอลลีวู้ดกันเลยทีเดียว แต่ก็ยังไม่วายมีเสียงวิจารณ์ตามออกมาว่า “อนันดา” นั้นไม่เหมาะกับบทนี้อย่างมาก เนื่องจากมีรูปร่างที่เล็กเกินไป ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ผู้กำกับวิศิษฏ์ ได้ออกมาเปิดเผยไปแล้วว่า“คำวิจารณ์เรื่องอนันดาไม่เหมาะบทเพราะตัวเล็กนั้น เราเชื่อว่าการถ่ายทำและเทคนิคทางด้านภาพ เสริมให้ใครเล่นคิวแอ๊คชั่นก็ได้ แต่สิ่งที่เราไม่สามารถหาได้คือการแสดงอารมณ์ ความรู้สึกที่เราต้องการ เราไม่ได้ต้องการพระเอกออกมาเตะต่อยแล้วก็ไม่ได้ทำอะไรเลย คือเราต้องการตัวพระเอกที่มีด้านอีกด้าน


ฉะนั้นสิ่งที่อนันดามีมันลงตัวกับบทของเรา

ผมว่าพระเอกแอ๊คชั่นทุกวันนี้ไม่จำเป็นต้องติดรูปร่างใหญ่อีกแล้ว ดูอย่างสไปเดอร์แมนพระเอกก็ตัวเล็ก มันไม่จำเป็นหรอกครับ ส่วนนางเอกของเรื่องนั้นยังไม่ได้แคสติ้ง เรายังไม่แน่ใจ ตอนนี้ในบทเรากำลังปรับคาแรกเตอร์ตัวแสดงนิดหนึ่ง ยังไม่ฟันธงว่าเป็นใคร”

ส่วนทางด้านของพระเอกหนุ่มเองนั้น ถึงจะถูกวิจารณ์แค่ไหน แต่ดูท่าจะขึ้นแท่นกลายเป็น “พระเอกขายดี” ในปี 2551 นี้แน่ๆ

มีมีชื่อแสดงภาพยนตร์อยู่ถึง 3-4 เรื่องทีเดียว โดยเฉพาะเรื่อง “อินทรีแดง” ที่ดูจะฮือฮาอย่างมากกับเรื่อง “ค่าตัว” ของพระเอกคนดังที่พุ่งเทียบชั้นดาราระดับ “ฮอลลีวู้ด” ที่คาดกันว่าฟาดไปเนาะๆ 8 หลักเลยทีเดียวซึ่งได้รับการเปิดเผยจากค่ายไฟว์สตาร์ว่าค่าตัว “อนันดา” คิดเป็น 10 % ของทุนสร้าง 100 ล้าน ด้วยความที่หวังจะให้หนังไทยโกอินเตอร์ปั้นพระเอกหนุ่มคนนี้ให้ดังระดับ “เจ็ท ลี” หรือ “เหลียงเฉาเหว่ย” ทำให้เรื่องค่าตัวต้องยกระดับตามไปด้วยนั่นเอง


ถามผมว่าผมรู้สึกอย่างไรที่ผู้กำกับไทยพยามยามปั้นผมให้เป็นเหมือน "เจ็ท ลี" หรือ "เหลียงเฉาเหว่ย"

ถ้าอย่างเจ็ท ลีเนี่ยผมคงไม่มีวันเก่งเท่าเขาหรอกแต่ถ้าได้อย่างครึ่งหนึ่งของเหลียงเฉาเหว่ยผมก็จะปลื้มมากเพราะเขาเป็นนักแสดงที่สุดยอดของสุดยอดมาก ถ้าได้งานอย่างที่เขาได้เราก็แฮปปี้แต่เราไม่ซีเรียส มันจะเป็นหนังไทย หนังฝรั่ง หนังอินเตอร์ หนังจีน มันไม่เกี่ยว
 
เราไม่ได้เห่อฝรั่ง เราไม่ได้รู้สึกว่าเราต้องเห่องานของฝรั่งและต้องเอาตรงนั้นมาเป็นมาตรฐาน

ถือว่าทำงานในไทยแล้วเราแฮปปี้กับงานในไทย เราสามารถค่อยๆสร้างมาตรฐานให้มันดีขึ้นเรื่อยๆผมก็แฮปปี้ที่จะทำงานที่นี่ไม่จำเป็นที่เราต้องใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โอเค ฐานะโปรดิวเซอร์ ฐานะของนายทุนเขาก็คงอยาก push ให้มีคนอย่างนี้มากขึ้นอย่าง”จา  พนม” ซึ่งพอที่เขาแบกหนังไปเมืองนอกแล้วมันขายได้ทันที มันก็ทำให้วงการหนังแข็งขึ้น สมมติเป็นอย่างนั้นกับผมได้มันก็โอเคแต่ผมไม่ได้มุ่งไปทางนั้น" พระเอกหนุ่ม กล่าว


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี ดาราเดลี่


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์