โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร ค้นหาตัวตนที่ใช่ เพื่อมุ่งไปตามใจฝัน

 



ถ้านึกถึงนักร้องสาววัยรุ่นที่ครองหัวใจแฟนเพลงมาหลายปี 'โฟร์-มด' น่าจะถูกจัดให้เป็นคู่ดูโอ ที่อยู่อันดับต้นๆ ของเมืองไทย สำหรับงานเพลงในส่วนของอัลบั้ม We Will Love U ที่จับสองสาวมาเปลี่ยนลุคส์เป็นสาวร็อคเล็กๆ ก็มีเพลงฮิตติดหูกันมาหลายเดือนแล้ว โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร ยังโดดมาลงจอแก้วในละคร 'Daddy Duo คุณพ่อจอมเฟี้ยว' ที่จบไปแล้ว

คราวนี้เราก็ต้องรอ 'เศรษฐีข้างเขียง' ที่สาวโฟร์เล่นคู่กับหนุ่มบีม-กวี ซึ่งน่าจะจ่อลงจอในอีกไม่นาน ออลเลยไม่รอช้า จับสาวโฟร์มาแต่งใสสมกับคอนเซ็ปต์ความเป็น 'โฟร์-มด' ที่สาวโฟร์ บอกกับเราว่า

"โฟร์เคยคุยกับโปรดิวเซอร์ว่า เราอยากโตแล้ว คือไม่ไหวจะแอ๊บแบ๊วแล้ว แต่พี่เขาก็บอกว่าน่ารักจะตาย เราก็จะทำไปจนกว่าเขาจะรู้สึกว่าดูเลี่ยน ให้คนดูเกิดความรู้สึกว่ามันไม่ได้ แล้วค่อยเปลี่ยนลุคส์อีกทีแล้วกัน"


"ตัวจริงของโฟร์ไม่ใช่แบบนั้นคือ ไม่ใช่แบบ 'โฟร์-มด' โฟร์จะห้าวๆ ลุยๆ เป็นเด็กทะเล้น คือทะเล้นกับน่ารัก แบ๊วๆ ไม่เหมือนกันนะ แล้วก็ไม่ใช่คนที่ชอบแต่งตัวหวานๆ แต่จะมีบ้างก็แล้วแต่โอกาสว่าจะไปไหน ไปงานอะไร แต่คนจะมองเราเป็นเด็กสาวน่ารักสดใสตลอดเวลา แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ (หัวเราะ)

โฟร์ก็ไม่ถึงกับอึดอัดนะ ตอนอายุ 17 ปี เราก็ใสจริง แล้วตอนนั้นเขาวางภาพเราให้สดใส น่ารักมันก็โอเค แต่มันต้องเป็นมาตลอดไง เพราะเขาปูภาพนั้นมา เราก็เลยเป็นภาพนั้น แต่ก็อยากบอกว่าเรามีอีกมุมบางมุมที่เราก็ขี้เล่น เฮฮา มาถึงตอนนี้โฟร์อายุ 23 ปี บางมุมเราก็โตแล้ว เราบอกพี่ที่ค่ายเพลงว่าเราอยากโตๆ เคยคุยกับโปรดิวเซอร์ว่า เราอยากโตแล้ว คือไม่ไหวจะแอ๊บแบ๊วแล้ว แต่พี่เขาก็บอกว่าน่ารักจะตาย เราก็จะทำไป จนกว่าเขาจะรู้สึกว่าดูเลี่ยน ให้คนดูเกิดความรู้สึกว่ามันไม่ได้ แล้วค่อยเปลี่ยนลุคส์อีกทีแล้วกัน





คือจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ถึงกับไม่อยากทำตรงนี้นะ เพียงแต่บางทีจะให้ทำอะไรก็ต้องให้เราสนุกด้วยให้ทำอะไรเราก็ทำได้ เพราะเราก็เป็นคนร่าเริง ไม่ใช่เป็นคนที่ชอบความอึมครึมขนาดนั้น แต่ต้องถึงขนาดเวลาไปไหนเราต้องทำท่าแบบนั้น ยิ้มแบบนี้ เราก็เบื่อ เราก็อยากทำให้มันดีกว่านี้ แต่ด้วยจุดขายที่ชัดเจนเป็นหลัก บางทีมันก็เกิดคำถามขึ้นกับตัวเองว่า ทำไมต้องแอ๊บขนาดนี้ เธอแก่แล้วนะ แต่เพราะมันเป็นงานของเรา เราก็ต้องทำ"

หากสิ่งที่ทำอยู่ในวันนี้ ไม่ใช่ทั้งหมดของความฝันของ โฟร์-ศกลรัตน์ แน่นอนว่าหลายคนคงอยากรู้จัก และสัมผัสตัวตนในแบบที่เธอเป็น และอยากจะเป็นจริงๆ ซึ่ง all ก็ไม่พลาดที่จะถามถึงฝันของเธอ

"ถึงหน้าโฟร์อาจจะไม่ให้นะ แต่โฟร์ก็อยากจะออกอัลบั้มเพลงแบบร็อคๆ หน่อย ไม่ใช่ร็อคจัดๆ นะ ชอบอะไรแบบเท่ๆ แนวๆ แบบห้าวๆ ลุยๆ ซึ่งในอัลบั้ม 'We Will Love U' ที่ออกไปนั้นทางพี่ๆ เขาก็พยายามจะให้ร็อค ด้วยการใช้เสื้อผ้าโทนสีดำแล้วเอาสีชมพูเข้ามาตัด ซึ่งมันก็เปลี่ยนได้แค่นั้น เพราะธีมรวมของทั้งอัลบั้มที่มันออกไปยังต้องคงความเป็นโฟร์-มด ในแบบที่คนเคยเห็น แต่สมมติว่าโตขึ้น ก็อยากจะเปลี่ยนเป็นแนวเพลงที่เราชอบ แล้วขึ้นเวทีด้วยเสื้อผ้าประมาณกางเกงขาเดฟกับเสื้อกล้ามสักตัวแค่นี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องมาใช้พร็อบอะไรเยอะแยะมากมาย

แล้วอีกเรื่องที่คนถามตลอดก็คือ จะออกอัลบั้มเดี่ยวไหม ตอนนี้ยังไม่พร้อม ออกคู่ก็ดีอยู่แล้ว แต่ยังไงก็คงต้องรอดูในอนาคตกันต่อไปค่ะ ตอนนี้โฟร์ก็กลับมาเล่นละครอีกแล้ว ซึ่งเป็นอะไรที่ชอบมากๆ เพราะตอนแรกเข้ามาอยู่ที่อาร์เอส ก็เรียนการแสดงเลยค่ะ แล้วก็เล่นละครในค่าย 4 เรื่องติดๆ กันเลย ตอนอายุ 18-19 ปี แล้วก็หายไปเลย 2 ปี นี่กลับมาเล่นอีกก็เลยต้องไปหาครูสอนแอ๊คติ้ง กลัวว่าตัวเองจะลืม เพราะเล่นละครของ อาตู่ นพพล (เศรษฐีข้างเขียง) อาตู่ค่อนข้างเนี้ยบกับการทำงานมาก

ไปเรียนการแสดง ครูเขาก็บอกว่าฝึกง่าย ให้ฝึกเรื่องสมาธิ เพราะถ้าฝึกสมาธิได้ ก็สามารถทำอะไรได้หมดแหละ ให้เราทำทุกอย่างเหมือนข้างหน้ามีกระจก ให้เล่นอยู่คนเดียวกับกระจก แต่ก็คือเล่นไปเรื่อยๆ อย่างเดียว คือต้องมีสมาธิ พอมีสมาธิปุ๊ป! มันจะมีสติ ก็จะทำอะไรได้หมด นั่นคือหลักง่ายๆ แต่ก็ทำยากอยู่เหมือนกันนะคะ





งานที่เพิ่งเล่นไปก็มี 'แด๊ดดี้ ดูโอ หรือ คุณพ่อจอมเฟี้ยว' ที่เพิ่งจบไปเอง ส่วนอีกเรื่องก็เรื่อง เศรษฐีข้างเขียง เพิ่งปิดกล้องไป คงออกอากาศเร็วๆ นี้ ส่วนงานเพลงที่ปล่อยออกมาเป็นเพลงที่ติดอันดับชาร์ตของหลายๆ คลื่นวิทยุ เราก็ดีใจ แต่ตัวโฟร์กับมดยังไม่มีเวลาไปออกคอนเสิร์ต หรือไปออกงานโชว์ตัวสักเท่าไหร่ เพราะว่าโฟร์ติดเล่นละคร และเรื่องเรียนด้วย เมื่อก่อนเรียนมหาวิทยาลัยรังสิต เรียนประชาสัมพันธ์ แต่ตอนนี้ก็ย้ายมาเรียนมหาวิทยาลัยรามคำแหง คณะรัฐศาสตร์ภาคพิเศษ ที่เลือกเรียนก็เพราะภาคพิเศษของรามฯ มีอยู่ 2 คณะคือ นิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์ ถ้าเรียนนิติศาสตร์ต้องอ่าน ต้องท่อง คงจำไม่ไหว ก็เลยเรียนรัฐศาสตร์ดีกว่า เพราะมีเพื่อนเรียนอยู่ เขาจะได้ช่วยเราได้"

"ส่วนเรื่องงาน โฟร์ชอบละคร ชอบการแสดง และการร้องเพลงก็เหมือนเป็นการแสดงอย่างหนึ่ง เพราะว่าเราต้องอยู่บนเวที มันก็ต้องโชว์ แล้วเราจะโชว์ยังไงให้คนดูเขาสนุกไปกับเรา มันก็ถือว่าเป็นแอ๊คติ้ง เป็นการแสดงอย่างหนึ่ง เหมือนกันกับถ่าย MV มันก็ต้องใช้แอ๊คติ้ง

โฟร์เลยคิดนะว่า วันหนึ่งเราอยากเป็นนักแสดงเต็มตัว แต่ด้วยรูปร่างที่เราตัวเล็ก ถ้าอนาคตตัวโตกว่านี้ คงดูเป็นสาวกว่านี้ ดูเป็นไปได้ยาก (หัวเราะ) ก็คงจะได้เล่น แล้วอีกอย่างหนึ่งที่อยากเป็นก็คือ 'ดีเจ' เพราะว่าเป็นคนใช้ชีวิตอยู่ในรถซะส่วนใหญ่ การฟังวิทยุทำให้เราได้เห็นว่าดีเจพูดสนุกมาก พูดแล้วขำ แต่อีกบางคนก็ไม่สนุกเลย ฟังแล้วน่าเบื่อ ก็แบบ เฮ้ย! แล้วถ้าเป็นเราจัดจะเป็นยังไง คนฟังจะเบื่อเราไหม แล้วมันจะเป็นยังไง ถ้าเป็นเราจัดคงจะเป็นแบบสนุก เหมือนข่าวสารจะต้องอัพเดตตลอดเวลา ถ้าได้ทำก็คงได้ความรู้มากเลยทีเดียว"

จากเด็กสาวธรรมดาๆ กว่าจะกลายเป็นศิลปินสาวคู่ดูโอที่โด่งดังในวันนี้ โฟร์บอกเราว่านอกจากโอกาสดีๆ ที่มีผู้ใหญ่หยิบยื่นให้แล้ว มันยังต้องมีความพยายามมุ่งมั่นหมั่นฝึกฝน และคนที่อยู่เบื้องหลังสิ่งเหล่านั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นไกล

"โฟร์คิดว่าที่มีทุกวันนี้หนึ่งก็คือแม่ แม่จะคอยเป็นกำลังใจให้ คอยไปไหนๆ กับโฟร์ทุกที่ และเวลาโฟร์เหนื่อยแฟนคลับมาหา โฟร์เหนื่อยมาก ไม่พร้อมจะคุย แม่ก็จะคุยแทนให้ แบบบอกน้องๆ เขาว่าพี่เขาเหนื่อยนะ เดี๋ยวค่อยคุยวันหลัง ก็คือจะให้แม่ช่วยเทคแคร์แฟนๆ และก็ทางผู้ใหญ่ให้โอกาส เหมือนเราก็เปิดตัวเรามีความสามารถด้านนี้นะ พอช่วงว่างๆ ผู้ใหญ่ก็จะบอกว่าไปทำอันนี้ไหม เราก็โชคดีที่ผู้ใหญ่ให้โอกาส

อีกอย่างก็คือเราต้องชัดเจนในตัวเองและกล้าที่จะพูด โฟร์ชัดเจนมากตั้งแต่ชุดแรก จะบอกพี่ๆ ว่าเราไม่ใส่กระโปรงไม่แต่งตัวโป๊นะ พี่โอเคมั้ย ถ้าเกิดโอเคเราก็ทำ ถ้าเกิดไม่โอเคเราก็ไม่ทำ พอมีคนถามว่าทำไมเรื่องมากอย่างนี้ โฟร์ก็จะบอกไปเลยว่าถ้าทำแบบนั้นโฟร์ไม่มั่นใจ พอชุดที่สอง พี่ๆ เขาก็บอกว่าขอให้ใส่เสื้อเอวลอยแล้วกัน เราก็แบบโอเค พุงไม่มี โชว์ได้ เราต้องบอกในสิ่งที่เราต้องการ เพื่อไปแชร์กับเขา ไม่ใช่ให้พี่เขาทำ ออกมาไม่ดีกับตัวเรา แล้วเราก็ไม่มั่นใจด้วย

เพราะแบบนี้ เขาเลยหาว่าโฟร์ขี้วีน ชอบเหวี่ยง จริงๆ เราไม่ได้วีน แต่เราชัดเจนในสิ่งที่เราต้องการ เราเพียงแต่บอกว่าเราต้องการอะไร ชอบอะไร เพื่อการทำงานของเรามันจะได้ง่ายขึ้น เราทำงานกับผู้จัดการ ถ้าเราทำอะไรไม่ดีเขาก็จะคอยบอก สิ่งไหนไม่ดีเราก็ต้องปรับปรุงด้วย โฟร์เป็นคนพูดชัดเจน พูดตรง คนไม่รู้จักเขาก็จะมองว่าวีนเหมือนโฟร์ออกไปงานข้างนอก เขาก็รู้ว่าโฟร์เป็นนักร้อง เป็นศิลปิน เราจะไปโวยวายตลอดเวลาทุกที่ ก็ไม่ได้ เราต้องลดๆ ความห้าวของเราลงมา เรารู้ว่าคนมองเราอยู่ เราก็ไม่อยากให้เป็นจุดเด่น เพราะแค่เป็นนักร้องมันก็เด่นอยู่แล้ว ให้เขามองแล้วรู้สึกน่ารัก เรียบร้อย ไม่กรี๊ดกร๊าดจะดีกว่า"





"ตอนแรกโฟร์ไม่ได้อยากเป็นนักร้อง เราก็รู้สึกว่าไม่อยากร้องเพลงเลย แต่พอเริ่มร้องเพลงแล้วมันก็สนุกดี ก็พยายามฝึกร้องเพลงเรียนเต้น ไม่เข้าใจก็ถามเลยว่าเพลงนี้ร้องยังไง ยากไปไหม เราก็ต้องคุยกับเขา ถ้าเพลงนี้ไม่ชอบ เพลงนี้ชอบมาก อยากร้องสุดๆ เราก็ต้องบอกเขา ตอนร้องเพลงแรกๆ ก็เพี้ยน บางทีให้พูดไม่เพี้ยน แต่พอร้องแล้วมันเพี้ยน เพลงหนึ่งอัดหลายวันมาก แต่ปัจจุบันนี้ วันหนึ่งอัดได้สองสามเพลง เราก็แฮป ร้องแล้วมีเวลาเข้าไปฟัง แล้วไม่ดีเราก็กลับมาแก้ใหม่ได้ ด้วยความที่โปรดิวเซอร์เป็นคนเดิม คนแต่งเพลงก็เป็นคนเดิม ทำให้เราเชื่อมั่นในตัวคนแต่งเพลงให้ เพราะเชื่อว่าเขาแต่งดีอยู่แล้ว เราไม่ต้องไปเรื่องเยอะอะไรกับเขา

สำหรับน้องๆ ที่กำลังก้าวออกไปตามหาความฝันของตัวเอง หรือกำลังก้าวเข้ามาในวงการ โฟร์อยากจะบอกว่า ถ้าอยากเข้ามามันก็ดีนะ เหมือนได้เห็นคนอื่นๆ เขาว่ามันสบาย แต่จริงๆ มันก็ไม่สบายหรอก แต่มันได้เงินง่ายจริง วิธีที่ดีที่สุดก็คือ ทำอย่างไรให้เราอยู่ได้นาน และทำให้คนรัก พยายามเข้ากับทุกๆ คนให้ได้ พยายามเปิดตัวเองให้คุยกับคนนั้นคนนี้ได้ คุยกับทุกคนได้ เหมือนชอบอะไรมีความสามารถอะไรก็บอก โฟร์เชื่อถ้าเราทำตัวดี ยังไงคนก็รักอยู่ดีค่ะ"

นี่แหละ สาวน้อยตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่เธอก้าวเข้ามาในวงการเพื่อตามหาความฝันหลายๆ อย่าง ในวันนี้มีหลายความฝันที่เธอค้นเจอ และอยู่กับมันอย่างมีความสุข และยังอีกหลายความฝันที่เธอกำลังมุ่งมั่นไปไขว่คว้า เราเองก็เชื่อว่าในวันข้างหน้าทุกอย่างที่หวังจะเป็นของเธอ โฟร์-ศกลรัตน์ วรอุไร เด็กสาวที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ และอยากเป็นตัวของตัวเอง




ข้อมูลโดย All Magazine



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์