โสดแล้วรุ่ง นุ้ย เกศริน

ตั้งแต่เลิกรากับแฟนหนุ่มอารมณ์ดี ดีเจเชาเชา-เชาวลิต นักแสดง และนางแบบสาวอย่าง นุ้ย-เกศริน เอกธวัชกุล ก็เป็นสาวโสดเจ้าเสน่ห์ไปภายในพริบตา เข้าคอนเซปต์ “ลัคกี้ อิน เกม โน ลัคกี้ อิน เลิฟ” เพราะได้อย่างก็ต้องเสียไปอย่าง แต่ดูเหมือนว่าสาวเซ็กซี่สุขภาพดี นุ้ย-เกศริน ก็ไม่ได้แสดงอาการเฮิร์ตจากความรักเท่าไหร่แล้ว เพราะเธอกลับมามุ่งมั่นในการทำงานต่อไป หลังจากมีโอกาสดี ๆ หยิบยื่นให้ไม่ขาดสาย ทั้งผลงานภาพยนตร์, ถ่ายแบบ ฯลฯ

ตั้งแต่ลุกขึ้นสลัดผ้าถ่ายแบบปฏิทิน ลีโอ ประจำปี 2009 ตบท้ายด้วยการขึ้นปกนิตยสาร “Zoo” ตอกย้ำความเซ็กซี่ให้เด่นชัดขึ้น และดูเหมือนว่าทรวดทรงองค์เอวจะได้เปรียบนางแบบคนอื่น ๆ เพราะเธอยังเป็นอดีตนักกีฬาเทควันโด สาวฟิตเนส เกิร์ล ตัวยงอีกต่างหาก แน่นอนว่าวันนี้ “ดาวต่างมุม” ต้องคว้าตัวสาวคนนี้มาเปิดใจทุกเรื่องราวทันที

ตอนนี้มีผลงานอะไรอยู่บ้าง?

“เวลาหลัก ๆ ให้คิวกับการถ่ายภาพยนตร์เรื่อง “ตำนานสมเด็จพระนเรศวร 3” อยู่ค่ะ เป็นผลงานอีกเรื่องที่ท้าทายมากค่ะ ส่วนเรื่อง “สวยซามูไร” ถ้าไม่มีเปลี่ยนแปลง น่าจะไม่เดือนมิถุนายนนี้คงได้ดูกัน นอกนั้นจะเป็นงานถ่ายแบบ งานอีเวนต์ และเป็นครูสอนเต้นในโครงการ “ทูบีนัมเบอร์วัน” ครูสอนเทควันโดโรงเรียนที่นุ้ยหุ้นกับเพื่อนนักกีฬาทีมชาติเทควันโดเปิดกันเองค่ะ ชื่อ The Asian Taekwondo ที่สยามพารากอน ตอนนี้ไม่ได้สอนเองแล้ว เวลาไม่ได้ เลยดูแค่งานบริหารค่ะ ตอนนี้เตรียมจะเปิดสาขาที่ 2 แล้วด้วย ที่เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ”
 

เป็นครูสอนเต้นด้วยเหรอ?

“ส่วนมากจะเป็นวันธรรมดา แต่ว่านุ้ยสอนทุกวัน วันละชั่วโมงครึ่ง ซึ่งตรงนี้เราบริหารเวลาได้ดีอยู่แล้ว คือ ถ้าช่วงไหนที่เราติดงาน ก็จะหาอาจารย์ไปสอนแทน แต่พยายามจะไม่ขาด”

แต่กับงานในวงการบันเทิงล่ะ?

“งานวงการบันเทิงตอนนี้จริง ๆ แล้วหลังจากภาพยนตร์ 2 เรื่อง ก็มีอีกเรื่องเป็นแนวแอ๊คชั่นที่รออยู่ แต่ยังไม่ได้คิดอะไรไปไกลมากนัก นุ้ยก็รู้ว่าจบเรื่องนี้ จะมีเรื่องอะไรต่อ ยังไม่ได้หยุดค่ะ มันยังไปเรื่อย ๆ อยู่ ก็เลยไม่ได้คิดว่าจะไปทำอย่างอื่น”



มีละครติดต่อมาบ้างไหม?

“ถ้าถามใจจริง ๆ ก็อยากลองนะ ก็เคยเล่นมาบ้างสมัยที่นุ้ยเป็นแดนเซอร์ เพียงแต่คิดว่าด้วยนโยบายของค่ายหนังสหมงคลฟิล์ม ทางเสี่ยเจียง ปกติเขาจะไม่ค่อยอยากให้นักแสดงหลัก ๆ ไปเล่นละคร เพราะเขามีงานป้อนให้ต่อเนื่องอยู่แล้ว เลยไม่อยากให้เรามีปัญหาเรื่องคิว นุ้ยเองก็เข้าใจนะ เลยมุ่งมั่นไปที่ภาพยนตร์อย่างเดียว”

เซ็นสัญญากับสหมงคลฟิล์มกี่ปี?

“5 ปีค่ะ ซึ่งก็หมดไปปีที่แล้ว ตอนนี้เป็นสัญญาใจกันอย่างเดียวเลย จริง ๆ ก็มีการคุยกันบ้างแล้วนะ ทางผู้ใหญ่เขาอยากให้เซ็นต่อ แต่นุ้ยรู้สึกอยากใช้สัญญาใจไปก่อนดีกว่า เผื่อเราจะได้มีเวลาทำงานอย่างอื่น เช่น งาน อีเวนต์ต่าง ๆ เดินแบบ ถ่ายแบบ”

ระยะหลัง ๆ เห็นนุ้ยลุยถ่ายแบบเซ็กซี่เยอะขึ้น ทำไมล่ะ?

“เริ่มมีคนติดต่อเข้ามาเยอะมาก ตั้งแต่ตอนเล่นเรื่อง “ไฉไล” แล้ว แต่จริง ๆ แล้วเราไม่ได้ตั้งใจจะรับเซ็กซี่นะ เพราะคุยกับผู้ใหญ่แล้ว เขาอยากให้ภาพเราดูเป็นนักกีฬามากกว่า แต่พอ “ไฉไล” ด้วยตัวภาพยนตร์เอง และเรื่องเสื้อผ้า ก็มีคนคอยดูแลแต่งตัวให้ มันเลยออกมาเป็นแนวเซ็กซี่ เลยทำให้มีหนังสือ นิตยสาร ติดต่อเข้ามาเยอะ นุ้ยเลยชะลอ ๆ งานพวกนี้ไว้ก่อน พอหมดสัญญากับสหมงคลฟิล์ม ก็มีผู้จัดการเข้ามาดูแลเรา เขาก็คิดว่ามันไม่ได้เสียหายอะไร ก็เลยรับงานแบบนี้ค่ะ”


เรียกว่าอยากลองงานแนวนี้เหรอ?

“นุ้ยว่าจริง ๆ แล้ว มันเป็นอาชีพสุจริตนะและตัวนุ้ยเองก็เป็นคนที่มีสรีระเป็นผู้หญิง มีกล้ามเนื้อ บางคนเขาเลยอยากเห็นผลงานเราด้วยมั้ง นุ้ยอยากให้คนมองเราในภาพนักกีฬา เป็นคนที่มีสุขภาพดีมากกว่าภาพเซ็กซี่ ถ้ามองผลงานของนุ้ยดี ๆ อย่างงานถ่ายแบบแฟชั่นเนี่ย แม้จะดูเซ็กซี่ แต่ก็ไม่ใช่เน้น เนื้อ-นม-ไข่ ขนาดนั้น อยากจะมีลีลาที่โพสต์โชว์กล้ามเนื้อ นุ้ยอยากเป็นไอดอลที่คนมองว่าถ้าเราดูแลสุขภาพ รูปร่างตัวเอง ก็จะมีรูปร่างที่พอดี สมส่วน และแข็งแรงได้ นุ้ยอยากให้คนมองเราในแบบเซ็กซี่สปอร์ตมากกว่าค่ะ”



ภาพของนุ้ยจะเซ็กซี่ขึ้นเรื่อย ๆ งานที่ติดต่อเข้ามาเลยจะโชว์หวือหวาด้วยรึเปล่า?
 

“ทุกคน ทุกงาน เลยค่ะ เขาจะบอกว่างานนี้พี่ขอเซ็กซี่หน่อยนะ แม้ว่าบางทีนุ้ยจะไม่ได้ตั้งใจเซ็กซี่ขนาดนั้น แต่นุ้ยเองเป็นคนตั้งใจทำงานให้เต็มที่ ถ้าเขาต้องการก็บอกได้ จัดไป นี่เป็นคำพูดประจำเลยค่ะ ด้วยความที่เราให้เกียรติกับทุกงานที่เขาชวนเราไป แต่ตัวตนจริง ๆ ของนุ้ย ถ้าคนเจอตามท้องถนน ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป จะเห็นได้เลยว่านุ้ยแต่งตัวสปอร์ตมาก เพราะว่านุ้ยเป็นครูสอนเต้น สอนเทควันโด ชุดที่แต่งประจำ คือ กางเกงวอร์มกับเสื้อคลุมค่ะ”

มั่นใจในความเซ็กซี่ของตัวเองไหม?

“นุ้ยมั่นใจในรูปร่างตัวเองนะ เพราะนุ้ยไม่มีไขมัน แต่สิ่งที่นุ้ยไม่มั่นใจ คือ นุ้ยยังแคร์สังคมอยู่ แคร์ในสิ่งที่เขาเห็น แคร์ผู้ใหญ่ เมื่อเขา คิดว่าทำไมเราถึงแต่งตัวเซ็กซี่ขนาด นี้ ซึ่งตรงนี้พอพ่อแม่เราบอกผ่าน ก็เหมือนได้ใจว่าคงไม่เป็นไร เพราะพ่อแม่เราเข้าใจ แต่ก่อนหน้านี้พ่อแม่นุ้ยก็เคี่ยวเหมือนกันค่ะ มีงอนด้วย ในช่วงที่ถ่าย “ไฉไล” ค่ะ ยิ่งตอนถ่ายปฏิทิน นุ้ยได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่ก่อน ถ้าเขาไม่ให้ถ่ายคือจบ มันเป็นเรื่องที่งงและเซอร์ไพร้ส์มาก เพราะว่าเขาอนุญาต แล้วบอกว่าไม่เป็นไร เพราะเขารู้ว่าเงินทุกบาททุกสตางค์ เราเอาไปทำอะไรบ้าง ครอบครัวเข้าใจค่ะอย่างไรก็ตามนุ้ยยังต้องเกรงใจเขาอยู่ เพราะนุ้ยกลัวว่าเวลาเขาไปเจอเพื่อน ๆ จะทักยังไง ยังแคร์เขาอยู่เสมอนะ”

พอเซ็กซี่ขึ้นสายตาที่คนอื่นมองเป็นอย่างไรบ้าง?

“ก็จะไม่อยากเชื่อ เมื่อก่อนเห็นบู๊ ๆ แล้วทำไมตอนนี้เซ็กซี่ล่ะ ถึงแม้แนวแต่งตัวของเราจะเปลี่ยนไปแต่การพูดการจา เสียงของเราก็ยังเหมือนเดิม นะ ห้าว ๆ ห้วน ๆ เขาก็จะงง ๆ ว่าทำไมไม่เหมือนในรูป บางทีนุ้ยก็จะพูดตัดบทเลย เวลาเขาบอกว่า...กล้ามสวยนะ นุ้ยก็จะตอบสวนกลับไปว่า กล้ามสวย ขาก็หนักด้วยนะ ให้เขารู้ว่าเราก็ยังเหมือนเดิม แม้ภาพที่เห็นอาจจะเซ็กซี่ก็ตาม

เคยเจอพวกโรคจิตบ้างไหม?
 

“เคยเจอพวกโรคจิตตอนสมัยถ่าย “ไฉไล” ค่ะ แต่ตอนนี้ด้วยความที่คนเขารู้ว่าเราเป็นนักเทควันโดเก่า พวกโรคจิตก็หายไปเอง"
 
ตอนนี้ความรักเป็นอย่างไรบ้าง?

“นุ้ยอยู่กับตัวเองและครอบครัวค่ะ”

เลิกกันกับ เชาเชา จริง ๆ เลยเหรอ?

“เลิกได้พักใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่ได้เลิกคุยกัน ซึ่งเราก็ไม่อยากโกหกอยู่แล้ว ยังรู้สึกดีต่อกัน แต่ที่ตัดสินใจเลิก เพราะคุยกันแบบเป็นพี่เป็นน้อง มันรู้สึกดีกว่ากันเยอะเลย จากเมื่อก่อนต่างคน

ต่างคาดหวังให้อีกฝ่ายอยู่ในกรอบตลอดเวลา เลยทะเลาะกัน กดดันทั้งสองฝ่าย แต่พอเราเริ่มปล่อยตัวเอง ปล่อยเขา ต่างคนต่างมีอิสระต่อกันเต็มที่ เวลาที่คิดถึงกัน ก็ถามไถ่ว่าเป็นไงบ้าง กินข้าวรึยัง ห่วงนะ แต่คำพูดที่เราได้รับจากเขาดีกว่าเมื่อก่อนเยอะนะ”



แปลว่าชีวิตของนุ้ยอิสระแล้วสิ?

“อิสระค่ะ ช่วงนี้นุ้ยอยู่กับผู้จัดการตลอด งานก็เยอะ เลยกลายเป็นอยู่กับผู้จัดการ อยู่กับงาน มีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้น เพราะช่วงที่เรามีคนพิเศษ เวลาให้ครอบครัวก็น้อยลง เวลาที่เหลือจากงาน ก็จะให้คนพิเศษหมด แต่ตอนนี้วันหยุด วันว่าง นุ้ยจะให้เป็นวันครอบครัวหมดค่ะ ครอบครัวเองก็แฮปปี้ จนคุณพ่อคุณแม่ขอร้องว่าขอให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป”

แล้วพร้อมที่จะเปิดใจรับใครใหม่รึยัง?

“ไม่รู้จริง ๆ ค่ะ เพราะว่าเรารู้สึกแฮปปี้กับตอนนี้ที่เป็นอยู่ ยังไม่อยากรับใคร ถ้าจะเข้ามาตอนนี้นุ้ยว่าอย่าเพิ่งดีกว่า”

กลัวเรื่องเรตติ้งหรือกลัวกระทบกับงานรึเปล่า?

“ไม่ได้กลัวเรื่องเรตติ้งนะ แต่จริง ๆ นุ้ยรู้สึกว่านุ้ยต้องดูแลครอบครัว เป็นลูกคนโต พี่น้องก็เยอะ เป็นครอบครัวที่ใหญ่มาก ตอนนี้เหมือนเจอแล้วว่าตรงนี้แหละที่เรามีความสุข มีเวลาให้กับครอบครัว อยากทำอะไรก็ทำ”
 

ถ้าเลือกได้อยากคบผู้ชายแบบไหน?

“จริง ๆ แล้ว นุ้ยว่านุ้ยเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นง่ายมากเลย เพราะถ้าตกลงที่จะคบกันแล้ว เข้ากันง่ายมาก นุ้ยเป็นผู้หญิงที่ชอบดูแลตัวเอง ไม่ต้องมาเทคแคร์ดูแลอะไรกันมากนัก ขอแค่ให้เข้าใจเรา ให้เกียรติกัน และพูดจาดี ๆ กับเรา แค่นี้พอค่ะ จริง ๆ แอบ ชอบผู้ชายที่พูดเก่ง พูดหวาน ถ้าเกิดเจอคนที่เราคิดว่าดีกับเรา และตัดสินใจคบกับเขาแล้ว แต่สุดท้ายกลับพูดจาไม่ดีกับเรา ก็ต้องมาเสียใจ ทีหลัง เลยอยากได้คนที่เข้าใจ มีเหตุผล ที่สำคัญเขาต้องรับผิดชอบตัวเองได้ดี และดูแลครอบครัวด้วย เพราะนุ้ยเองต้องดูแลครอบครัวของนุ้ย เมื่อต่างคนต่างรักและดูแลครอบครัวของแต่ละคนได้ดีแล้ว วันข้างหน้าเมื่อเรามาอยู่ด้วยกัน นั่นหมายความว่าในเมื่อเขารักครอบครัวเขา เขาก็ต้องรักครอบครัวเราด้วยค่ะ”

ก่อนหน้านี้เห็นมีคนทักว่าดวงถึงฆาตเหรอ?

“ก็มีข่าวอย่างนี้มานานแล้วนะ มีมาเรื่อย ๆ ไม่หยุด เขาก็ทักเหมือน ๆ กัน ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว อาจมีอะไรไม่ดี ๆ เข้ามาบ้างประปราย แต่ก็ลืม ๆ มันไปบ้าง จนเข้าปีนี้ดวงนุ้ยชงค่ะ เข้าโรงพยาบาลตลอดทุกอาทิตย์เลย อยู่ ๆ ก็หัวเข่าบวม ล่าสุดก็คือ ท้องร่วง ต้องนอนโรงพยาบาลเป็นอาทิตย์ เรียกว่าเป็นหนักหมดเลยค่ะ ช่วงนี้เลยผอมเอา”

มีคนบอกวิธีแก้ให้ไหม?

“ทุกคนบอกให้นุ้ยทำบุญ แต่นุ้ยเป็นคนขยันทำบุญอยู่แล้ว ว่างก็จะทำตลอด แต่มันอาจจะยังไม่พอก็ได้มั้ง หรือเพราะอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่ต้นมกราคม วันหนึ่งนุ้ยได้ไปเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่ ใจคอนุ้ยช่วงนั้นไม่ค่อยดี รู้สึกแปลก ๆ แต่นุ้ยก็ไม่ได้คิดอะไรมาก มีช่วงหนึ่งที่นุ้ยเก็บของอยู่หลังรถ แล้วหันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ยืนอยู่ข้าง ๆ เรา ยืนมองเราอยู่ แต่เราไม่ได้สนใจอะไร เก็บของไปเรื่อย ๆ พอหันไปอีกทีเขาก็ยังอยู่ จนสุดท้ายแค่หันไปปิดประตูรถเพียงไม่กี่วินาที หันไปอีกทีเขาก็ไม่อยู่แล้ว เลยเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดี แต่จริง ๆ เวลาเจอเรื่องแบบนี้ นุ้ยไม่ค่อยบอกใครนะ เพราะตอนเด็ก ๆ เราเคยเจอเรื่องแบบนี้บ่อยมาก ถ้าเล่าให้คุณแม่ฟัง กลัวเขาจะหาว่าเราบ้า หลอนไปเอง”

เคยคิดจะถามคนที่มีความรู้เรื่องนี้รึเปล่า?

“ไม่ได้คิดและตั้งใจจะไปถาม คงไม่ทำแน่ แต่หลังจากที่นุ้ยท้องร่วง ได้มีโอกาสไปทำบุญ สำนักสงฆ์ที่ จ.ราชบุรี กับเพื่อน ๆ ดาราอีกหลายคน นุ้ยเข้าไปไหว้พระนเรศวร พระเจ้าตาก และก็เจอหลวงพ่อ แต่ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ พอขากลับ รถนุ้ยชน ในรถมีอยู่ 5 คน แต่รอประกันกัน 3 คน เพราะเพื่อนอีก 2 คน ต้องรีบกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ พอตอนที่เจ้าหน้าที่ประกันมา เขาบอกว่าเห็นคนอยู่ในรถ 4 คนนะ พวกเราก็ตกใจกันหมดเลยค่ะ ยืนยันว่ายังไงก็ไม่มี จากนั้นนุ้ยก็เริ่มมองรอบ ๆ ตัว ทบทวนเรื่องทั้งหมดตั้งแต่ต้นปี รวมทั้งเรื่องที่โรงพยาบาลด้วยค่ะ หลังจากนั้น 1 วัน ไปร่วมงานไหว้ครู อาจารย์ยังบอกอีกว่า ดีนะ..คนกับผีอยู่ด้วยกันได้ นุ้ยก็งง ๆ ว่าทำไมอาจารย์พูดอย่างนั้น แต่เขาบอกว่า เขามาดี มาเตือนมาบอก นุ้ยก็อุ่นใจ ถ้าเขาจะอยู่ก็อยู่ไปค่ะ อยากได้อะไรให้มาบอก เวลาถ่ายแบบบางทีนุ้ยจะนึกถึงเขา ว่าถ้าตามอยู่ก็ให้ช่วย ๆ กันแล้วกันนะ จะได้มีเงินทำบุญให้เรื่อย ๆ แอบนึกถึง ตลอดเลยค่ะ ไม่ได้กลัวแล้ว”

อนาคตวางแผนอะไรกับตัวเองไว้อีกรึเปล่า?

“อย่างแรกนุ้ยต้องเก็บเงินให้ได้เยอะ ๆ เพราะถ้านุ้ยตั้งใจจะทำอะไรแล้ว นุ้ยต้องทำให้ได้ แต่ทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับเวลาและโอกาส อย่างตอนที่นุ้ยเป็นนักกีฬาทีมชาติ นุ้ยแค่คิดว่าถ้าเราโชคดีนะ และเราตั้งใจ เดี๋ยวเราจะได้เป็นนักกีฬาทีมชาติซักวัน แล้วเราก็ทำได้จริง ๆ ค่ะ ทุกอย่างมันเป็นสิ่งที่นุ้ยฝัน และอยากทำจนมันได้เป็นจริง ๆ ค่ะ ตอนนี้นุ้ยอยากเปิดโรงเรียนสอนเต้น สร้างหนังเต้นสักเรื่อง ซึ่งนุ้ยก็ไม่รู้ว่ามันจะต้องใช้ระยะเวลาอีกนานแค่ไหน นุ้ยบอกไม่ได้ แต่นุ้ยก็เชื่อว่าสักวันมันต้องมีวันของเรา รอจังหวะและโอกาสเท่านั้นเองค่ะ”

ก็ต้องเอาใจช่วยสาวที่มีความมุ่งมั่นใจนักกีฬาอย่าง นุ้ย-เกศริน....



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์