เอมี่ เด็กขี้อาย จรัสแสงแววนางเอก

มีตำแหน่ง “มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006” เป็นรางวัลการันตีความสวย แถมเป็นใบเบิกทางให้ เอมี่-อาเมเรีย จาคอป สาวลูกครึ่งไทย-ฮอลแลนด์ จาก จ.ภูเก็ต

ได้เข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว ทั้งงานหนังและงานละคร โดยเฉพาะกับผลงานล่าสุดที่เพิ่งจบไปอย่าง “ธิดาวานร” ถือเป็นการประเดิมจอในฐานะนางเอกเต็มตัวครั้งแรก และสร้างชื่อเสียงให้กับเธออย่างมาก เป็นการแจ้งเกิดได้สำเร็จ ด้วยหน้าที่การงานนี้เอง พอจบ ม.6 จากโรงเรียนสตรีภูเก็ต ปุ๊บ จากเด็กสาวต่างจังหวัดก็เลยต้องขึ้นมาอยู่กรุงเทพฯตามลำพัง วันนี้เธอเปิดใจกับ “ดาวต่างมุม” ถึงความรู้สึกห่างบ้านในเวลานี้



ชีวิตในเมืองกรุงคนเดียวเป็นยังไงบ้าง?
 
ก็อยู่กับเพื่อน แม่ก็จะโทรฯมาทุกวัน โทรฯมาสอนให้เป็นคนมีความรับผิดชอบ แบบเราทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ก็ค่อย ๆ ปรับตัวไป สำหรับหนูก็รู้สึกว่าเป็นชีวิตที่หนักเหมือนกัน เพราะว่าหนูก็ยังเรียนอยู่ แล้วก็ไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน ก็มีบ้างที่งานส่งผลต่อการเรียน แต่ก็ให้เพื่อนช่วยตามให้ แล้วหนูก็มาตามส่งเอาทีหลัง พอถึงเวลาสอบหนูก็ไปสอบ การเรียนก็ตกลงนิดหน่อย ตอนนี้ก็เรียนอยู่ ปี 1 คณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ ที่ ม.รังสิต ก็เข้ากับทุกคนได้ดีค่ะ มีคนเข้ามาทักตลอด เพื่อนในห้องก็ชอบมีมาแกล้งเป็นลิง (หัวเราะ) ชีวิตในมหาวิทยาลัยก็ค่อนข้างราบเรียบไม่มีปัญหา อาจารย์เขาก็เข้าใจ ก็มีขาดเรียนบ้าง คือก่อนถ่ายละครก็ไปเรียนครบ พอไปถ่ายละครก็มีใบลาให้เขา พอมีงานอะไรก็ตามส่งเอาทีหลัง แต่ก็หนักมาก เพราะละครตอนนั้นมันออนแอร์ทุกวัน ถ่ายไปปุ๊บก็ออนแอร์เลย

ความสำเร็จของละครเรื่องนี้มันทำให้เราเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน?
 
ชีวิตอาจจะเปลี่ยนไป แต่นิสัยก็ยังเป็นเหมือนเดิม คือเป็นตัวหนู ปัญญาอ่อน ติงต๊องเหมือนเดิม แต่มาอยู่กรุงเทพฯคนเดียวก็เหงาเหมือนกัน แต่คือแม่ก็โทรฯมาทุกวัน แล้วก็มีเพื่อนคอยให้คำปรึกษา สิ่งที่ได้จากตรงนี้ก็คือก็ได้ประสบการณ์ค่ะ ได้เจอสิ่งใหม่ ๆ ในวงการ ในกองละครพวกผู้ใหญ่ พวกรุ่นพี่ เขาก็สอนทุกอย่างเลย



เคยใฝ่ฝันจะได้มาอยู่ตรงนี้หรือเปล่า?
 
ก็เรื่อย ๆ ค่ะ ไม่ได้คิดว่าจะต้องอยู่ตลอดไป คือหนูไม่เก่งเรื่องแอ๊คติ้งอะไรด้วย หนูก็กลัวว่าจะเล่นไม่ได้ สำเนียงก็ยังไม่เป็นกรุงเทพฯ ก็ต้องฝึกพูดกับตัวเองบ่อย ๆ ฝึกอ้าปากให้กว้าง เรื่องคำพูดก็ต้องฝึกให้ชัด แต่เรื่องที่แล้วการพูดไม่ชัดมันส่งผลดีต่อละคร แต่เรื่องอื่นมันไม่ได้ ก็ต้องหัดอ่านหนังสือกับกระจก อย่างบางครั้งเวลาที่ถ่ายละครแล้วหนูพูดผิด พี่ ๆ ในกองก็จะสอนคำที่ถูกต้องให้ ให้ออกเสียงแบบนี้ ก็จะมีคนคอยสอนตลอด ตอนนี้ก็ดีขึ้นมาบ้าง ก็จะพยายามฝึกสำเนียง ตอนนี้ก็พยายามไม่พูดใต้ คือหนูเป็นคนไม่พูดภาษาใต้อยู่แล้ว แต่สำเนียงและคำที่ใช้บางคำมันเป็นคำใต้ ก็พยายามเอาคำกลางมาใช้

ด้วยสำเนียงและบุคลิกเราเป็นแบบนี้รู้สึกเราแตกต่างจากคนอื่นไหม?
 
ก็รู้สึกแตกต่าง แต่ก็จะพยายามทำให้ดีขึ้น ไม่ทราบว่าจุดนี้จะเป็นปมเด่นหรือปมด้อย อาจจะเป็นปมด้อยมั้งคะ (หัวเราะ)

ครอบครัวว่ายังไงบ้างกับการเข้ามาอยู่ในวงการ?
 
เขาก็สนับสนุนนะคะ แต่ก็ให้หนูดูแลตัวเองให้ดี เขาก็อยากขึ้นมาอยู่ด้วย ก็คอยขึ้นมาหาเวลาว่าง ๆ เขาก็บอกว่าถ้าเหนื่อยไม่ไหวก็บอก แต่ตอนนี้ก็ยอมเหนื่อยไปก่อน เราเลือกเดินทางนี้แล้ว ก็ต้องทำให้ดีที่สุด แม่ก็โทรฯมาทุกวัน แม่จะเป็นคนที่เป็นห่วงหนูมากที่สุด ที่เขาปล่อยให้เรามาอยู่คนเดียว เราก็ต้องเข้าใจแม่ ว่าแม่เขามีธุรกิจ



เป็นลูกครึ่งอย่างนี้ถูกเลี้ยงดูมาอย่างไร
 
แม่เลี้ยงมาแบบไทยมาก หนูซึมซับวัฒนธรรมไทย ความเป็นไทยมาทุกอย่าง ถึงพ่อจะเป็นฝรั่ง แต่พ่อก็ให้แม่เป็นคนจัดการทุกอย่าง หนูเองก็ชอบความเป็นไทยมากกว่า วัฒนธรรมมีการสอนให้มีการไหว้ การเคารพผู้ใหญ่ การทักทายที่สุภาพ คุณพ่อเองก็ไม่ได้สอนอะไรที่เกี่ยวกับวัฒนธรรมฝรั่งให้ เพราะพ่อก็เป็นไทยเหมือนกัน คือเป็นฝรั่งที่อยู่เมืองไทยมานานมาก มีความเป็นไทยเยอะมาก หนูเองก็ศาสนาพุทธ ไทยทุกอย่าง แต่เวลาไปไหนหนูจะไปกับแม่มากกว่า กับพ่อก็สนิท เราก็สนิทด้วยกันทั้งคู่

แล้วเวลามีปัญหาส่วนใหญ่ปรึกษาใคร?
 
หนูเป็นคนชอบเก็บไว้คนเดียว เพราะไม่อยากให้ใครมาเครียดกับหนู หนูชอบเก็บ ขนาดหนูคิดถึงแม่ หนูก็ไม่พูด บางครั้งมันเหนื่อยจนท้อ รู้สึกไม่ไหว แต่ก็ไม่บอกใคร แม่ก็มีถามว่าเป็นยังไง เขาเป็นห่วง แต่ก็จะบอกเขาว่าสบาย ไม่เป็นไร ไม่อยากให้แม่คิดมาก ซึ่งพื้นฐานจริง ๆ หนูก็เป็นคนคิดมากเหมือนกัน คิดอะไรเต็มไปหมดเลย คิดจนไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ หนูเป็นคนชอบทำอะไรคนเดียวมากกว่าที่จะให้ใครมาเครียดกับหนู ต้องมาคิดว่าหนูทำไมเป็นอย่างนี้ เลยเลือกที่จะเก็บไว้คนเดียวมากกว่า ก็คิดนะว่าอาจจะทำให้แม่เป็นห่วง แต่ว่าเราก็ไม่อยากบอกมากกว่า ก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว กับเพื่อนก็ไม่ค่อยพูด

แล้วนิสัยจริง ๆ เป็นคนยังไง?
 
ถ้าเจอคนที่รู้จักก็จะพูดมาก ขี้อาย ไม่ค่อยมั่นใจในตัวเองเท่าไหร่ พอมาอยู่ตรงนี้ก็ต้องกล้าแสดงออก แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะสร้างความมั่นใจให้ตัวเองยังไง แต่ก็พยายาม คิดว่าเรามาอยู่ตรงนี้เราก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นในตัวเองให้มากขึ้น ตอนนี้ความเชื่อมั่นยังมีแค่ 50-50



ถ้าไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเอง แล้วแสดงละครได้อย่างไร?
 
แรก ๆ ก็ยังไม่กล้า แต่พอรู้จักทุกคนก็กล้า คือหนูยังใหม่ อาจจะยังไม่รู้จักทุกคน ก็เลยไม่กล้า แต่พอเข้ากองไปแล้วรู้จักพี่ ๆ เขาแล้ว ก็กลายเป็นเรื่องปกติ ก็เลยกล้าแสดงออก ผู้กำกับก็จะคอยสอน ทำทุกอย่างให้ดูก่อน ว่าหนูต้องทำแบบนี้นะ ซ้อมก่อนแล้วก็เล่นจริงเลย จะได้รู้ว่าทำผิดหรือถูก ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่โรงเรียนก็ไม่เคยทำไม่เคยแสดงอะไรที่โรงเรียนเลย ก็มาที่ในวงการนี้เป็นที่แรก คือหนูเป็นคนขี้อายตั้งแต่เด็ก อย่างตอนมาประกวดมิสทีนไทยแลนด์นั้น ตอนแรกก็ไม่กล้า แต่ก็ลองดูเผื่อหนูจะมั่นใจขึ้น แล้วก็ได้ผล มีมั่นใจขึ้นบ้าง

ถ้าให้คะแนนความสามารถตัวเองจะให้เท่าไหร่?
    
คือหนูเป็นคนแสดงไม่เก่งอยู่แล้ว คงให้แบบ 50-50 แต่ก็โชคดีมากที่ บทเรื่องนี้เป็น  “ลิง” เรื่องต่อไปให้เป็นลิงอีกก็เอานะ แต่ตอนนี้ก็มีงานใหม่ให้ไปแคส แต่ไม่ทราบว่าได้หรือเปล่า ก็จะพยายามพัฒนาตัวเอง จะลองหัดเล่นแอ๊คติ้งกับกระจก หัดพูดให้ชัด

การทำงานที่ผ่านมาเวลาเหนื่อยให้กำลังใจตัวเองยังไง?
 
เหนื่อยมาก แต่ก็มีพี่ ๆ ในกองคอยพูดเล่นกับหนู ให้กำลังใจหนูตลอด เพราะเขารู้ว่าหนูเป็นคนชอบคิด พูดให้เราไม่ต้องคิดมาก แต่ก็มีพี่บางคนที่สนิทจริง ๆ ก็อาจจะบอกว่าบางครั้งหนูก็เหนื่อย ก็มีงอแงบ้าง เหนื่อย ง่วงนอนอยากนอน พี่ ๆ เขาก็หาเครื่องดื่มชูกำลังให้กิน (หัวเราะ)



แล้วมีแบบว่าไม่อยากทำงานแล้วไหม?
 
ก็คิดกับตัวเอง แต่ถ้าหนูทำแบบนั้น งานเขาก็เสียหมด ก็ยึดคติว่า  “ทำวันนี้ให้ดีที่สุด” คือทำวันนี้ให้ออกมาดีที่สุด เพื่อที่ว่าวันต่อไปเราจะได้เห็นสิ่งที่เราทำไปว่ามันดีแค่ไหน เราจะได้พัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อย ๆ

ตอนนี้มีผู้ชายมาจีบหรือยัง?
 
ไม่มีเลยค่ะ หนูเองก็ไม่ได้ไปเจอใคร ออกงานก็ไม่ได้ออกไปเจอใครมาก แล้วก็ไม่ได้มีใครเข้ามาด้วย แม่ก็สอนว่าเกิดมาเป็นผู้หญิงแล้วให้มีศักดิ์ศรีในตัวเอง ถ้ามีเข้ามาก็คงคุยเป็นเพื่อนไปก่อน มันเหมือนเล่น ๆ กัน เป็นเพื่อนกันมากกว่า เขาไม่ได้มาจีบอะไร ทุกคนก็เป็นเพื่อนเหมือนกันหมด แต่ถ้าให้เจาะจงสเปกก็คงเป็นสไตล์คม ๆ เข้ม ๆ แบบ พี่ป๋อ-ณัฐวุฒิ แบบนั้น (หัวเราะ) แล้วก็ขอเป็นคนที่เข้าใจกันและกันก็พอ

อยู่ในวงการกังวลเกี่ยวกับเรื่องข่าวบ้างไหม?
 
กลัวค่ะ กลัวจะมีข่าวไม่ดีออกมาเหมือนกัน แต่ถ้าเราไม่ได้ทำอะไรที่เสียหายกับตัวเอง ก็คงไม่น่าจะมีข่าวไม่ดีอะไร ตอนนี้หนูก็มีจุดมุ่งหมายในตัวเองว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ แต่ชีวิตก็ยังเรื่อย ๆ อยู่ เราไม่ได้ยึดติดว่าเราจะอยู่ในวงการอย่างเดียว อยากเรียนมากกว่า อยากกลับไปช่วยแม่ ตอนนี้ก็อยากเน้นเรื่องการเรียนไปก่อน อนาคตก็ไม่รู้ว่าหนูจะมีงานตรงนี้หรือเปล่า ยังไม่ทราบ ไม่ได้คิดว่าฉันจะต้องไปเป็นนางเอก เป็นดาราดัง มีงานเยอะ เพราะคิดว่าตัวเองไม่ได้เก่งขนาดนั้น รู้ในความสามารถของเราเอง

เอมี่อยากมีอะไรบอกแฟน ๆ ไหม?
  
ขอบคุณแฟน ๆ ทุกคนที่เป็นกำลังใจให้หนูมาตลอด แล้วทำให้ละคร   “ธิดาวานร” มีผลตอบรับออกมาได้ด้วยดี มีคนมาให้กำลังใจ โดยเฉพาะแฟน ๆ ตามต่างจังหวัดนี่มาให้กำลังใจเต็มเลย ก็อยากให้ติดตามผลงานของหนูไปเรื่อย ๆ ก็จะทำให้ดีที่สุด
 
ถึงแม้จะพูดไม่ค่อยเก่ง แต่ก็คงได้เห็นความคิดอ่านของสาวน้อยชาวเกาะคนนี้ว่า ซื่อใส สมวัย ซะจริง ๆ ว่าแต่ว่า เรื่องหน้าจะเล่นเป็น “ลิง” หรือเป็นอะไรดีหนอ ต้องติดตามผลงานเธอให้ดี สาวคนนี้ “ไม่ธรรมดาจริง ๆ”.



เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์