โมครวญหนูผิดไปแล้ว! ก้องสำคัญเกินแฟน

กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ เมื่อวันไปเดินแฟชั่นคู่กับแฟนหนุ่ม "ก้อง"กรุณ ซอโสตถิกุล ที่เกษรพลาซ่า แล้วเกิดต่อมน้ำตาแตก สำหรับดาราสาว "แตงโม"ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หลังแฟนหนุ่มไม่ยอมให้จับมือ

จากนั้นไม่กี่วันถัดมาน้องหนูก็ออกมาแถลงข่าวสารภาพว่าที่เกิดเหตุการณ์นั้น เพราะตนเองหลงผิด แอบมีกิ๊ก เมื่อหนุ่ม "ก้อง" จับได้และเตือน เธอก็ยังดื้อดึง จนเป็นเรื่องราวเมื่อเขาถอยห่าง กระทั่งมาถึงวันเดินแบบที่เกิดเรื่อง และดาราสาวขอโอกาส จนกลับมาคบหากันอีกครั้ง วันนี้จังหวะดี ที่สาวโมยอมเปิดใจถึงเรื่องราวรัก หลังได้รับโอกาสจากแฟนหนุ่ม


?เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เกษรพลาซ่าถือเป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ เลย มันให้บทเรียนอะไรบ้าง?

แตงโม - "ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว โมพูดไปหมดแล้ว ไม่ขอแสดงความเห็น เพราะทุกอย่างจบไปแล้ว ทุกวันนี้ปกติแล้ว ฉะนั้นโมขอพูดถึงปัจจุบันดีกว่า ไม่พูดถึงอดีต"

?ถ้างั้นความรัก ณ ปัจจุบันเป็นยังไงบ้าง?

แตงโม - "แฮปปี้ดีค่ะ เป็นเหมือนเดิมทุกอย่าง เพราะตลอดเวลา 3 ปีที่คบเราก็มีทะเลาะกันอยู่ตลอด แค่บางเรื่องคนรู้กับบางเรื่องคนไม่รู้เท่านั้นเอง"

?เป็นคู่รักที่หวานไหม?

แตงโม - "แอบหวานมากกว่าค่ะ คือถ้าออกนอกบ้านจะเก๊กไม่หวานทันที ข้อหนึ่งเลยคือเราเป็นคนของประชาชนจะมาทำอะไรประเจิดประเจ้อไม่ได้ ข้อสองคือเราไม่ฝรั่งพอที่จะกล้าทำอะไรนอกบ้าน กลัวว่าคนที่เห็นแล้วจะมาผิดหวังในตัวเรา ให้เขาเห็นว่าเราเดินอยู่ด้วยกัน แต่ถ้ามากไปกว่านั้นก็อย่าดีกว่า"


?โมกับก้องใครโรแมนติกกว่ากัน?

แตงโม - "โมว่าโมโรแมนติกกว่า โมเป็นคนที่คิดทำเรื่องกุ๊กกิ๊กอะไรได้เยอะกว่า เพราะโมเป็นผู้หญิง ยกตัวอย่างการซื้อของขวัญ โมจะเป็นคนที่ทำเซอร์ไพรส์ตลอดเวลา แต่พี่ก้องจะชอบถามว่าโมอยากได้อะไรจะไปซื้อมาให้ เป็นอย่างนี้เสมอ ไม่เป็นไร ก็เข้าใจว่าเราคนละแนว"

?เคยทำอะไรให้ก้องแบบว่าหวานจนเลี่ยนไหม?

แตงโม - "วาเลนไทน์ปีแรกที่รู้จักกัน โมไปเช่าสตูดิโอที่หนึ่งแล้วจุดเทียนเป็นรูปหัวใจอยู่ในนั้นเป็นร้อยเป็นพันเล่ม มีริบบิ้น ดอกไม้ เต็มไปหมด แล้วก็มีสไลด์ฉายเข้ากำแพงเป็นรูปโมกับพี่ก้อง พร้อมกับข้อความที่โมอยากอวยพรให้พี่ก้อง วันนั้นโมให้คนที่ทำงานที่พี่ก้องโกหกว่าเขาต้องไปคุยงานที่นั่น พอพี่ก้องเปิดประตูเข้าไปก็อึ้ง น้ำตาไหลเลย"

?มองความรักของคู่ตัวเองยังไงบ้าง?

แตงโม - "ค่อนข้างรู้ไส้รู้พุงกันเร็วมาก เพราะเราใช้เวลาอยู่ด้วยกันทุกวัน ทำให้เรารู้ไปถึงจิตใจ สิ่งดีที่สุดสิ่งแย่ที่สุดของกันและกัน เป็นสิ่งที่แม้กระทั่งพ่อแม่เราไม่รู้ด้วยซ้ำ"


?หลังออกมาแถลงข่าววันนั้น รู้สึกยังไงที่คนมองว่าโมกล้าทำและกล้ารับ?

แตงโม - "ถือเป็นบุคคลแปลกคนหนึ่งที่มีอยู่ในจำนวนน้อยในวงการ วงการก็ต้องมีคนแบบนี้สักคนเพื่อให้เห็นความต่างระหว่างการยอมรับกับการโกหก โมเป็นคนที่โกหกแล้วจะอยู่ไม่มีความสุข โกหกไม่เนียน โกหกทีไรโดนจับได้ทุกที ฉะนั้นโมว่าไม่จำเป็นที่เราจะต้องโกหก ก็ยอมรับไปสิ แค่เอ่ยคำว่าขอโทษ มันไม่เสียหายที่เราจะสำนึกผิด กลับเป็นสิ่งดีซะด้วยซ้ำ อย่างที่เมื่อก่อนโมจะบอกเสมอว่าโมเป็นคนตรง ไม่ทำก็คือไม่ทำ แล้วจะเถียงหัวชนฝาด้วย แต่ถ้าเรื่องไหนที่โมทำก็จะบอกว่าทำ ยิ่งเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นมาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าโมเป็นอย่างที่เคยบอกจริงๆ"

?ความกล้าออกมายอมรับผิดเนี่ย ตัดสินใจเองคนเดียวหรือปรึกษาใครบ้างไหม?

แตงโม - "ต้องมีปรึกษาอยู่แล้ว แต่ความกล้าเกิดจากตัวโมเองเป็นที่ตั้ง ถามว่าถ้าความเห็นของคนรอบข้างบอกว่าไม่ แล้วโมจะทำมั้ย โมก็ยังยืนยันจะทำอยู่ดี เพราะโมเชื่อการตัดสินใจของตัวเอง โมเป็นคนที่คิดหลายตลบ คิดว่าพูดไปแล้วจะเกิดผลอะไรบ้าง ถ้าเกิดผลเสียแบบนี้ตัวเองจะรับได้หรือเปล่า ถ้ารับได้ก็พูด ถ้ารับไม่ได้ก็เลี่ยง แต่ก็ยืนยันว่าจะไม่โกหก ที่สุดพอพูดไปแล้วโมคิดว่ามีผลดีมากกว่า อย่างน้อยคือสามารถอยู่บนโลกนี้อย่างสบายใจได้ อย่างน้อยคนจะได้รู้ว่าเราสำนึกผิดและอยากจะขอโทษจริงๆ อีกอย่างคือจะได้รู้ว่าเราสองคนเข้มแข็งแค่ไหนที่เรื่องขนาดนี้เราก็ผ่านไปได้ ไม่ทำให้เราแยกจากกันได้"

?ที่กล้าทำทุกอย่างขนาดนี้ เพราะความรัก?

แตงโม - "ใช่ค่ะ โมทำไปด้วยความรัก โมพูดได้เต็มปากเลยว่าถ้าไม่ใช่เรื่องนี้ ไม่ใช่กับคนนี้(พี่ก้อง) เรื่องอะไรโมจะมายอมรับ"


?แต่ก็ต้องนับถือหัวใจของคนที่ให้อภัยมากกว่านะ?

แตงโม - "(หัวเราะ)ค่ะ พี่ก้องสุดยอดกว่าจริงๆ โมกล้าที่จะยอมรับ และพี่ก้องก็กล้าที่จะให้อภัย"

?โอกาสครั้งที่ 2 ที่ได้รับ โมจะดูแลรักษามันอย่างไร?

แตงโม - "เดี๋ยวเอาไว้บอกอีกทีดีกว่า แต่ ณ เวลานี้โมเป็นเด็กดีของพี่ก้องแล้วค่ะ"

?วาเลนไทน์ที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง?

แตงโม - "ก็ไปทานอาหารกัน เราไม่ได้แพลนที่จะทำอะไรใหญ่โต เพราะโมมีงานเกือบทุกวัน"


?อึดอัดไหม ที่หลังจากนี้จะถูกคนจับตาดูพฤติกรรมมากขึ้น?

แตงโม - "ยินดีให้จับตามอง อย่างที่บอกว่าเมื่อไรที่คู่เราลดลงเราก็บอก เมื่อไรที่เราเพิ่มขึ้นเราก็บอก ช่วงไหนคงที่ก็จะบอก เรายินดี เพราะโมมีความคิดใหม่ได้ไม่นานมานี้ว่าเราจะคบประชาชนเหมือนเป็นเพื่อนเราคนนึง เขามีสิทธิที่จะออกความเห็น มีสิทธิที่จะดีใจหรือเสียใจไปกับเราด้วย มันจะได้รู้สึกว่าเราใกล้ชิดกันมากขึ้น"

?ผ่านนี้ไปได้ทำให้ความรักแข็งแรงขึ้นมั้ย?

แตงโม - "อันนี้ต้องใช้เวลา"

?ดูโมเป็นคนรักเดียวใจเดียวจะตาย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีกิ๊ก?

แตงโม - "(ทำหน้าน่าสงสารและเสียงอ่อย) ผิดไปแล้วอ่ะ ไม่รู้ว่าตัวเองทำแบบนั้นไปได้ยังไง"


?เป็นเพราะความรักกับก้องมันราบเรียบไปรึเปล่า เลยอยากหาสีสันให้ชีวิต?

แตงโม - "อาจจะด้วย แต่หนูผิดไปแล้วค่ะ ไม่ทำอีกแล้วค่ะ"

?ถึงตอนนี้ใช้คำว่าแฟนกับก้องได้หรือยัง?

แตงโม - "ถึงตอนนี้อะไรทุกอย่างมันชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดแล้วล่ะ เพราะถ้าวัดดูจากความเป็นห่วงเป็นใย ความรู้สึกมันยิ่งกว่าที่จะบอกอีกว่าเป็นแฟน มันสำคัญมากเกินคำว่าแฟนไปแล้ว"

?ก้องให้กำลังใจยังไงบ้าง?

แตงโม - "พี่ก้องจะให้ความรู้สึกเหมือนพ่อ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะอยู่ข้างโมเสมอ ให้ความอุ่นใจและมั่นคง เอะอะอะไรก็ตามเขาจะเข้าข้างโมเสมอ เขายังรู้สึกว่าในบางมุมโมก็ยังเป็นเด็กน้อยอยู่"



?ตอนนี้มีมุมมองความรักเป็นอย่างไร?

แตงโม - "ตอนนี้โมมีคนที่คบแล้ว และเป็นคนที่สำคัญเหมือนญาติ มุมมองเลยกลายเป็นเหมือนว่าเราอยู่กับคนในครอบครัวเดียวกัน มันจะไม่มีการมาคิดว่าเป็นช่วงโปรโมชั่นหรือหมดโปรโมชั่น นับจากนี้เราต้องพยายามใช้อารมณ์ให้น้อยที่สุดเพราะถึงเวลาหนึ่งจากที่เราเคยบอกว่ารับข้อเสียของกันได้ แต่ระยะเวลานานเข้าๆ มันเป็นธรรมดาที่ความอดทนจะลดน้อยลง เราต้องนึกเข้าไว้ อะไรจะเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ไม่ได้แล้ว ฉะนั้นต้องรักษาไว้ให้ดี"

?ถ้าพี่ก้องไม่ให้อภัยจะทำยังไง?

แตงโม - "เอาจริงๆ มั้ย โมไม่อยู่เมืองไทยแน่ๆ ตั้งใจว่าจะไปต่างประเทศเลย คือขอไม่รับรู้เรื่องราวข่าวสารอะไรสักพักแล้วค่อยกลับมา"

?คิดว่าพี่ก้องเป็นคนที่ใช่และโมจะฝากชีวิตไว้ได้หรือเปล่า?

แตงโม - "โมว่าด้วยวัยเรามันก็ยังเด็กเกินไปสำหรับการฝากชีวิต แต่ถ้าถามว่าเราอยากจะให้สุดท้ายเป็นเราสองคนมั้ย เราอยากด้วยกันทั้งคู่อยู่แล้ว เราก็ไม่ได้อยากจะเปลี่ยนเป็นคนอื่นแน่ๆ"

?ที่โมกับก้องกลับมามีวันนี้ได้อีกครั้งเพราะอะไร?

แตงโม - "เป็นเพราะความรักและผูกพัน โมจะไม่ทำให้พี่ก้องเสียใจแล้วค่ะ"

ทำผิดแล้วยอมรับ ย่อมมีคำว่าให้อภัยเสมอ


คืนกำไรคนดู

"ดีมากกกกค่ะ" นางเอกสาว "แตงโม"ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ ลากเสียงยาว ถึงผลตอบรับละครเรื่อง "ดำขำ" ทางช่อง 7 ที่ตัวเองแสดงเป็น "หนูดำ"

จากนั้นก็เล่าว่า "ทุกคนเรียกแต่หนูดำ เมื่อไหร่จะดำอีก มีแต่คนอยากดูตอนโมตัวดำ เล่นเรื่องนี้โมไม่ห่วงสวย ถือเป็นช่วงคืนกำไรให้คนดูเพราะว่าบางเรื่องที่มีการปลอมตัวดูยังไงก็ไม่ต่าง แต่บทหนูดำนี่ต้องทำให้มันสุดตัวเพราะต้องการให้พระเอกรังเกียจ คนจะได้เข้าใจว่าทำไมพระเอกถึงเกลียดผู้หญิงคนนี้ได้ขนาดนี้"

ดาราสาวยังตู่ด้วยว่า บท "หนูดำ" นี้ ดูเหมือนว่าเขียนมาเพื่อตัวเธอเอง

"โมคิดว่าบทนี้เป็นตัวเองมากๆ หลายคนที่อยู่ในกองด้วยกันก็ยังบอกเลยว่าบทเขียนมาให้โมจริงๆ" แม้ละครจะเป็นคอมเมดี้ แต่ในเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดาราสาวได้พัฒนาฝีมือของตัวเอง ดูได้จากคำชมจากแฟนๆ  "จริงๆ แล้วโมรู้สึกแปลกใจ เพราะละครคอมเมดี้จะไม่ค่อยมีบทที่รู้สึกว่ามันใช้ความสามารถจริงๆ ไม่เหมือนละครดราม่า บางคนเล่นลึก ร้องไห้ลึก คนดูจะรู้สึกอินว่าคนนี้เก่ง โมเลยแปลกใจว่าทำไมโมมาเล่นเรื่องนี้แล้วคนกลับเห็นว่าเราทำได้ ก็ภูมิใจและดีใจเลยแหละ"

"ซึ่งละครคอมเมดี้ โมเคยเล่นบ้าๆ ตลกๆ ใน "ไยใบบ้า" มาแล้ว

แต่อันนั้นคนจะรู้ว่าแกล้งบ้าแกล้งทำให้ขำ แต่เรื่อง "ดำขำ" เหมือนว่าในชีวิตมันก็สามารถที่จะทำแบบนี้กับคนอื่นได้จริงๆ โมดูตัวเองเล่นยังฮาเลย คิดในใจว่าเราก็ทำไปได้เนอะ"นอกเหนือจากละคร "ดำขำ" ที่กำลังออกอากาศอยู่ในขณะนี้แล้ว แตงโมยังมีงานละครเรื่องใหม่จ่อคิว "ตอนนี้โมรอถ่ายเรื่อง รุกฆาต อยู่ ในส่วนของการเตรียมตัวคือโมควรจะไปเรียนศิลปะป้องกันตัว แต่ยังไม่ได้ไป เพราะยังไม่มีคิวเลย โมค่อนข้างหวั่นเหมือนกันกับละครบู๊ เพราะโมเคยประสบอุบัติเหตุมาแล้ว กระดูกกระเดี้ยวโมมันไม่ได้สมบูรณ์ดีนะ เข่าโมก็ยังมีปัญหาอยู่ แล้วโมไม่ค่อยออกกำลังกาย"

ผอมบางขนาดนี้จะไหวเหรอ

"โมไม่รู้ว่าขีดการแสดงของละครมากขนาดไหน แต่โมบอกตรงนี้เลยว่าโมสามารถทำได้เท่าที่โมทำได้ ถ้าอะไรที่หนักเกินไปไม่ฝืนจะทำแน่ เพราะโมเป็นห่วงสุขภาพ""แต่ยังไงโมก็ต้องทำเต็มที่เท่าที่ทำได้ค่ะ" ดาราสาวกล่าวอย่างมุ่งมั่น


โหมงาน-มุ่งมั่นประสบความสำเร็จ

หายหน้าจากจอทีวีไปพักหนึ่ง มาตอนนี้นางเอกสาว "แตงโม-ภัทรธิดา" ก็กลับคืนสังเวียน ซึ่งเจ้าตัวบอกกล่าวสาเหตุว่า


"เป็นเพราะช่วงนี้ดร็อปเรียน(หัวเราะ) มันจะสลับกันค่ะ ถ้าช่วงไหนที่งานไม่มีโมก็ไปเรียนอย่างเดียว แต่ช่วงไหนงานเยอะคือไม่เรียนเลย ตอนนี้โมเรียนอยู่ปี 3 (ม.ธุรกิจบัณฑิตย์) ก็คิดว่า 6 ปีคงจบ โมไม่เก่งพอที่จะทำสองอย่างไปพร้อมกันเพราะเป็นคนที่แยกสมาธิไม่ได้ แต่โมสัญญาว่ายังไงก็ต้องเรียนให้จบค่ะ"

โลดแล่นอยู่โลกมายามา 6 ปี ดาราสาวยอมรับว่า ตัวเองเปลี่ยนแปลงไปเยอะมาก

"โมเข้าวงการมาในช่วงวัยรุ่นต้นๆ แต่ตอนนี้โมวัยรุ่นกลางแล้ว ด้วยสังคมต่างๆ ที่เจอ ระบบการทำงาน สภาพแวดล้อม และอะไรหลายอย่างทำให้โมต้องมีเกราะป้องกันตัวเอง และมีความจริงใจในเวลาเดียวกัน ต้องทำให้มันอยู่ควบคู่ไปได้โดยที่เราไม่เจ็บตัว" ดาราสาวกล่าว และเผยต่อด้วยว่า "โมคงไม่ทำงานในวงการไปตลอดหรอก บอกได้เลยว่าถ้าวันหนึ่งอยู่ตัวแล้วโมออกแน่ๆ เพราะโมไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ โมรักอาชีพการแสดงเพราะความผูกพัน เพราะความสามารถนิดๆ หน่อยๆ ที่พระเจ้าให้มา แต่มันยังมีความสามารถอย่างอื่นที่พระเจ้าให้มา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของศิลปะศิลปิน โมเลยอยากทำอย่างอื่นด้วย เช่น อยากมีร้านเสื้อผ้าเป็นของตัวเองค่ะ"

ถามว่า คำว่า "อยู่ตัว" วัดจากอะไร?

ดาราสาวให้คำตอบว่า "เมื่อวันนึงมีกิจการซึ่งสามารถอยู่ได้ด้วยรายได้ของกิจการนั้น แต่กว่าจะไปถึงวันนั้นโมว่าก็อีก 10 ปี เพราะฉะนั้นก็สมควรแก่เวลาพอดี"

ณ วันนี้พอใจชีวิตมากน้อยแค่ไหน?

 เธอว่า "พอใจในระดับเดียวเอง โมพอใจในประสบการณ์และบทเรียนที่เจอ พอใจในจิตใจตัวเองที่เข้มแข็ง แต่ว่ามันยังไม่ถึงจุดมุ่งหมายที่ฝันไว้สักเท่าไร บางคนกว่าจะประสบความสำเร็จก็ต้องรออายุ 30-40 ปี แต่โมเป็นคนใจร้อน อยากจะมีทุกอย่างให้ได้ภายในวันนี้ เลยโหมทำงานเข้าไป แต่ถามว่าโมประสบความสำเร็จหรือยัง ก็ยัง เพราะโมยังเรียนไม่จบ ยังไม่มีกิจการของตัวเอง ยังผ่อนบ้านผ่อนรถไม่หมด"

สำหรับเป้าหมายสูงสุดของชีวิตนั้น เธอบอกว่า

"อยากให้พ่อสบาย สบายโดยที่นั่งเฉยๆ และอยากมีเงินก้อนเหลือที่จะรักษาพ่อในยามแก่ค่ะ"

ส่วนคติในการดำเนินชีวิต ดาราสาวกล่าวอย่างมีข้อคิดว่า

"ไม่มีคำจำกัดความ โมแค่คิดว่าเรามีความสามารถอะไรที่พระเจ้าให้มาเราต้องทำได้ทุกอย่าง อายุคนเราเฉลี่ย 70-80 ปี ถ้าใครทำอะไรได้เยอะที่สุดถือว่าเป็นกำไรชีวิต"

แต่อายุยังไม่ทันถึงครึ่งของเกณฑ์เฉลี่ย ก็ดูเหมือนว่า เธอจะทำอะไรต่ออะไรเยอะแยะจนคุ้มแล้วล่ะ



ชิ้นโบแดง

"ละครเรื่อง "อุ่นไอรัก" ค่ะ เพราะโมเป็นที่รู้จักจากเรื่องนี้" ดาราสาว "แตงโม-ภัทรธิดา" เอ่ยถึงผลงานชิ้นโบแดงของตนเอง ตั้งแต่ที่เข้าวงการมา 6 ปี

จากนั้นก็ขยายเหตุผลให้ฟังว่า "โมว่าองค์ประกอบโดยรวมทุกอย่างเกือบเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งการวางตัวนักแสดง บท จังหวะช่วงละครออก หลายอย่างทำให้ละครเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ และละครเรื่องนี้ก็ทำให้โมได้รับรางวัลจากหลายเวทีด้วยค่ะ"


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์