แดน-บีม จำใจต้องแตก

อวสานคู่ดูโอ แดน บีม ลงซะแล้ว ล่าสุดหลังจากบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) ได้เปิดห้องจัดแถลงข่าวยุติความเป็นนักร้องคู่ของซุปเปอร์สตาร์เมืองไทย


“แดน-วรเวช ดานุวงศ์”และ “บีม-กวี ตันจรารักษ์” ขึ้นเมื่อวันก่อน หลังจากทั้งคู่ได้ก่อตำนานบอยแบนด์ดังที่สุดในเมืองไทยอย่างวง “D2B” ขึ้นเมื่อปลายปี 2544 กับอีกหนึ่งหนุ่ม “บิ๊ก-อภิเชษฐ์ กิตติกรเจริญ”จนโด่งดังเป็นพลุแตก ส่งผลให้ “D2B” ทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งบอยแบนด์อันดับหนึ่งในเมืองไทย



แต่แล้วในวันที่ 22 ก.ค. 2546 วง D2Bต้องเกิดวิกฤติอย่างไม่ใครคาดคิด


เนื่องจาก“หนุ่มบิ๊ก”ประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่อาการสาหัส จากนั้นวงบอยแบรนด์ “D2B” จึงชะลอการทำอัลบั้มลงเพื่อรอดูสถานการณ์ต่างๆ จนในปี2548 ทั้งคู่กลับมาทำอัลบั้มอีกครั้งจากกระแสเรียกร้องที่ล้นล่าม ซึ่งเป็นไปตามคาดกระแสความแรงไม่ต่างจากสมัยเป็น 3 หนุ่ม “ D2B” เลยแม้แต่น้อย และออกเรื่อยมาจนถึงอัลบั้มชุดล่าสุด “DB2B” มนต์เสน่ห์ของสองหนุ่มก็ยังไม่เสื่อมคลายและกำลังจะเกิดคอนเสิร์ตใหญ่  “DAN BEAM Freedom Around The World Live in Concert” ณ  อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี วันที่ 3 พ.ย.นี้

แต่แล้ว“แดน-บีม”ก็ตัดสินใจประกาศยุติความเป็นดูโอดับตำนาน“D2B”

ลงแบบไม่มีวันรือฟื้นด้วยเหตุผลน่าฟังคือ “แตกเพื่อโต” แยกย้ายกันไปทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำทั้งเรื่องงาน และการเรียนท่ามกลางบรรยากาศสุดคึกคักของกองทัพสื่อมลชนนับร้อยคน และแฟนคลับที่มารอฟังข่าวแต่เช้าตรู่


โดยมีคุณอนุชา อรรธนาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการค่ายอะบอริจิ้นส์ ผู้ก่อสร้างบอยแบนด์ “D2B” ขึ้นมา เปิดใจกล่าวก่อนว่า

“จริงๆแล้วการเริ่มต้น D2B เกิดจากเด็กหนุ่มที่มีความคิดดีมีความรับผิดชอบดี 3 คน แต่พอเกิดเป็นD2B ขึ้นแล้วกลับมี 2 สิ่งเกิดขึ้นแบบไม่คาดฝัน หนึ่งในนั้นคือกระแสความแรงและ เหตุการณ์อุบัติเหตุอันไม่คาดฝัน จากนั้นเราก็รอดูสถานการณ์ต่างๆแต่ถ้ารอต่อไปความฝัน ความตั้งใจและมุ่งมั่นของ 2 หนุ่มต้องหายไป จึงเกิดอัลบั้มเฉพาะกิจขึ้นมาคือ “แดน-บีมดิอัลบั้ม” และในอัลบั้มนี้ก็ได้ความนิยมเหมือนเดิมจนถึงอัลบั้ม DB2B



พอมาถึงจุดตรงนี้เราคิดว่า แดน-บีมคือบอยแบนด์ที่อยู่ในอันดับสูงสุดจริงๆ


แต่ด้วยแนวคิดของแต่ละคนที่มีมากขึ้นทั้งเรื่องงานและเรื่องเรียน ผมเลยตัดสินใจว่าควรทำอะไรต่อไป ผมไม่อยากเห็นการแยกวงเกิดขึ้นเพราะเกิดการทะเลาะกันหรือ “แดน-บีม” เสื่อมลงแล้วจึงแตก ประกอบเรื่องการศึกษาเป็นเรื่องที่ทางบริษัทให้ความสนใจมาตลอด แดนก็อยากเรียนในสิ่งที่เค้าสนใจ ส่วนบีมก็อยากเรียนโทให้จบ ซึ่งถ้าด้วยระยะเวลางาน  และความรักจากแฟนคลับยังมากขนาดนี้มันเป็นไปไม่ได้แน่ ผมจึงอยากให้เขาทำตามความฝันของเค้า

และผมเชื่อว่าความคิดเห็นของผู้ใหญ่อย่าง  “เฮีย” คงเหมือนผม

คือไม่อยากให้แตกกันตอนวงเสื่อมความนิยม อย่างที่ผมบอกถ้าไม่มี “แดน-บีม” ไม่ใช่ว่าเค้าสองคนจะยุติเส้นทางนักร้องในตรงนี้ แต่เรายังได้เห็นผลงานอื่นๆเค้าต่อไปอย่างอย่างเรื่องละคร  พิธีกร พรีเซ็นเตอร์ ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการทำอัลบั้ม “แดน วอลลุ่มวัน  หรือ “บีม วอลลุ่มวัน” ก็ได้ เราก็ดูกันอยู่ซึ่งทางเราก็อยากให้ผลงานออกมาพิถีพิถันและดีที่สุด”

ด้าน “แดน” เสริมต่อว่าถึงสาเหตุการแยกวงจริงๆนั้นคือความประสงค์ทางบริษัท ซึ่งก็ขอยอมรับอย่างโดยดี  “อย่างที่พี่เกี๊ยะบอกว่าไม่อยากให้เราเลิกทำวงเพราะกระแสตกลง แต่อยากให้จบลงเพราะเรายังเป็นแบบนี้

ซึ่งผมเองก็เชื่อทางบริษัทเพราะว่าสร้างให้ “D2B” เป็นได้แบบทุกวันนี้

ส่วนข่าวเรื่องการทะเลาะต่อยกันในห้องอัดอยากบอกไม่มีเลย จำได้ว่าผมเคยทะเลาะกับพี่บีมครั้งเดียวเพราะพี่เค้าไม่ซื้อชานมไข่มุกตอนอยู่สิงคโปร์ด้วย อย่างเรื่องการขึ้นมึงกู  ด่าว่ากันนั้น สำหรับผมกับพี่บีมไม่เคยมีรับรองว่าการแยกวงในคราวนี้ไม่ได้เกิดจากความรู้สึกส่วนตัวแน่นอน 

กับเรื่องของค่ายต่างๆที่มีกระแสจีบไปร่วมค่าย อย่างแกรมมี่

ผมก็ต้องยอมรับว่ามี เพราะสัญญาเหลือแค่เพียง 1 ปี เท่านั้นเองก็อาจจะมีค่ายอื่นๆสนใจอยากร่วมงานด้วย  แต่ทั้งหมดเป็นแค่เพียงการพูดคุย   ส่วนค่าย “โซนี ฯ”เป็นอีกค่ายที่ย้ายไปหรือเปล่า  อันนี้ผมว่าเกิดเหตุการณ์นั้นจริงๆ ผมคงต้องมานั่งบอกกล่าวพี่ๆทุกคนอีกครั้งครับ”



ด้านบีม เปิดใจว่า เรื่องนี้เราทราบเมื่อ 2 วันที่แล้วครับ


ตอนนั้นก็ช็อคเหมือนกันแต่ว่าที่ผ่านมาเราได้ผ่านการพูดคุยเรื่องนี้กันมาแล้วสักระยะหนึ่ง และ เหมือนที่แถลงข่าวออกไปบางทีเราอาจจะมีสิ่งที่อยากทำแต่ไม่มีโอกาสจะได้ทำเพียงเพราะว่าเรามีข้อจำกัดแค่ตรงต้องทำงานด้วยกัน เราก็น่าจะเปิดโอกาสให้เราได้ทำตามความฝันของตัวเองทั้งผมและแดน ส่วนเรื่องพรีเซ็นเตอร์คงไม่กระทบหรอกครับนี้ยังมีพรีเซ็นเตอร์ “ฮานามิ” อีกตัวที่เราต้องทำด้วยกัน นอกนั้นคืองานโชว์ตัวส่วนต่อไปจะรับงานด้วยกันมั้ยคงต้องแล้วแต่ทางบริษัทอีกทีหนึ่ง”

เมื่อจบการแถลงแล้ว  “แดน-บีม”ได้เดินทางลงมาพบแฟนคลับซึ่งรออยู่เป็นจำนวนมาก
 
ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าสลด โดยทั้ง  2  หนุ่มได้เข้าไปทักทายและขอโทษบรรดาแฟนคลับที่หัวใจสลายในการยุบวงครั้งนี้ ทำเอาหลายคนถึงกับอดกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ถึงแม้จะเข้าใจเหตุผลก็ตาม โดยแฟนคลับส่วนหนึ่งเปิดใจพร้อมรอยน้ำตาว่ารู้สึกช็อคกลับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ไม่คิดและไม่อยากที่จะให้ D2B ต้องปิดฉากลงแบบนี้ แต่ถ้าเป็นการตัดสินใจของ 2 หนุ่มแล้ว ก็พร้อมยอมรับและติดตามผลงานต่อไป
 

ด้านแฟนคลับอีกจำนวนหนึ่งก็อดใจไม่ไหวออกวิ่งตามรถตู้ของ 2 หนุ่ม

พร้อมเรียกชื่อไม่หยุดผสมกับน้ำตา และอีกจำนวนไม่น้อยที่ต่างยื้อแย่งป้ายโปสเตอร์ใหญ่  “DAN BEAM Freedom Around The World Live in Concert” กันยกใหญ่เพื่อเป็นของระลึกชิ้นสำคัญ งานนี้คงไม่ต้องบอกว่ารอยรัก รอยอาลัยของบรรดาแฟนคลับนั้นมากมายขนาดไหน



เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี ดาราเดลี่


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์