เฮียฮ้อยินดีเป็นคนกลางฟิล์ม-แอนนี่ วอนตรวจดีเอ็นเอเพื่อเด็ก

 “ฟิล์มก็เหมือนลูกผม ผมจะทำอะไรกับฟิล์มต้องคิดเยอะเหมือนกัน โดยส่วนตัวรักเหมือนลูกเหมือนหลาน ผมดูแลฟิล์มมาตั้งแต่อายุ 17 ปี ปัจจุบันอายุ 25 ย่าง 26 ปี ดูแลเขาเหมือนลูก กว่าจะตัดสินใจเรื่องนี้ได้ก็คิดเยอะ ทั้งเรื่องสภาพจิตใจเขา ทั้งเรื่องธุรกิจที่เราเตรียมไว้ก็จะมีผลกระทบบ้าง เวลาที่เราจะทำอะไรกับลูกเราเองก็มีความเจ็บปวดอยู่แล้ว”

 เมื่อถามถึงประเด็นที่ฟิล์มอยากให้ตรวจดีเอ็นเอเด็ก แต่แอนนี่ไม่ยอม 
เฮียฮ้อกล่าวว่า คงต้องดูสักระยะนึง ดูสถานการณ์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ถ้าเรื่องของผู้ชาย-ผู้หญิง คบกัน แล้วมีปัญหากัน เลิกกัน จบได้ แต่วันนี้มีเด็กคนหนึ่งเกิดขึ้นมา ผมว่าอย่างน้อยเด็กคนนี้คงจะมีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าใครเป็นแม่ ใครเป็นพ่อ วันนี้ถ้าพิสูจน์แล้วว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของฟิล์ม ฟิล์มกับครอบครัวเขาก็จะต้องแสดงความรับผิดชอบอย่างที่เขาประกาศ ผมว่าถ้ารับผิดชอบจริงเรื่องก็จะแฮปปี้เอ็นดิ้ง ประชาชนก็จะพิจารณาเองว่าฟิล์มจะได้รับการต้อนรับจากประชาชนไหม

 ผู้ดำเนินรายการ ถามถึงกรณีที่พจน์ อานนท์ เล่าถึงเรื่องที่ฟิล์มเล่าให้ฟัง
เฮียฮ้อ กล่าวว่า ฟิล์มก็เล่าให้ผมฟังอย่างนั้น เขาก็เล่าให้ฟังว่าข้อมูลไม่ตรงกัน หลายๆ เรื่องมีหลักฐาน ผมก็บอกฟิล์มไปว่ามันเลยจุดนั้นไปแล้ว เป็นเรื่องของคนสองคนพูดไปก็ไม่รู้จะเชื่อใคร ถ้าให้ผมบอกคือเชื่อไม่ได้ทั้งคู่ และบางเรื่องที่ฟิล์มพูดมีหลักฐานหมดเลย มีการโอนเงินให้อะไรต่างๆ มันก็มากกว่าที่แอนนนี่พูด ผมก็บอกมันเลยจุดนั้นมาแล้ว

 ผู้ดำเนินรายการถามว่าเฮียฮ่อพร้อมจะเป็นคนกลางหรือไม่ จะอยู่ระหว่างที่ฟิล์ม-แอนนี่คุยกันหรือเปล่า เฮียฮ้อ ตอบ “ก็ยินดี ได้ครับ ถ้าคิดว่าวิธีนั้นเป็นประโยชน์ เป็นทางออกที่ดีได้ผมก็ยินดี”

 หลังจากให้สัมภาษณ์ในรายการ “เรื่องเด่นเย็นนี้” แล้ว เฮียฮ้อให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า “เฮียค่อนข้างมองโลกในแง่ดี อย่างที่บอกเรื่องนี้เป็นเรื่องของคนสองคนก็ต้องจบด้วยคนสองคน ในเรื่องที่ว่าจะมีผลกระทบต่อรายได้ของบ.อาร์เอสหรือไม่นั้นมันไม่มาก เพราะแผนงานของฟิล์มเป็นระยะกลางถึงระยะยาว ตอนนี้อยู่ในช่วงของการประสานงาน เรื่องที่พักงานของฟิล์มที่ไม่ได้ไปเกาหลี ตอนนี้ทีมงานกำลังประสานงานกับทางเกาหลีอยู่ ผลกระทบต่อรายได้ของอาร์เอสมีไม่มาก แต่จะกระทบต่อรายได้ของฟิล์มมากกว่า”

 ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่าข่าวค่อนข้างกดดันฟิล์มพอสมควร กลัวว่านักร้องหนุ่มจะคิดสั้นหรือไม่
“เฮียไม่กลัวเลย ก็บอกครอบครัวเขาตลอดว่าให้อยู่กับฟิล์ม เท่าที่คุยกันเมื่อเช้าเสียงฟิล์มก็ดูเศร้าๆ หงอยๆ อยู่ แต่เขาก็เข้าใจการตัดสินใจของบริษัท เขาขอโทษและขอบคุณ”

 ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าฟิล์มเจ้าชู้จริงไหม
เฮียฮ้อพยักหน้าแล้วหัวเราะ ก่อนตอบว่า “ก็เจ้าชู้จริง” และกล่าวว่า เรื่องทั้งหมดนี้ทิ้งไว้นานไม่มีใครมีความสุข วันนี้มีเด็กคนนึงเกิดขึ้นมาก็ควรที่จะหาข้อสรุปซะ มันเป็นเรื่องที่ไม่ยากเลยสำหรับประชาชนที่ติดตามข่าวสารเฮียอยากบอกว่า ศิลปิน ดารา นักร้อง เป็นคนธรรมดา เป็นเรื่องปกติที่เขาจะคบใคร มีครอบครัว เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้กับคนทั่วไปแต่บังเอิญว่ามาเกิดกับฟิล์มและแอนนี่ที่เป็นบุคคลมีชื่อเสียง ในเมื่อเกิดปัญหาแล้วต้องหาทางแก้ให้ได้” เฮียฮ้อกล่าว