แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น ที่อาจจะพูดได้ว่ามีความสำคัญไม่แพ้ มงกุฎนางงามจักวาล นั่นคือการประกวดการแต่งกายชุดประจำชาติ เพราะนอกจากจะเป็นการเผยแพร่เอกลักษณ์ วัฒนธรรมของแต่ละประเทศแล้ว การประชันชุดประจำชาติในแต่ละปี ยังถือเป็นสีสันบนเวทีนางงามโลกแห่งนี้เลยทีเดียว
เริ่มต้นที่ปี 1969 ที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งตัวแทนสาวไทยในปีนั้น มีนามว่า แสงเดือน แม้นวงศ์ ที่เธอเลือกเอาชุดของนางละคร ที่มีความอ่อนช้อยประณีตไปประชันบนเวที ซึ่งชุดนี้ก็สร้างประวัติศาสตร์ เพราะได้รับตำแหน่ง ชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยมมาฝากคนไทยเป็นครั้งแรก
ต่อมาในปี 1988 ที่ประเทศไต้หวัน ซึ่งความสำเร็จของ ''ปุ๋ย'' ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก ที่นอกจากจะทำให้คนไทยได้สมใจกับตำแหน่งนางงามจักรวาลเป็นคนที่ 2 ของสยามประเทศแล้ว ปีนั้นเธอยังเอารางวัล ''ชุดแต่งกายประจำชาติยอดเยี่ยม'' จากชุดไทยประยุกต์ที่ดัดแปลงมาจากชุดฉลองพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กลับมาอีกตำแหน่งด้วย
หลังจากนั้นคนไทยก็ต้องรอถึง 17 ปีเต็ม เมื่อการประกวดมิสยูนิเวิร์ส 2005 ที่ประเทศไทยรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการประกวด และ ''น้องน้อด'' ชนันภรณ์ รสจันทน์ ก็อวดชุดไทยประยุกต์ ที่มีมงกุฎและเครื่องประดับสมัยโบราณเป็นส่วนผสม จนท้ายที่สุดเธอก็พิชิตรางวัลชุดประจำชาติ เป็นคนที่ 3 บนแผ่นดินเกิดของตัวเอง
ครั้งที่ 4 ''น้องแก้ม'' กวินตรา โพธิจักร ที่ประกาศศักดาบนผืนสังเวียนขาอ่อน กับการคว้ารางวัลชุดประจำชาติมาฝากคนไทยได้อีกสมัย จากชุดมวยไทยโบราณ ซึ่งบอกถึงความอ่อนหวานตามแบบฉบับของสตรีไทย แต่ก็ยังแฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง กล้าหาญไม่แพ้ชายชาตรี
และสดๆร้อนๆ กับ ปี 2010 ตัวแทนสาวไทยคือ "ปุ๊กลุ๊ก-ฝนทิพย์" กับชุดประจำชาติ “สยามไอยรา” ก็ได้รับรางวัลชุดประจำชาติยอดเยี่ยมมาเหมือนกัน
https://www.facebook.com/teeneedotcom