เงินทองของ

นางเอก" สรรพนามที่ใครๆ ก็อยากใช้ มูลค่าของคำนี้ นอกจากจะร่ำรวยความสวยกว่าผู้หญิงทั่วไปแล้ว โดยมากหน้าตาที่งดงามยังนำไปสู่ฐานะการเงินที่ร่ำรวยอีกด้วย

แต่นอกจากสังขาร และความงามจะเป็นเรื่องไม่เที่ยงแล้ว เงินทองยังนับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่มันอาจจะอยู่กับนางเอกไม่นานนัก ถ้าไม่รู้จักดูแลรักษามันไว้อย่างดี

ไม่ว่านางเอกหรือนางร้าย พระเอกหรือพระรอง ก็ล้วนแต่มีเรื่องของเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าใครจะจัดการเงินทองของตัวเองอย่างไร

ยิ่งธรรมชาติของอาชีพดารานักแสดง โดยมากเงินมักจะเข้ามาง่าย และไว ดาราบางคนที่ไม่รู้จักบริหาร และรักษาเอาไว้ให้ดี เงินนั้นก็จะอยู่กับพวกเขาได้ไม่นาน แล้วก็จากไป เข้าตำรามาไวไปไว

จึงขอหยิบยกตัวอย่างของนางเอก 3 คนที่รู้จักบริหารและจัดการเงินทองได้อย่างน่าสนใจ

@"พอลล่า" เน้นซื้อคอนโดให้คนเช่า

เริ่มจากนางเอกโกอินเตอร์อย่าง"พอลล่า เทย์เลอร์" ที่ปีๆ หนึ่งมีรายได้ทั้งจากงานโฆษณา งานแสดง เดินแบบ และงานอีเวนท์ต่างๆ

พอลล่าบอกว่าด้วยความที่รู้จักธรรมชาติของตัวเองดี ว่าเป็นคนที่เก็บเงินสดๆ เอาไว้ไม่อยู่ จึงมักจะแปลงเงินสดให้อยู่ในรูปของสินทรัพย์ประเภทอสังหาริมทรัพย์เสียเป็นส่วนใหญ่

"อาจจะเป็นเพราะตอนอยู่ที่ออสเตรเลีย เห็นคุณแม่ทำพวกนี้มาก่อน ก็เลยซึมซับเรื่องพวกนี้ ได้ไอเดียของแม่เอามาใช้ ก็เลยติดนิสัยเป็นคนที่ชอบลงทุนโน่นนี่นั่นอยู่ตลอด พอลล่าว่าทุกอย่างเป็นเรื่องความมั่นคงทางอนาคตของเรา เพราะฉะนั้นเราต้องใส่ใจให้มาก ยิ่งตอนนี้เป็นช่วงที่พอลล่ามีรายได้เข้ามาเยอะ ถ้ารู้ว่าเป็นคนที่เก็บเงินไม่ค่อยอยู่ ก็ต้องหาทางเอาเงินไปลงทุน แปลงเป็นสินทรัพย์อย่างอื่นแทน "

เพราะมองว่าอาชีพนักแสดงเป็นอะไรที่อาจไม่ยั่งยืน พอลล่าบอกว่าในช่วงที่ยังมีเรี่ยวแรงในการสร้างรายได้ และสามารถทำมาหากิน ก็ต้องรู้จักเก็บออมและลงทุนให้เงินงอกเงยมากที่สุด เพื่อให้อนาคตเป็นไปอย่างมั่นคงที่สุด

นางเอกสาวลูกครึ่งเล่าให้ฟังว่า ส่วนใหญ่เมื่อมีรายได้เข้ามา เธอจะเน้นลงทุนในพวกอสังหาริมทรัพย์ โดยมากเป็นรูปแบบของการซื้อคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองให้คนเช่า บางทีก็ซื้อมาแล้วปล่อยขายเลยแล้วแต่โอกาส และจังหวะส่วนประเภทการลงทุนในที่ดินนั้น ยังไม่ค่อยได้ลงทุนด้านนี้เท่าไร

"โดยมากถ้าเป็นบ้านก็เป็นประเภทซื้อมาขายไป แต่ถ้าเป็นคอนโดมิเนียมก็ซื้อแล้วให้ฝรั่งเช่า โดยมากจะเลือกตรงใจกลางเมือง เพราะจะได้ราคาดีกว่า เพราะคนส่วนใหญ่ก็มักเลือกที่พักแถวใจกลางเมือง เนื่องจากมันสะดวกและประหยัดเวลา ดังนั้น เวลาเลือกซื้อก็จะดูตรงที่อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าหรือรถใต้ดินเป็นหลัก เพราะจะสามารถปล่อยเช่าได้ง่าย

ความจริงที่ซื้อคอนโดมิเนียมไว้ให้คนเช่า ทำมาได้ประมาณ 2-3 ปีแล้ว ที่ชอบลงทุนแบบนี้ ก็เพราะรู้สึกว่ามันเป็นการลงทุนที่ไม่เน่าไม่เสีย ไม่บุบสลาย เพราะคอนโดมิเนียมถึงแม้ไม่มีคนเช่า มันก็ไม่เสีย ราคาก็ไม่ตก ราคามีแต่จะขยับขึ้นทุกวัน"

วิธีการของพอลล่าคือ ไม่ได้ซื้อด้วยเงินสดทุกแห่ง แต่จะใช้วิธีเตรียมเงินดาวน์ไว้ประมาณ 30% ของราคาคอนโดมิเนียม จากนั้นก็ผ่อนชำระทุกเดือน แต่พอปล่อยเช่าได้ ก็เท่ากับเอาค่าเช่าตรงนั้นมาผ่อนชำระกับแบงก์ ทำให้ไม่ต้องควักเงินต้น เช่น สมมติแต่ละเดือนต้องผ่อนเดือนละ 5 หมื่นบาท แต่ได้ค่าเช่าเดือนละ 6 หมื่นบาท ก็เท่ากับว่า ไม่ต้องใช้เงินเราเองเลย แถมมีเงินเหลืออีกหมื่นหนึ่งมาเป็นรายได้ และในอนาคตเมื่อผ่อนหมดก็จะเป็นสินทรัพย์ของเรา ที่เก็บกินไปได้ตลอด

"ถือว่าการลงทุนในช่องทางนี้ เป็นอะไรที่เราถนัด ก็เลือกที่จะทำแบบนี้ดีกว่า"

นอกจากพอลล่าจะลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักแล้ว เธอเพิ่งลงทุนเปิดร้านเสื้อผ้าชื่อร้าน POLITA ที่เซ็นทรัลเวิลด์

ส่วนหุ้นก็มีลองลงทุนบ้าง แต่ไม่เยอะ เพราะไม่ค่อยมีเวลาติดตามสถานการณ์เท่าไร อีกอย่างรู้สึกว่าลงทุนในหุ้นแล้วเครียด เหมือนเล่นการพนันเลย เลยคิดว่าไม่เหมาะกับเราเท่าไร แต่เงินในส่วนที่ลงทุนในหุ้นส่วนใหญ่จะเป็นเงินเย็น ไม่มีเงินที่เล่นระยะสั้น

"ส่วนช่องทางออมอื่นๆ นอกจากฝากแบงก์ ก็มีซื้อประกันไว้บ้างเล็กน้อย เพราะเป็นคนที่รักษาสุขภาพได้ดีอยู่แล้ว ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย ก็เลยคิดว่าไม่จำเป็นต้องทำมาก"

ในแง่ของการจับจ่ายใช้เงิน พอลล่ายอมรับว่าเป็นคนที่ใช้เงินเก่งพอสมควร ยิ่งตอนเด็กเวลาอยากได้อะไรก็จะซื้อเลย ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลัง แต่พอโตขึ้นก็เริ่มคิดและคำนวณก่อน ว่าของชิ้นนั้นมีความคุ้มค่าแค่ไหน กับเงินที่ต้องจ่าย ซึ่งโดยมากเวลาจ่ายก็จะจ่ายผ่านบัตรเครดิต เพราะสะสมแต้มเอาไว้แลกตั๋วเครื่องบินได้ เนื่องจากเป็นคนที่เดินทางบ่อย

"คือความเป็นผู้หญิง บางทีก็ชอบชอปปิงเป็นเรื่องธรรมดา ยิ่งเราเป็นดารา ต้องออกงานบ่อย บางทีใส่ชุดซ้ำก็ไม่ได้ ต้องลงทุนซื้อชุดใหม่บ้าง เพื่อรักษาภาพพจน์ให้ดูดีตลอดเวลา "

แต่ถึงแม้จะใช้จ่ายยังไง ปกติในแต่ละเดือนพอลล่าบอกว่าจะต้องรู้ว่ามีรายได้เข้ามาเท่าไร และมีค่าใช้จ่ายเท่าไร และอะไรบ้างที่ต้องชำระ เช่น นอกจากค่าใช้จ่ายประจำวัน ค่าผ่อนบ้าน และคอนโดมิเนียมเท่าไร จะได้รู้กระแสเงินสด

โดยรวมๆ แล้วพอลล่ายอมรับว่าเธอเป็นคนที่วางแผนการใช้เงินพอสมควร เพราะเชื่อเสมอว่าคนที่ชอบเรียนรู้ และวางแผนกับชีวิต ต่อไปอนาคตจะสบายแน่นอน

@แพนเค้กแนะวัยรุ่นใช้เงินอย่างรู้คุณค่า

"แพนเค้ก" หรือ "เขมนิจ จามิกรณ์" นางเอกดาวรุ่งแห่งวิก 7 สี เป็นนักแสดงอีกคนที่แม้จะมีรายได้เข้ามาเยอะ แต่เธอก็รู้จักจัดการกับเงินก้อนที่ไหลเข้ามาได้เป็นอย่างดี โดยเมื่อมีรายได้จากการแสดง เดินแบบ พรีเซ็นเตอร์ หรืองานอีเวนท์ต่างๆ เข้ามา นอกเหนือจากที่คุณแม่จะเก็บเข้าแบงก์แล้ว ก็มีส่วนหนึ่งจัดสรรไปซื้อทรัพย์สินประเภทบ้าน และส่วนหนึ่งนำไปต่อยอดธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่ครอบครัวทำอยู่ ความจริงอนาคตก็อยากมีธุรกิจเป็นของครอบครัวเหมือนกัน เพราะที่บ้านชอบทำขนม ทำคุกกี้กินกันประจำ ในอนาคตก็อาจจะเปิดร้านเบเกอรี่เล็กๆ

"ตอนนี้แพนเค้กยุ่งกับงานแสดงแถมยังเรียนอยู่ โดยมากพอมีรายได้เข้ามา ก็ให้คุณแม่เป็นคนจัดการกับเงินไปเลย แต่โดยปกติแพนเค้กก็ไม่ค่อยได้ใช้เงินอะไรเท่าไรอยู่แล้ว อาจจะมีบ้างเวลาไปโรงเรียน แม่อาจจะให้เงินติดตัวไปบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่มาก แต่ถ้าถามว่าใช้เงินเก่งมั้ย ปกติก็ไม่ค่อยมีเวลาไปซื้อของ เพราะฉะนั้นก็จะซื้อเป็นช่วงๆ นานๆ ได้ซื้อทีก็ซื้อเยอะเหมือนกัน แต่โดยมากจะซื้อตอนเซล

ถึงแม้จะซื้อตอนเซล แต่แพนเค้กก็มักจะดู เมื่อซื้อมาแล้วสามารถใช้งานได้จริงๆ แค่ไหน หรือใช้ได้อย่างคุ้มค่ารึเปล่า เธอบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้สินค้าแบรนด์เนมก็ใช้ได้ ไม่เคยเกี่ยง ปกติก็ใช้ของธรรมดามาตลอด ขอให้ซื้อมาแล้วได้ใช้งานจริงๆ เท่านั้นก็แล้วกัน

"แพนเค้กโชคดีกว่าเพื่อนๆ นักแสดงคนอื่นๆ เพราะมีแม่ที่คอยช่วยดูเรื่องบัญชีและภาษีให้ ส่วนเพื่อนๆ นักแสดงเขาต้องทำเองกันหมด บางทีก็เห็นเครียดเหมือนกัน เพราะภาษีเป็นเรื่องตัวเลข ปกติเรื่องเงินๆ ทองๆ สำหรับนักแสดงก็เป็นเรื่องยาก นั่นทำให้เราต้องรอบคอบ"

ในฐานะวัยรุ่นคนหนึ่ง แพนเค้กพูดถึงพฤติกรรมการใช้จ่ายเงินทองของเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ ว่าเป็นเพราะทุกคนเกาะกระแสแฟชั่น ต้องแต่งตัวตามแฟชั่น นิยมแต่งตัวตามเทรนด์ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดความสิ้นเปลือง จริงๆ แล้วเธอบอกว่าเราควรจะใช้จ่ายตามฐานะที่เรามีจะดีที่สุด ไม่ต้องอยากได้อยากมีตามคนอื่น

"ความจริงแพนเค้กว่าตอนนี้ที่ทุกคนพูดถึงเรื่องกระแสเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะความต้องการของคนเรามักไม่หยุดและไม่สิ้นสุด แพนเค้กอยากให้ทุกคนใช้จ่ายตามสภาพฐานะของแต่ละคนจะดีกว่า ใช้ตามที่เรามี กินตามที่เรามี มีน้อยใช้น้อย ไม่ต้องไปเห่อตามกระแสหรือตามแฟชั่นมาก "

แพนเค้กฝากบอกถึงวัยรุ่นยุคนี้ว่า ถ้าเรายังไม่ได้ทำงานหรือหาเงินได้เอง เวลาจะใช้เงินก็ควรจะนึกถึงคุณค่าของเงินให้มากเข้าไว้ ที่สำคัญคือ อยากให้ใช้เงินตามความจำเป็น จริงอยู่ ทุกคนมีวิถีชีวิตของตัวเองที่แตกต่างกันไป มีฐานะทางการเงินที่แตกต่างกัน แต่ถ้าเราไม่มี เราก็ไม่ต้องทำเหมือนคนรวย ไม่ต้องใช้ของแพง หรือหรูหราฟุ่มเฟือยอย่างคนอื่นเขา

แพนเค้กยกตัวอย่างของตัวเธอเอง ว่าปกติก็ไม่ค่อยมีนิสัยตื่นเต้นกับการที่มีเงินหรือมีรายได้เข้ามา แม้จะเป็นทุกวันนี้ที่ครอบครัวของเรามีเงินเข้ามามากขึ้นก็ตามที แต่เธอยังใช้ชีวิตทุกอย่างเหมือนเดิม ก็ไม่ได้รู้สึกอยากได้อยากมี ใช้จ่ายอย่างเดิม อย่างที่เคยใช้ชีวิตมา ไม่ใช่ว่าพอวันนี้มีเยอะ เราจะใช้เยอะ หรือไม่ใช่ว่าเงินเข้ามาเยอะ แล้วเราต้องรีบใช้

"เมื่อไม่มีก็ใช้อย่างไม่มี เราเคยผ่านตรงนี้มานานแล้ว เมื่อมีเงินก็ต้องรู้จักใช้ ไม่ใช่เก็บอย่างเดียว เราก็ต้องรู้จักใช้ให้เหมาะสม ใช้อย่างมีความสุข ข้อสำคัญคือ เมื่อเรามีเงินเยอะขึ้น สิ่งหนึ่งที่ไม่ควรลืมคือ ยื่นมือเข้าช่วยเหลือคนอื่นด้วย เพราะแพนเค้กถือว่าเงินที่ได้มาทุกวันนี้ เป็นเพราะประชาชนให้มาทั้งนั้น เมื่อมีโอกาสก็ต้องตอบแทนคืนให้สังคมด้วย "

@"นุ่น" กระจายลงทุนใน "เพชร-ทองคำ-อสังหาฯ"

นางเอกอีกคนหนึ่งที่มีวิธีจัดการเงินทองอย่างน่าสนใจ คือนุ่น "วรนุช วงศ์สวรรค์" นุ่นบอกว่าซื้อทองเก็บสะสมไว้ตั้งแต่ 3-4 ปีที่ผ่านมาแล้ว เพราะถือว่านี่เป็นการออมเงินอย่างหนึ่ง เพราะเราไม่ใช่นักลงทุนเหมือนคนอื่น ก็ต้องลงทุนอะไรที่มองระยะยาวเป็นหลัก แต่ช่วงนี้ราคาเริ่มแพงขึ้นก็ชะลอการลงทุนด้านนี้ และตอนนี้เริ่มหันมาสะสมเพชร และอสังหาริมทรัพย์ ซื้อที่ดิน และมองเรื่องการลงทุนด้วยการซื้อคอนโดมิเนียม

"ตอนนี้เริ่มพักการลงทุนในทองคำ เพราะราคามันก็เริ่มแพงตอนนี้หันมาซื้อเพชรเก็บไว้แทน คือ มันเริ่มจากพี่สาวนุ่นเขาชอบเพชร พอเขาบอกถึงข้อดีของเพชร นุ่นก็เลยซื้อเก็บสะสมไว้บ้าง ซึ่งการลงทุนในเพชรก็ไม่ง่าย เราต้องดูให้แน่ใจว่าเป็นเพชรที่ซื้อจากไหน มีคุณภาพหรือเปล่า มีใบรับรองรึเปล่า น้ำดีแค่ไหน เพราะถ้าเป็นเพชรดี ราคาก็จะไม่ตกและมีแต่ขยับขึ้น เพราะฉะนั้นก่อนซื้อก็ต้องเช็คให้มั่นใจ"

วรนุชบอกว่าถ้าเป็นไปได้ ก็อยากทำพวกโครงการคอนโดมิเนียมหรืออพาร์ตเมนต์ แต่นั่นเป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ก็เริ่มจากการซื้อคอนโดมิเนียมเอาไว้ปล่อยเช่าหรือขายต่อไปก่อน อนาคตถ้าดีก็อาจจะซื้อเพิ่มขึ้น

"นุ่นคิดว่าช่วงที่ยังมีแรงทำงาน ก็จะพยายามทำงานเก็บเงินไปเรื่อยๆ ก่อน ส่วนจะเก็บในรูปแบบไหนก็แล้วแต่ความชอบ และความถนัดของแต่ละคน "

@แนะนางเอกให้กระจายความเสี่ยง

"ดารบุษป์ ปภาพจน์" ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บลจ.พรีมาเวสท์ บอกว่าโดยหลักแล้ว ไม่ควรเน้นลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว เพราะหากเกิดความเสี่ยงใดๆ ที่กระทบกับการลงทุนประเภทนั้น ก็อาจมีผลกระทบกับกระแสรายได้ เช่น บางท่านอาจชอบลงทุนในซื้อคอนโดมิเนียมให้เช่า

สิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ ทำเลมีศักยภาพเพียงใดในระยะยาว อัตราการเข้าพักเต็มตลอดปีหรือไม่ สัญญาเป็นลักษณะปีต่อปี ทำให้มีความเสี่ยงที่จะไม่มีผู้เช่า หรือผู้เช่าขาดช่วง ส่งผลให้ขาดรายได้ และต้องมีต้นทุนปรับปรุงตกแต่ง เพื่อดึงดูดผู้เช่าใหม่ทุกปีหรือไม่

นอกจากนี้ หากไม่มีผู้เช่าก็ยังต้องจ่ายค่าส่วนกลาง ซึ่งเป็นต้นทุนที่เกิดขึ้นตลอดไม่ว่าจะมีหรือไม่มีผู้เช่าก็ตาม ดังนั้น หากเมื่อใดตลาดการให้เช่าคอนโดมิเนียม เกิดความซบเซา เจ้าของอาจได้รับค่าเช่าลดลง หรือไม่ได้เลย และอาจมีต้นทุนนานัปการเกิดขึ้นอีกด้วย

อันที่จริงแล้วอสังหาริมทรัพย์นั้นมีหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การค้า โรงแรม หรือนิคมอุตสาหกรรม แต่ที่บุคคลทั่วไปคิดว่าสามารถบริหารจัดการได้เองนั้น มักจะมีเพียงอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่พักอาศัยเท่านั้น ดังนั้น ผู้ลงทุนอาจกระจายการลงทุนไปยังอสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่นที่บริหารจัดการโดยมืออาชีพ โดยผ่านกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ได้

นอกจากนั้นแล้ว ควรจะกระจายการลงทุนไปยังเงินฝาก และตราสารหนี้ โดยการจัดเงินให้มีเงินครบเป็นระยะๆ แทนที่จะเก็บเงินสดไว้ในบัญชีออมทรัพย์ โดยได้ผลตอบแทนต่ำมากๆ เมื่อเทียบกับการฝากเงินระยะยาว เช่น ทยอยฝากเงินหรือซื้อพันธบัตรอายุประมาณ 3 ปี ทุกเดือน จะพบว่าเราจะได้ผลตอบแทนสูงกว่าการฝากออมทรัพย์ตลอดระยะเวลา 3 ปี โดยที่มีเงินทยอยครบอยู่อย่างสม่ำเสมอทุกเดือน ถือว่าได้ประโยชน์สองสถานในการเดียว คือ ได้ทั้งผลตอบแทนและสภาพคล่องนั่นเอง

ในส่วนการลงทุนในเครื่องประดับของมีค่านั้น ถือว่าเป็นประโยชน์ส่วนเพิ่มจากความพึงพอใจที่ได้รับ โดยข้อจำกัดของการลงทุนในเครื่องประดับ คือ ราคาจะอ้างอิงขึ้นอยู่กับราคาโลหะมีค่าในตลาดโลก ซึ่งขึ้นลงตามปริมาณความต้องการ และปริมาณที่ผลิตได้ ซึ่งหากเป็นช่วงที่โลกเผชิญความเสี่ยง ก็มีโอกาสที่ราคาโลหะมีค่าจะเพิ่มมากขึ้น

แต่ในทางกลับกันราคาก็มีโอกาสลดลง หรือไม่เพิ่มขึ้นเป็นระยะเวลายาวนาน โดยไม่ให้ผลตอบแทนใดๆ ระหว่างที่ครอบครองเครื่องประดับดังกล่าว คือ ไม่มีค่าเช่า ดอกเบี้ย หรือเงินปันผล อย่างไรก็ตาม การลงทุนในโลหะมีค่าในสัดส่วนที่เหมาะสม ช่วยกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุนโดยรวมได้

นั่นเป็นมุมมองของนางเอก 3 คน 3 สไตล์ ที่แม้จะแตกต่างกันบ้างในเรื่องรูปแบบการเก็บออม แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ พวกเธอเป็นนางเอกที่รู้จักจัดการกับเงินทองที่หามาได้อย่างอยู่หมัด


เงินทองของ


เงินทองของ


เงินทองของ


เงินทองของ


เงินทองของ


เงินทองของ


เงินทองของ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์