พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย

พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย

เชื่อมั้ย? ตั้งแต่ทำงานมา ไม่เคยคุยกับใครแล้วยิ้มได้ขนาดนี้ เพราะไม่ว่าเราจะชวนเธอคุยเรื่องอะไร คำตอบและรอยยิ้มที่ส่งมาให้ ทำเอาโลกทั้งใบสดใสขึ้นได้อีก และยิ่งได้ฟังเรื่องเล่าสมัยเด็กๆ ตอนที่อยู่ออสเตรเลียด้วยแล้ว ก็ทำให้รู้ว่า ผู้หญิงคนนี้ความคิดดีทีเดียว เรากำลังพูดถึง นักแสดง วีเจ มากความสามารถ พอลล่า เทเลอร์ ที่วันนี้มีคิวว่างให้เรามาพูดคุยกันถึงที่ทำงานake 1
?เราเกิดที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ในเมืองไทย เพราะคุณแม่อยากให้ลูกมีสัญชาติไทย แต่พออายุได้ 4-5 เดือนก็กลับไปใช้ชีวิตที่ออสเตรเลีย เพราะคุณพ่อ คุณแม่ทำงานที่นั่น ตอนเด็กๆ เราถูกเลี้ยงดูทั้งแบบไทยและแบบฝรั่งปนๆ กันไป คุณพ่อก็ค่อนไปทางฝรั่งหน่อย ส่วนคุณแม่ก็จะดุมากกกกก (ลากเสียงยาว) ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่ได้เปรียบเทียบการเลี้ยงดูของครอบครัวเรากับใคร แต่พอโตขึ้นก็ลองเทียบกับเพื่อนๆ ปรากฏว่าเราดูฝรั่งกว่าเขาเยอะ มีชีวิตที่อิสระกว่า กล้าที่จะตัดสินใจ กล้าแสดงออกมากกว่า อย่างคนไทยเวลาทำอะไรแล้วพลาดก็จะไม่กล้าทำซ้ำ แต่ถ้าเป็นเรา ถ้าเราล้มเหลวครั้งแรก ครั้งต่อไปเราก็ต้องทำสิ่งนั้นให้ได้ ทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสำเร็จ?
Take 2
?เราเคยเรียนอนุบาลที่เมืองไทยด้วย ชื่อโรงเรียนเรวดี จำได้ว่าคุณครูชื่อ ครูปู ก่อนกลับบ้านจะเป็นเด็กคนเดียวที่ผมสวยทุกวันเพราะคุณครูทำผมให้ (หัวเราะ) แล้วก็จะมีพวกพี่ๆ ที่อายุเยอะกว่ามาเล่นกับเราทุกวันหลังเลิกเรียน มีซื้อขนมให้ตลอดเลย เรียนที่โรงเรียนเรวดีได้ 4-5 เดือนก็ย้ายไปเรียนที่ St. Brigid?s Primary School ประเทศออสเตรเลีย ช่วงที่เรียนประถมฯ เราเรียนเก่งมาก เราจะชอบอะไรที่เป็นครีเอทีฟ จะแข่งขันระบายสีแล้วก็ชนะตลอด เป็นเด็กเรียน แต่จะเงียบๆ ขี้อายๆ ทุกเทอมคุณครูจะเขียนในสมุดรายงานให้คุณพ่อ คุณแม่ดูว่าลูกอยู่ที่โรงเรียนเป็นยังไง มีตรงไหนดี ตรงไหนควรปรับปรุง แล้วสิ่งที่เราโดนครูติตลอดก็คือ เป็นคนเงียบ ไม่ค่อยตอบคำถาม ซึ่งเราก็รู้คำตอบนะ แต่ไม่กล้ายกมือตอบ ได้แค่คิดว่า ไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้ค่อยตอบใหม่ก็ได้ (หัวเราะ) ก็จะเหมือนๆ นักเรียนไทยที่ขี้อาย ไม่กล้าตอบคำถาม แต่พอเข้ามัธยมฯ เราก็โอเคนะ ไม่อายแล้ว (หัวเราะ) ช่วงเรียนประถมฯ ก็ไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมอะไรมาก มีไปเที่ยวบ้านเพื่อนบ้างแต่ก็น้อย เพราะคุณแม่ไม่ค่อยให้ไปไหน เวลาว่างส่วนใหญ่ก็จะหมดไปกับการอ่านหนังสือ?
?พอเรียนมัธยมฯ เราต้องย้ายโรงเรียนถึง 4 รอบ ไม่น่าเลย (หัวเราะ) เพราะว่าเราย้ายบ้าน 2 ปีแรกเราเรียนที่ La Salle College ซึ่งอยู่ไกลกับบ้านมาก ต้องนั่งรถเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะถึง แต่โรงเรียนนี้เราชอบนะ เด็กๆ จะรู้จักกันเยอะดี จากนั้นเราก็ย้ายมาเรียนที่ John Wollaston Anglican Community School เพราะ เพิ่งรู้ตอนหลังว่าโรงเรียนนี้เดินทางจากบ้านมาแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้ว เฮ้อ (หัวเราะ) อุตส่าห์นั่งรถไกลๆ มาตั้ง 2 ปี เซ็งเลย แต่เราก็เรียนโรงเรียนนี้ได้แค่ 1 ปี เพราะว่าคุณแม่ต้องย้ายรัฐไปอยู่ Brisbane ตอนนั้นคุณแม่ส่งเราไปอยู่กับคุณป้า ท่านก็เลยให้สมัครโรงเรียนแถวบ้านชื่อ Wynnum North State High School เป็นโรงเรียนรัฐบาลแต่เราไม่ชอบ เรียนไปได้สักพักก็ย้ายไป เรียนที่ Corpus Christi College ก็เรียนที่นี่จนจบม.6?

?โตขึ้นกิจกรรมก็ได้ทำเยอะขึ้น เจ๋งสุดก็เป็นแคมป์ แต่เราไม่ได้เข้าร่วมเท่าไหร่ เพราะช่วงไฮสคูล คุณแม่เปิดร้านอาหาร หลังเลิกเรียนเราก็ต้องไปร้าน ทำทุกอย่างตั้งแต่ ล้างจาน เสิร์ฟ รับออร์เดอร์ เช็ดโต๊ะ ถูพื้น เบื่อมาก (หัวเราะ) ไม่ชอบเลย ทำงานไปก็บ่นไป โตขึ้นจะไม่ทำอีกแล้วๆ (หัวเราะ) แต่นั่นก็ทำให้เราเรียนรู้ว่าการทำงานเป็นอย่างไร เหนื่อยแค่ไหน?

Take 3
?เราเริ่มทำงานครั้งแรกตอนอายุ 12 ขวบ จำได้ว่าตอนนั้นปิดซัมเมอร์ประถมฯ กำลังจะเข้ามัธยมฯ ก็มาเที่ยวเมืองไทย เพราะไม่ได้มาหลายปี ก็เจอแมวมอง ได้แคสติ้ง แล้วก็ได้โฆษณารองเท้ายี่ห้อหนึ่ง จากนั้นก็มีงานมาเรื่อยๆ คือเราเรียนที่ออสเตรเลีย แต่บินกลับมาทำงานที่เมืองไทย ตอนเด็กๆ เราได้โฆษณาเยอะเพราะว่า เราถ่ายแค่ 2 เดือนแล้วก็หายไปเรียน พอกลับมาใหม่ก็ได้ถ่ายอีก เหมือนหน้าเปลี่ยนไป ประมาณนั้น (หัวเราะ) ช่วงที่เราได้งานทำ แม่ก็บอกว่า พอลล่า ต่อไปนี้ทำงานแล้ว แม่จะไม่ให้ค่าขนมแล้วนะ เราก็หา?(เสียงสูง) ทำไมเป็นอย่างนี้ละ (หัวเราะ) แต่อีกแง่ก็คือ เราอายุแค่นี้ ทำงานหาเงินเองได้ มีเงินเยอะกว่าเพื่อนๆ รุ่นเดียวกัน ไปโรงเรียนก็มีเงินซื้อไอศกรีม ซื้อขนม ซื้อเสื้อผ้าเอง เพราะตอนนั้นคุณแม่ก็ไม่ซื้อเสื้อผ้าให้แล้ว ก็ตั้งแต่ตอนนั้นเลยที่เราซื้อของเอง เก็บเงินเอง อยากได้อะไรก็ซื้อเอง ไม่ต้องหวังแม่แล้ว (หัวเราะ) การที่เราทำงานตั้งแต่เด็กๆ ทำให้เรามีอิสระ มีเงินใช้ ไม่ต้องขอคุณพ่อ คุณแม่ รู้จักพึ่งตัวเองมากขึ้น??เราว่า การใช้ชีวิตของเด็กที่ออสเตรเลียช่วงวัยก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ได้เข้มงวดเหมือนเมืองไทย อย่างเด็กม.4 ที่นี่ก็เริ่มสอบเทียบ เริ่มเรียนทุกอย่างที่เกี่ยวกับมหาวิทยาลัย แต่ความคิดเราไม่เห็นว่าจะดีเท่าไหร่ เพราะรู้สึกว่า เด็กอายุ 14-15 ขวบ ยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองอยากทำอะไร อย่างที่ออสเตรเลีย เขาจะให้เด็กเรียนตามปกติ จะกวดขันเรื่องวินัยมากกว่า พอเรียนจบก็ค่อยไปเลือกว่า ม.6 อยากทำอะไร คือไม่ได้บังคับให้เด็กเครียดเรื่องเรียนตั้งแต่เด็กๆ เราว่าแบบนี้ดีนะ คือเราก็เห็นคนไทยหลายคนพอเรียนจบมาก็ไม่ได้ทำงานตรงตามที่เรียน อย่างบางคนเรียนหมอแต่ก็มาทำหนัง?

?จริงๆ แล้วก็อยากให้เด็กเป็นเด็กแล้วเรียนไปก่อน พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ค่อยเต็มที่ เรารู้สึกว่าคนไทยเรียนเก่งแต่เรียนหนักมาก จำได้ว่า เราเคยเข้าเรียนที่ ABAC ประมาณ 2 อาทิตย์แรกเรียน Intensive ก่อน อย่างวิชาเลข เราไม่เคยเห็นมาก่อน แต่เพื่อนๆ คนไทยก็บอกว่า อ๋อ เนี่ย ที่เรียนตอนม.4 ไง เราก็หา?(เสียงสูง) ม.4 ก็เหวอไปเลย อาจเป็นเพราะเมืองไทยมีระบบเอนทรานซ์ด้วยมั้งก็เลยทำให้เด็กมีการแข่งขันกัน มาก อย่างตอนที่จะจบม.6 เราเปลี่ยนความคิดบ่อยมาก อยากเป็นแอร์โฮสเตส อยากเป็นนักธุรกิจ คือช่วงวัยนี้เป็นช่วงค้นพบว่าเราอยากทำอะไร เป็นช่วงที่ควรจะปล่อยให้เด็กค้นหาตัวเอง เราเชื่อว่า การศึกษาเป็นอะไรที่เปิดโอกาสให้เราอยากทำอะไรก็สามารถทำได้ อย่างน้อยก็มีโอกาสเลือกได้ว่า เราอยากเรียนอะไร หรือไม่อยากเรียนอะไร พอเลือกได้แล้วเราก็จะได้เต็มที่กับมัน สำหรับคนที่จะไปเรียนต่างประเทศ นอกจากจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ แล้ว ถ้าอยากได้ภาษาพยายามอย่าเกาะกลุ่มกับคนไทยด้วยกันเอง ควรหาเพื่อนหลายๆ ชาติไว้คุย แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันบ้าง แล้วเราจะได้อะไรกลับมาเยอะมากกว่าความรู้เพียงอย่างเดียว?

พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย


พอลล่ากับชีวิตในวัยเด็กที่ออสเตรเลีย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์