ชุมทางหนังไทยในอดีต (เพื่อการสนทนาและค้นหาข้อมูล)




ด้วยแรงปรารถนาที่จะให้คนรักหนังไทยเก่าๆได้มีเรื่องหรือหัวข้อสนทนาเกี่ยวกับหนังไทยเก่าๆ เพิ่มมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้
ชุมทางหนังไทยในอดีตจึงเปิดตัวขึ้นมาเพื่ออาสาเป็นศูนย์กลางในการสนทนาและช่วยกันค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับไทยเก่าๆ ด้วยจิตมุ่งหมายให้คนรุ่นหลังๆ ได้ทราบถึงเรื่องราวอันยิ่งใหญ่ของอดีตหนังไทย

1) ถ้าต้องการดูรายชื่อหนังไทยเก่าและปีที่หนังออกฉาย โปรดดูได้ที่ A935 ผมเอาไปลงไว้แล้วประมาณ 4,000 เรื่องครับ
2) ถ้าต้องการดูรูปภาพดาราเก่าๆ – ใบปิดโฆษณาหนังไทย - สอบถามข้อมูลอื่นๆ ของหนังไทยเก่า โปรดแจ้งความจำนงไว้ก่อนครับ ผมจะพยายามค้นคว้าหามาตอบให้เร็วที่สุด (และเปิดกว้างให้เพื่อนสมาชิกท่านอื่นๆ ที่มีข้อมูลนั้นๆ ร่วมให้ข้อมูลโต้ตอบสนทนาด้วยครับ)

หนังไทยจะได้ไม่มีวันตายไปจากหัวใจเราทุกคน....

































 




ชู้

ค่าย; เปี๊ยก โปสเตอร์ฟิล์ม
กำกับการแสดง; เปี๊ยก โปสเตอร์
อำนวยการสร้าง; เปี๊ยก โปสเตอร์
บทประพันธ์; จำลักษณ์
ถ่ายภาพ; โสภณ เจนพานิช-โชน บุนนาค-พูนสวัสดิ์ ธีมากร
ดารานำ; มานพ-กรุง-วันดี ศรีตรัง-ด.ญ.ไขนภา
ฉายครั้งแรก; 28 ธันวาคม 2515
โรงภาพยนตร์; เฉลิมไทย-สยาม
ข้อมูลปัจจุบัน; มีการนำฟิล์มต้นฉบับมาเทเลซีนเก็บภาพไว้แล้วและเคยฉายทาง UBC-ช่อง 7 สี
แนวโน้ม VCD; ไม่มีข่าว

เป็นงานสร้างและกำกับครั้งที่ 3 ของเปี๊ยก โปสเตอร์ ซึ่งก็ยังเป็นชื่อหนังคำโดดเหมือน 2 เรื่องแรก (โทน-ดวง) ใช้นักแสดงหลัก ๆ แค่ 3 คน พร้อมกับเปิดตัวนางเอกใหม่ วันดี ศรีตรัง หนังดำเนินเรื่องไปตามปริศนาที่ตั้งชื่อไว้ แต่พอท้ายเรื่องจึงมาเฉลยว่า แท้จริงแล้ว ใครกันแน่ที่เป็นชู้ ? ซึ่งเป็นหนังที่ฮือฮาและถูกวิจารณ์กันมากในยุคนั้น ซึ่งนับเป็นความสำเร็จอีกครั้งของเปี๊ยก โปสเตอร์

เรื่องย่อ
เมื่อเรียม (วันดี ศรีตรัง) สาวสวยเสียตัวให้กับ เทพ (กรุง ศรีวิไล) หนุ่มเร่หนังขายยาจนเริ่มตั้งท้องอ่อน ๆ จึงออกตามหาเทพ แต่เรือเกิดอับปางกลางทะเล ร่างของเรียมถูกคลื่นซัดไปติดเกาะซึ่งเชิง (มานพ อัศวเทพ) อาศัยอยู่โดยลำพัง เชิงช่วยชีวิตเรียมไว้ แต่เรือนร่างของเรียมที่เชิงเห็นมาตอนเปลี่ยนเสื้อผ้า ทำให้เชิงอดใจไม่ไหว เข้าปลุกปล้ำและได้เรียมเป็นเมียอยู่กินกันจนมีลูกเป็นหญิงหนึ่งคน ต่อมาเชิงออกหาหอยมุกและได้รับบาดเจ็บที่ลูกนัยน์ตา เมื่อเรียมขึ้นฝั่งไปหาหมอก็ได้พบกับเทพและพามารักษาเชิง ถ่านไฟเก่าก็คุขึ้นอีก ทั้งคู่ลักลอบได้เสียกันจนเชิงเริ่มสงสัย แต่เมื่อเทพรู้ว่า เชิงมีไข่มุกเก็บซ่อนไว้ ก็คิดจะขโมยและจะพาเรียมหนีไปอยู่ด้วยกัน เทพวางแผนให้เรียมเอายาพิษใส่ในยาหยอดตาและจ่ายยาผิดๆให้เชิงกินเพื่อไม่ให้มีเรี่ยวแรง จากนั้นเทพกับเรียมก็ช่วยกันค้นหาไข่มุก แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ ส่วนเชิงก็แกล้งทำตาบอดและบอกว่าไข่มุกซ่อนอยู่ใต้ทะเลลึก ไม่มีใครงมได้นอกจากเขาเอง ดังนั้น เทพและเรียมจึงเปลี่ยนแผนใหม่ โดยเอายาและอาหารมาให้เชิงกินบำรุงร่างกายแข็งแรงดังเดิม แล้วทั้งสามคนก็ออกทะเลไปงมหาไข่มุก พอตกค่ำก็ขึ้นไปพักบนเกาะร้างซึ่งเป็นที่ที่เชิงจัดเตรียมไว้ฆ่าชู้รักคู่นี้ แต่แล้วคำพูดของเรียมตลอดจนผิวพรรณของลูกสาวที่เรียมคลอดออกมา ก็ทำให้เชิงเข้าใจได้ว่า ใครกันแน่ที่เป็นชายชู้







กำแพงเงินตรา

ค่าย; ต๊อกบูมภาพยนตร์
กำกับการแสดง; รังสี ทัศนพยัคฆ์
อำนวยการสร้าง; ล้อต๊อก-สมจิตต์ ทรัพย์สำรวย
บทประพันธ์; ชูวงศ์ ฉายะจินดา
ถ่ายภาพ; ธีระ แอคะรัตน์
ดารานำ; มิตร-เพชรา-ประจวบ-อดุลย์-มิสอันฮวา-สมจิตต์-สุมาลี-น้ำเพ็ญ-มนัส-อดินันท์-ล้อต๊อก-ชูศรี
ฉายครั้งแรก; 11 กันยายน 2513
โรงภาพยนตร์; คาเธ่ย์
ข้อมูลปัจจุบัน; พบกากฟิล์ม 16 ม.ม.
แนวโน้ม VCD; เร็ว ๆ นี้ค่ายพันธมิตร

เป็นหนัง 16 ม.ม.เรื่องสุดท้ายของต๊อกบูมภาพยนตร์เพราะหลังจากออกฉายได้ไม่นาน มิตร ชัยบัญชา พระเอกผูกขาดของค่ายนี้ ก็มีอันต้องเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ทำให้โครงการสร้างหนังเรื่องอื่น ๆ ต้องหยุดชะงัก แม้ต่อมาค่ายนี้จะพยายามปั้นพระเอกขึ้นใหม่อีก (อนันต์ สัมมาทรัพย์ เรื่อง ไอ้แดง ) แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ กำแพงเงินตราเดินเรื่องแบบเรียบง่าย มีครบทุกรสตามแบบฉบับของหนังไทยยุคเก่าและยังมีเพลงไพเราะให้ฟังอีก 6 เพลง

เรื่องย่อ
กำนันสิงห์ (ล้อต๊อก) มีลูกสาวสวยอยู่ 2 คน คนพี่ชื่อ สาหร่าย (มิสอันฮวา) คนน้องชื่อ ผึ้ง (เพชรา) ซึ่งกำนันสิงห์ทั้งรักและหวงมาก ๆ ถึงขนาดออกปากห้ามมิให้ใครมายุ่งเกี่ยวกับลูกสาวทั้งสองคน แต่ยง (มิตร) ครูสอนดนตรีคนจน ๆ ก็ยังตามจีบสาหร่ายเพราะหลงรักตั้งแต่แรกเห็น แต่ผึ้งก็กีดกันตลอด ต่อมาธรรมนูญ (อดุลย์)นายอำเภอคนใหม่มาเยี่ยมกำนันสิงห์และได้พบกับสาหร่ายก็แสดงออกว่ารัก แต่กำนันสิงห์กลับไม่ขัดขวางเหมือนหนุ่มคนอื่น ๆ ขณะเดียวกันยงซึ่งเข้ามาทำงานในบ้านกำนันสิงห์เพื่อใช้หนี้แทนน้า รู้เรื่องว่านายอำเภอจะมาสู่ขอสาหร่าย จึงคิดจะพาสาหร่ายหนี ผึ้งแอบได้ยินก็ไปบอกนายอำเภอให้หาทางแก้ไข เมื่อยงเข้าห้องสาหร่ายก็พบแต่ผึ้ง ด้วยความโกรธที่ผึ้งชอบเป็นตัวกัน ยงจึงจับตัวผึ้งไปแทน กำนันสิงห์แค้นใจมาก สั่งลูกน้องออกตามล่ายงทันที ระหว่างหลบหนี ยงกับน้ำผึ้งเกิดความรักซึ่งกันและกัน ยงจึงขอให้นายอำเภอช่วยเจรจาสู่ขอผึ้งกับกำนันสิงห์ นายอำเภอจึงทำทีวางแผนให้มีคนเข้าไปทำร้ายกำนันสิงห์และให้ยงเข้าไปช่วยจนกำนันสิงห์เห็นใจยงและรับเป็นลูกเขย


 


อยู่กับก๋ง

ค่าย; โคลีเซี่ยมฟิล์ม-พี.ดี.โปรโมชั่น
กำกับการแสดง; คมน์ อรรฆเดช
อำนวยการสร้าง; พรพิมล มั่นฤทัย-ไพจิตร ศุภวารี
บทประพันธ์; หยก บูรพา
ถ่ายภาพ; มนู วรรณายก
ดารานำ; อี้หมิง-ด.ช.สราวุฒิ-สรพงษ์-ทาริกา-มานพ-สุประวัติ-มาลี-พิราวรรณ
ฉายครั้งแรก; 27 มกราคม 2522
โรงภาพยนตร์; เพชรรามา-เพชรเอ็มไพร์
ข้อมูลปัจจุบัน; เคยมี VDOให้เช่า
แนวโน้ม VCD; ไม่มีข่าว

การจับมือกันของสองค่ายใหญ่ในการนำบทประพันธ์ซึ่งชนะเลิศรางวัลวรรณกรรมยอดเยี่ยมประจำปี 2519 มาสร้างเป็นหนัง โดยเลือก อี้หมิง ดาราจากไต้หวัน ซึ่งโด่งดังมาจากบทเปาบุ้นจิ้น ให้มาแสดงเป็นก๋ง ตัวเอกของเรื่อง หนังเรื่องนี้มากด้วยแง่คิดในเรื่องคุณธรรม การเอาความดีชนะความชั่ว ซึ่งแทบไม่น่าเชื่อว่า คมน์ อรรฆเดช ผู้กำกับหนังบู๊จะทำได้ดีขนาดนี้

เรื่องย่อ
ก๋ง (อี้หมิง) ชายชราชาวจีนอาศัยอยู่ในห้องแถวเก่าๆ กับหลานชายชื่อหยก (ด.ช.สราวุฒิ) ก๋งเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านละแวกนั้น คำสอน คำชี้แนะของก๋งแฝงไว้ด้วยปรัชญาชีวิต สร้างความภาคภูมิใจให้กับหยกยิ่งนัก ป้าเง็กจู (มาลี) ชอบมาบ่นให้ก๋งฟังเรื่องที่เฮียเพ้ง (สุประวัติ) ลูกชายรักกับนวล (พิราวรรณ) แม่ค้าขายข้าวแก้วคนไทยซึ่งผิดประเพณี แต่คำสอนของก๋งประกอบกับความดีของนวล ก็เอาชนะใจป้าเง็กจูได้สำเร็จ ส่วนครูบรรยงค์ (สรพงษ์) ครูของหยกก็มีเรื่องกับปลัดเรืองศักดิ์ (มานพ) จนต้องถูกจับตัวเข้าคุก ก๋งไปขอประกันตัวครู โดยบอกตำรวจว่าจะเอาแผ่นดินไทยมาเป็นประกัน ถ้าครูหนีก็ให้เนรเทศก๋งออกจากแผ่นดินไทยได้ แต่แล้วความดีของครูบรรยงค์ที่เคยช่วยลูกชายปลัดให้พ้นจากการจมน้ำตายและความจริงที่ครูไม่ได้มีอะไรกับคุณนายทองห่อ (ทาริกา) เมียปลัดก็ทำให้เรื่องคลี่คลายลง ส่วนหยกเองก็มีเรื่องชกต่อยกับสมเกียรติลูกชายศึกษาธิการ แต่หยกต้องถูกตีและกราบขอโทษศึกษาธิการทั้ง ๆ ที่ตนไม่ได้เป็นฝ่ายผิด แต่คำสอนของก๋งก็ช่วยทำให้หยกเข้าใจชีวิตมากขึ้น







ทางเสือผ่าน

ค่าย; สันติสุชาภาพยนตร์
กำกับการแสดง; ชุมพร เทพพิทักษ์
อำนวยการสร้าง; วิสันต์ สันติสุชา
บทประพันธ์; พนมเทียน
ถ่ายภาพ; นิยม ศรีสุวรรณ
ดารานำ; กรุง-นาท-สรพงษ์-นัยนา-ปิยะมาศ-เกชา-ดามพ์-ครรชิต-ลักษณ์
ฉายครั้งแรก; 24 มิถุนายน 2520
โรงภาพยนตร์; เพชรรามา-เพชรเอ็มไพร์
ข้อมูลปัจจุบัน; พบกากฟิล์ม 35 ม.ม.
แนวโน้ม VCD; ไม่มีข่าว

สันติสุชาเรียกได้ว่า เป็นอาณาจักรหนังบู๊และยังเป็นค่ายที่สร้างหนังออกฉายได้ปีละหลาย ๆ เรื่อง บางปีมีถึง 5 เรื่อง ทั้งนี้ เนื่องจากมีผู้กำกับการแสดงอยู่ในมือหลายคน แต่หนังที่สร้างชื่อเสียงให้กับสันติสุชา มักจะเป็นหนังแนวบู๊ ยิ่งถ้ามีการประกบดารากันด้วย ก็ยิ่งเป็นที่ต้องการของสายหนังต่างจังหวัดมากขึ้น ทางเสือผ่านสร้างขึ้นในช่วงปีที่ 3 ของค่ายจึงสามารถเห็นถึงพัฒนาการของหนังได้มากขึ้น แต่วิสันต์ก็ยังเพิ่มจุดขายและคืนกำไรด้วยการประกบพระเอกถึง 3 คนในเรื่องนี้ซึ่งถูกใจคนดูในยุคนั้นมาก

เรื่องย่อ
เมื่อเสือหาญ (ดามพ์) ออกปล้นจะใช้ชื่อว่าเสืออินทร์ทุกครั้งและจะนำข้าวของที่ปล้นมาได้ไปขายให้กับเศรษฐีบุญทอง (เกชา) บังเอิญเกรียง (กรุง) ไกร (สรพงษ์) สองพี่น้องรู้เห็นเรื่องนี้ จึงถูกหาญตามฆ่าปิดปากหลายครั้ง แต่ทั้งสองก็เอาตัวรอดได้ หาญจึงส่งลูกน้องไปลอบฆ่ากาญจน์ (นาท) พี่คนโตของเกรียงและไกรแทน แต่ก็ผิดหวังเพราะกาญจน์ฆ่าลูกน้องหาญตายหมด หาญจึงลอบเข้าไปฆ่าก้อง (เชาว์) พ่อของเกรียงซึ่งนอนป่วยอยู่คนเดียว ดังนั้น กาญจน์ เกรียง ไกร จึงสาบานว่าจะตามฆ่าหาญให้ได้ เมื่อหาญรู้เรื่องจึงเข้าไปเอาเงินที่ปล้นมาได้จากเศรษฐีบุญทองเพื่อจะหลบไปอยู่ที่ชุมโจร แต่ถูกบุญทองหักหลัง หาญจึงฆ่าบุญทองทิ้ง อังกาบ (ปิยะมาศ) ซึ่งเป็นลูกสาวของบุญทองจึงขอให้เกตุ (ลักษณ์) มาช่วยแก้แค้น ขณะเดียวกันหมวดยิ่งศักดิ์ (ครรชิต) และจ่าแสง (ชุมพร) ที่ทางการส่งตัวมาก็สืบจนรู้แล้วว่า เสืออินทร์ก็คือหาญนั่นเอง ทั้งความแค้นของสามพี่น้อง ของอังกาบและเงื้อมมือกฎหมายจึงพุ่งเป้าที่ไปชุมโจรของเสือหาญทันที


.



ขุนดอน

ค่าย; ชุติพงษ์ภาพยนตร์
กำกับการแสดง; ชาย มีคุณสุต
อำนวยการสร้าง; สุวิทย์ ชุติพงษ์
บทประพันธ์; ศักดิ์ สุริยา
ถ่ายภาพ; พูนสวัสดิ์ ธีมากร
ดารานำ; กรุง-สรพงษ์-ภาวนา-เนาวรัตน์-ดวงชีวัน-ไพโรจน์-สิงหา-ครรชิต-ดามพ์
ฉายครั้งแรก; 14 กรกฎาคม 2521
โรงภาพยนตร์; ปารีส
ข้อมูลปัจจุบัน; ไม่มีข่าว
แนวโน้ม VCD; ไม่มีข่าว

สุวิทย์ ชุติพงษ์ ประสบความสำเร็จมาแล้วจากการสร้าง นักเลงป่าสัก (2518;สมบัติ-นาท), ปล้นอเมริกา (2520;สมบัติ-อรัญญา) พอถึงเรื่องนี้ก็เลยใช้นามสกุลมาเป็นชื่อค่ายแทน (เดิมใช้ฐานิสสรภาพยนตร์) ขุนดอนเป็นหนังแนวบู๊ตามกระแสซึ่งสร้างความประทับใจให้แฟนหนังบู๊ในยุคนั้นอย่างมาก แต่พอสร้างได้อีก 2 เรื่อง ก็เปลี่ยนชื่อค่ายอีกเป็นพงษ์สุรีย์ภาพยนตร์ (พี.เอส.) แทน หนังยุคหลังที่โดดเด่นก็คือ นักร้องนักเลง (2527;สายัณห์-นันทิดา) ครั้นถึงปี 2532 สุวิทย์ ชุติพงษ์ จึงเป็นทั้งผู้สร้างและผู้กำกับหนังเรื่อง ความรักของคุณฉุย (รณชัย-รัชนก)

เรื่องย่อ
ขุนดอน กระดูกแดง (กรุง) เข้าปล้นบ้านกำนันพิชิต (ครรชิต) ทางการจึงให้ผานิต (ภาวนา) ตำรวจหญิงปลอมตัวมาสืบข่าว แต่เมื่อผานิต พบขุนดอนก็แปลกใจที่เขามีหน้าตาเหมือนกับภราดรคนรักที่หายตัวไป ส่วนกำนันพิชิตก็สั่งให้ผู้กองธนู (ไพโรจน์) กลั่นแกล้งยัดข้อหากับพุย พายุพัด (สรพงษ์) ว่าเป็นพวกของขุนดอนเพราะไม่ชอบที่พุยทำตัวสนิทสนมกับบัวไหล (เนาวรัตน์) แต่ผานิตก็มาช่วยพุยไว้ ต่อมาพุยและบัวไหลร่วมมือกับผานิตสืบจนรู้ว่า เสือเมฆ (ดามพ์) เป็นคนของกำนันพิชิตเวลาออกปล้นจะใช้ชื่อขุนดอน นอกจากนี้ กำนันพิชิตยังได้ร่วมมือกับท้าวคำอา (มานพ) ค้าฝิ่น ทองคำเถื่อน อาวุธเถื่อน จึงวางแผนให้บัวไหลเข้าไปอยู่ในบ้านกำนันพิชิตและหาข่าวให้ผานิต เมื่อได้ข่าวแน่นอนแล้ว ขุนดอน พุย บัวไหล ผานิตพร้อมด้วยกำลังตำรวจ ทหารก็เข้ากวาดล้างรังโจรของกำนันพิชิตกับพวกจนราบคาบ จากนั้นทางการจึงเปิดเผยความจริงว่า ขุนดอนก็คือ พ.ต.อ.ภราดร พิทักษ์ดินแดน (กรุง) ซึ่งปลอมตัวมาและให้แต่งงานกับผานิต ส่วนพุยนั้นก็ได้แต่งงานกับบัวไหล


:




สองสิงห์จ้าวพยัคฆ์

ค่าย; เทพนิมิตภาพยนตร์
กำกับการแสดง; พยุง พยกุล
อำนวยการสร้าง; พยุง พยกุล
บทประพันธ์; ก้องสยาม
ถ่ายภาพ; กวี เกียรตินันท์
ดารานำ; มิตร-ปริศนา-ลือชัย-อรัญญา-แมน-ชุมพร-พิภพ
ฉายครั้งแรก; 29 พฤษภาคม 2513
โรงภาพยนตร์; ศาลาเฉลิมกรุง
ข้อมูลปัจจุบัน; ไม่มีฟิล์มหนัง
แนวโน้ม VCD; ไม่มี

สร้างขึ้นตามกระแสหนังบู๊ฟอร์มยักษ์เรื่อง เพชรตัดเพชร ของสหการภาพยนตร์ไทย ที่ประสบความสำเร็จมาแล้วเมื่อปี 2508 สังเกตจากใบปิดหนังยังวางโครงและวาดออกมาคล้าย ๆ กัน ต่างกันที่เพชรตัดเพชร ไปถ่ายทำที่เกาะฮ่องกง ส่วนเรื่องนี้ใช้ประเทศมาเลเซียและประเทศลาว การประกบดาราก็ทำได้ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อออกฉายกลับไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

เรื่องย่อ
เมื่อนาวิน (มิตร) กับรุ่งรวี (ปริศนา) สองสายลับชาวไทยเดินทางไปรับเอกสารลับที่ประเทศมาเลเซียและมอบให้รุ่งรวีนำกลับกรุงเทพฯ ในระหว่างทางมีเหล่าร้ายดักปล้นชิงเอาเอกสาร แต่รุ่งรวีก็ยิงต่อสู้และหนีกลับกรุงเทพฯมาได้ พวกเหล่าร้ายยังคงติดตามมาถึงกรุงเทพฯและจับตัวรุ่งรวีไปขังไว้ที่องค์การร้าย ซึ่งที่นั่นมีชาตรี (ลือชัย) เป็นหัวหน้าใหญ่และสายสุนีย์ (อรัญญา) เป็นนักจิตวิทยา ซึ่งทั้งคู่ได้ร่วมกันสอบเค้นเอาความจริงถึงแผนการที่ระบุอยู่ในเอกสารลับ แต่รุ่งรวีก็ไม่ยอมปริปากบอก ชาตรีจึงวางแผนหลอกให้นาวินเอาเอกสารลับมาแลกตัวรุ่งรวีคืน แต่เมื่อนาวินมาถึงก็ถูกชาตรีหักหลังจึงเกิดการต่อสู้กัน นาวินอาศัยชั้นเชิงที่เหนือกว่ากระโจนหนีออกทางหน้าต่างไปได้ เมื่อชาตรีเห็นว่ารุ่งรวีไม่มีประโยชน์แล้วจึงสั่งให้อำนาจ (แมน) นำตัวรุ่งรวีไปฆ่าทิ้ง แต่ระหว่างทางรุ่งรวีก็ฉวยโอกาสแย่งปืนจากสิงห์ (ชุมพร) แล้วหลบหนีไปได้ จากนั้นนาวินและรุ่งรวีก็ออกเดินทางไปยังประเทศลาวเพื่อประสานงานกับหน่วยจารกรรมลับที่รออยู่อีกกลุ่มหนึ่งซึ่งก็คือ ชาตรี นั่นเอง จากนั้นทั้งหมดก็เดินทางสู่ทุ่งไหหินซึ่งเป็นขุมกำลังใหญ่ของพวกผู้ก่อการร้ายและช่วยกันทำลายล้างจรวดนำวิถีที่กำลังจะยิงถล่มกรุงเทพฯได้สำเร็จ


.
:



พยัคฆ์ยี่เก

ค่าย; โคลีเซี่ยมโปรดักชั่น
กำกับการแสดง; คมน์ อรรฆเดช
อำนวยการสร้าง; พรพิมล มั่นฤทัย
บทประพันธ์; ชาติ อินทรี
ถ่ายภาพ; พิพัฒน์ พยัคฆะ - มนู วรรณายก
ดารานำ; สรพงษ์-ฉีเส้าเฉียน-เดวิดเจียง-สุรีย์วัล-ชลิดา-ส.อาสนจินดา-ชาลี-มานพ
ฉายครั้งแรก; 1 พฤษภาคม 2526
โรงภาพยนตร์; เพชรรามา
ข้อมูลปัจจุบัน; ปี 2530 เป็น VDO ของ ST.
แนวโน้ม VCD; ไม่มีข่าว

ตรุษจีนปี 2525 คมน์เคยพาไปขึ้นเขาขึ้นดอยมาแล้วจากเรื่อง เพชรตัดหยก ครั้งนั้นมี ฉีเส้าเฉียน มาแสดงด้วย แต่ครั้งนี้ได้ เดวิด เจียง เพิ่มมาอีกคนและปักหลักถ่ายทำอยู่ที่ภาคกลาง เป็นหนังบู๊ที่ต้องแต่งชุดลิเกต่อสู้กัน โดยยังให้สรพงษ์เป็นตัวยืน แค่ฉากเพลงไตเติ้ลที่สรพงษ์แต่งชุดลิเกขี่ม้าผ่านโบราณสถานวัดวาอารามต่าง ๆ ก็ดูดีกินขาดแล้ว แถมหนังยังเดินเรื่องได้รวดเร็วและคิวบู๊ก็ทำได้สนุกมาก

เรื่องย่อ
ที่โรงลิเกคณะลุงพรหม (ส.อาสนจินดา) ซึ่งมีทวนทอง สะท้านพรหม (สรพงษ์) พระเอกเนื้อหอมกำลังร่ายรำต่อหน้าเหล่าแม่ยก แต่ผู้ใหญ่เปียง (มานพ) ก็ยิงปืนขึ้นไปบนโรงลิเกเพราะหมั่นไส้ที่ แสงดี (เปียทิพย์) เมียน้อยตนไปติดพันทวนทอง จากนั้นผู้ใหญ่เปียงก็สั่งให้สมุนคอยตามรังควานคณะลิเกจนเกิดเรื่องชกต่อยกัน ทวนทองหนีไปพบรถจิ๊ปของเริงรณ (เดวิดเจียง) จอดอยู่จึงขโมยขับไป แต่ต่อมาเริงรณซึ่งแท้จริงเป็นพี่ชายของไพลิน (ม.ล.สุรีย์วัล) ก็ตามไปจนพบรถจอดอยู่ที่โรงลิเกและได้พบรักกับบัวชมพู (ชลิดา) นางเอกคณะลิเก ต่อมาเพชรซึ่งผู้ใหญ่เปียงให้นำไปแลกกับสินค้าเถื่อนถูกเฉียบ (โสธร) คนของท่านขุนขโมยเอาไว้ ผู้ใหญ่เปียงจึงออกตามล่าเฉียบ แต่เฉียบก็แอบเอาเพชรซุกไว้กับลุงพรหมที่โรงลิเกก่อนที่เฉียบจะถูกเฉินฟู่ซาน (ฉีเส้าเฉียน) คนของท่านขุนฆ่าปิดปาก ผู้ใหญ่เปียงสั่งเผาโรงลิเกเพื่อหาเพชร ลุงพรหมจึงเอาเพชรออกมาขายผ่านหมอทองดี (ชาลี) โดยไม่รู้ว่า แท้จริงหมอทองดีก็คือ ท่านขุนเจ้าของเพชรนั่นเอง และแล้วในวันเปิดโรงลิเกใหม่ ท่านคุณก็จับตัวบัวชมพูไปเพื่อรีดเอาเพชรคืน ทำให้ทวนทอง เริงรณ ไพลินและชาวคณะต้องตามไปช่วยบัวชมพูทั้ง ๆ ที่ยังใส่ชุดลิเก 


 



เสือ 4 แคว

ค่าย; ไพโรจน์ฟิล์ม
กำกับการแสดง; พร ไพโรจน์
อำนวยการสร้าง; พร ไพโรจน์
บทประพันธ์; ศักดิ์ สุริยา
ถ่ายภาพ; นิยม ศรีสุวรรณ
ดารานำ; สมบัติ-กรุง-เกชา-ชนะ-นัยนา-อัมรัตน์-เรวดี-ดามพ์-สายัณห์
ฉายครั้งแรก; 11 กันยายน 2519
โรงภาพยนตร์; เพชรรามา-เพชรเอ็มไพร์
ข้อมูลปัจจุบัน; กากฟิล์มอยู่ที่หอภาพยนตร์ฯ
แนวโน้ม VCD; เร็ว ๆ นี้

หลังจากที่รับจ้างกำกับหนังไว้หลาย ๆ เรื่องเช่น คมเคียว ไอ้เหล็กไหล นักเลงป่าสัก นายอำเภอใจเพชร พร ไพโรจน์ ก็เปิดตัวสร้างและกำกับหนังเรื่องนี้เองเป็นครั้งแรก ซึ่งยังคงเป็นหนังบู๊ฟอร์มยักษ์ตามแนวถนัดซึ่งเป็นไปตามกระแสในยุคนั้น ฉากที่คนจำจนขึ้นใจก็คือ ฉากที่สมบัติและกรุงห้อยตัวที่สะพานข้ามแม่น้ำเพื่อให้ล้อรถไฟวิ่งทับตัดโซ่ที่ล่ามกุญแจมือออกจากกัน เป็นหนังที่สร้างชื่อและทำเงินให้พร ไพโรจน์ อีกเรื่องหนึ่ง

เรื่องย่อ
เมื่อพรรคพวกของเพลิง ปากน้ำโพ (กรุง) ดักชิงตัวเพลิงขณะถูกควบคุมตัวไปศาล แต่ก็ได้ตัวชาติ เจ้าพระยา (สมบัติ) ติดมาด้วยเพราะกุญแจมือผูกติดกัน ซึ่งต่อมาทั้งคู่ก็ตัดโซ่ได้โดยใช้โซ่พาดกับรางรถไฟที่สะพานข้ามแม่น้ำ เมื่อรถไฟวิ่งมาทับ โซ่ก็ขาด ทั้งคู่ก็ตกลงไปในแม่น้ำแยกกันไปคนละทาง เพลิงเดินทางกลับหมายไปแก้แค้นพ่อเลี้ยงดวงตะวัน (เกชา) โทษฐานที่หักหลังเรื่องยาเสพติดจนเพลิงถูกตำรวจจับไป แต่พ่อเลี้ยงก็ไหวทันชิงจับตัววาริน (นัยนา) น้องสาวเพลิงไปขังไว้เป็นตัวประกันก่อนและสั่งมือปืนฉายาเสือ 4 แควซึ่งมีเสือปิง (ชนะ) เสือวัง (พิภพ) เสือยม (โดม) เสือน่าน (ดามพ์) ให้มาตามฆ่าเพลิงอีกด้วย แต่เพลิงก็รู้ข่าวตลอดจากดวงแก้ว (เรวดี) น้องสาวพ่อเลี้ยง ต่อมาชาติก็เข้ามาเป็นมือปืนให้กับพ่อเลี้ยงดวงตะวัน ซึ่งทำให้พวกเสือ 4 แควไม่พอใจ ระหว่างนั้นชาติก็แอบสืบจนรู้เบื้องหลังว่า พ่อเลี้ยงค้ายาเสพติดและรู้ที่คุมขังตัววารินและเข้าไปช่วยเหลือโดยมีจอย (อัมรัตน์) สายตำรวจที่ยอมตัวมาเป็นเมียน้อยของพ่อเลี้ยงดวงตะวันช่วยเหลืออีกทาง แต่ไม่นานชาติก็ถูกพ่อเลี้ยงจับได้และนำตัวไปมัดพาดไว้บนรางรถไฟ แต่จอยก็ไปบอกเพลิงให้มาช่วยชาติไว้จนรอดตาย จากนั้นชาติและเพลิงก็ร่วมมือกับตำรวจเข้าทลายรังของพ่อเลี้ยงดวงตะวัน


:




เสือกเกิดมาจน

ค่าย; ช.พจน์ฟิล์ม
กำกับการแสดง; ปริญญา ลีละศร
อำนวยการสร้าง; เนียนนิภา จงโยธา
บทประพันธ์; เอก อนันตวงศ์
ถ่ายภาพ; พิสัณห์ ปลัดสิงห์
ดารานำ; กรุง-นัยนา-ศิริขวัญ-นิรุตต์-สะอาด-สายัณห์-นฤมล-วิชา
ฉายครั้งแรก; 19 พฤศจิกายน 2519
โรงภาพยนตร์; แกรนด์-สามย่าน
ข้อมูลปัจจุบัน; ไม่มีข่าวฟิล์มหนัง
แนวโน้ม VCD; ไม่มี

เป็นหนังบู๊ที่ตั้งชื่อได้สะใจมาก ๆ ถึงขนาดมีการเอาชื่อนี้ไปเขียนติดท้ายรถสิบล้อในยุคนั้น สร้างโดย เนียนนิภา จงโยธา ซึ่งก่อนหน้านี้เคยสร้าง นางสาวมะลิวัลย์ ฝ้ายแกมแพร ตามล่า อ.ต.ล.(ไอ้ตอแหล) มาก่อน ถ้าดูจากแนวหนังแล้วเห็นได้ว่า เป็นการฉีกแนวทางมาสร้างหนังบู๊ตามกระแส แต่เนื้อเรื่องก็แฝงไว้ด้วยบทชีวิตหนัก ๆ ที่กดดันให้กรุงต้องน้ำตาตกแล้วออกมาลุยแหลก

เรื่องย่อ
เหิม(กรุง) ซึ่งมีอาชีพขับมอเตอร์ไซด์รับจ้าง แต่ไปหลงรักมาลี (นัยนา) ลูกสาวกำนันแม้น จึงถูกกีดกันและถูกรุมซ้อมทำร้ายเพราะต้องการให้มาลีได้แต่งงานกับสุทธิ (นิรุตต์) ลูกชายเสี่ยเซ้ง (บู๊) ซึ่งรวยกว่า ต่อมากำนันแม้น เสี่ยเซ้ง ได้ร่วมมือกับปลัดสง่า (สอาด) บีบบังคับให้ชาวบ้านขายที่ดินในบ้านไร่ทั้งหมดเพื่อจะเอาไปสร้างเมืองใหม่และนำรถเมล์มาวิ่งแทนมอเตอร์ไซด์ แต่ชาวบ้านก็ไม่ชอบขึ้นรถเมล์ ปลัดสง่าจึงหาทางรังแกพวกขับมอเตอร์ไซด์ จนเหิมถูกจับไปขังคุก 6 เดือน จากนั้นปลัดสง่าและพวกก็ขยายอิทธิพลถึงขั้นค้าอาวุธสงคราม กักตุนข้าวสารจนชาวบ้านเดือดร้อน ต่อมาบุญคำ (ศิริขวัญ) เอาข่าวไปบอกเหิมในคุกว่า พ่อเหิมถูกซ้อมจนตาย ส่วนอร (นฤมล) น้องสาวก็ถูกฆ่าข่มขืน เหิมจึงพกความแค้นออกมาจากคุกหมายจะตามฆ่าปลัดสง่ากับพวกให้ได้ แต่เมื่อไปถึงก็พบว่า กำนันแม้นกับเสี่ยเซ้งถูกปลัดสง่าหักหลังและฆ่าตายไปก่อนแล้ว เหิมจึงเปิดฉากดวลกับปลัดสง่าเพื่อระบายความแค้น





วิวาห์ลูกทุ่ง

ค่าย; รามาภาพยนตร์
กำกับการแสดง; อนุมาศ บุนนาค
อำนวยการสร้าง; โรม บุนนาค
บทประพันธ์; ถาวร สุวรรณ
ถ่ายภาพ; แสวง ดิษยวรรธนะ
ดารานำ; ไชยา-เพชรา-ประจวบ-เมตตา-สายัณห์-โขมพัสตร์-ม.ล.รุจิรา-มารศรี-จุรี-สังข์ทอง-ขวัญจิต
ฉายครั้งแรก; 2 มิถุนายน 2515
โรงภาพยนตร์; แกรนด์
ข้อมูลปัจจุบัน; พบฟิล์ม 16 ม.ม.สโคป
แนวโน้ม VCD; เร็ว ๆ นี้ค่ายพันธมิตร

หลังจากสร้าง 16 ปีแห่งความหลัง แล้ว โรม บุนนาค ก็นำ มิตร ชัยบัญชา มาแสดงเรื่องนี้อีก แต่ถ่ายทำไปได้ 40% มิตร ชัยบัญชาก็เสียชีวิต จึงต้องเปลี่ยนให้ ไชยา สุริยัน มาแสดงแทน เนื้อเรื่องยังเดินตามกลิ่นหนังเพลงลูกทุ่งที่นิยมในยุคนั้น มีการแต่งเพลงลูกทุ่งใหม่ ๆ ถึง 11 เพลงซึ่งบางเพลงไชยาก็ขับร้องเอง แต่ที่ฮิตติดตลาดก็คือเพลง ชนแหลก ซึ่ง สังข์ทอง สีใส ขับร้อง นอกจากนี้ยังมีฉากชนวัวและม้าบักเมี้ยน-บักแม้นฟัดกันเองเข้ามาประกอบหนังด้วย

เรื่องย่อ
เพราะการหมั้นในสมัยที่ลูกยังเล็ก ๆ ซึ่งผู้เป็นพ่อแม่แอบทำสัญญาไว้ โดยให้เศก (ไชยา) หมั้นกับชบา (โขมพัสตร์) ส่วนสกุณา (เมตตา) ซึ่งเป็นน้องสาวหมั้นกับสำลี (ประจวบ) ซึ่งต่อมาสำลีเป็นโรคสันนิบาตชักกระตุก แม้เศกและสกุณาจะไม่อยากแต่งงาน แต่ก็อยากจะเห็นหน้าคู่หมั้นของตนเองก่อน พอเห็นแล้วก็ยิ่งทำให้ไม่อยากแต่งงานอีก ในขณะที่ชะอม (สายัณห์) ก็ถูกจับหมั้นกับดาว (เพชรา) แต่ชะอมกลับไปชอบชบาและพาชบาหนีไป ส่วนเศกก็มาแอบชอบดาว ครั้นถึงวันแต่งงาน เศกจึงปลอมตัวเป็นสกุณาเข้าพิธีแต่งงานกับสำลีแทนแล้วออกอุบายมานอนห้องเดียวกับดาว แต่ดาวก็จับได้ว่าเศกปลอมตัวมา เมื่อความแตกผู้เป็นพ่อแม่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมกัน แต่สำหรับลูก ๆ ต่างจับคู่กันตกลงกันได้โดยเศกคู่กับดาว สำลีซึ่งหายจากโรคสันนิบาตก็ได้คู่กับสกุณา ส่วนชะอมก็ได้คู่กับชบา ข้อตกลงเรื่องวิวาห์วุ่น ๆ ของคนลูกทุ่งก็เป็นอันยุติลงเพราะความรักของลูก ๆ นั่นเอง


.
:



ตะวันรอนที่หนองหาร

ค่าย; ศุภชัยภาพยนตร์
กำกับการแสดง; ศุภชัย โตสัมพันธ์
อำนวยการสร้าง; สมบูรณ์ โตสัมพันธ์
บทประพันธ์; พงษ์ศักดิ์
ถ่ายภาพ; ปรีชา ทรัพย์พะวงศ์
ดารานำ; สมบัติ-อรัญญา-กำธร-สุริยา-เมตตา-บุศรา-ดลนภา-คมน์-ฑัต-มาลี
ฉายครั้งแรก; 27 กันยายน 2517
โรงภาพยนตร์; ศาลาเฉลิมกรุง
ข้อมูลปัจจุบัน; มีฟิล์มต้นฉบับ
แนวโน้ม VCD; เร็ว ๆ นี้ค่ายพันธมิตร

ยุคที่หนังแนวโศกนาฏกรรมความรักกำลังได้รับความนิยม ศุภชัยภาพยนตร์ก็นำความรักของหนุ่มกรุงเทพฯและสาวหนองหารซึ่งสาวต้องยึดเอาบึงหนองหารเป็นพยานแห่งความรักมานำเสนอ หนังไล่ลำดับเรื่องราวไปอย่างเรียบง่าย แต่ก็ได้บรรยากาศจริงเพราะมีการยกกองไปถ่ายทำถึงบึงหนองหาร สกลนคร ทำให้เราได้เห็นสภาพของหนองหารในปี 2517 ว่าต่างกับปัจจุบันอย่างไร นอกจากนี้ยังมีภาพงานวันแห่เทียนเข้าพรรษาที่วัดพระธาตุเชิงชุมมาให้ดูด้วย

เรื่องย่อ
เมื่อความรักที่ไม่สมหวังของพ่อเฒ่าคำปัน (ฑัต) ถูกตอกย้ำโดยชาญ (คมน์) หนุ่มกรุงเทพฯ ซึ่งมาหลอกลวงศรีคำ (บุศรา) ผู้เป็นลูกสาว คำปันจึงยิงชาญและฆ่าตัวตาย ส่วนศรีคำเมื่อสูญเสียทั้งพ่อและคนรักก็ตัดสินใจเดินลงบึงหนองหารเพื่อฆ่าตัวตาย แต่คร้าว (กำธร) หนุ่มคนซื่อที่แอบรักศรีคำก็มาช่วยได้ทันและพาไปอยู่กินกันจนมีลูกสาวชื่อศรีไพร (อรัญญา) และคร้าวก็ยังไปขอแต๋น (เมตตา) มาเลี้ยงเป็นเพื่อนศรีไพรด้วย ครั้นศรีไพรกับแต๋นโตเป็นสาว ศักดิ์สิทธิ์ (สมบัติ) และพล (สุริยา) ซึ่งเป็นพนักงานป่าไม้ก็มาตามจีบ แต่ศรีดำซึ่งเกลียดคนกรุงเทพฯ ก็จ้างนักเลงไปทำร้ายคนทั้งสองคน ศรีไพรตามไปช่วยศักดิ์สิทธิ์และได้เสียเป็นผัวเมียกัน เมื่อศรีคำรู้เรื่องก็ตรอมใจและไปฆ่าตัวตายที่บึงหนองหาร ต่อมาศักดิ์สิทธิ์ย้ายไปทำงานที่เชียงใหม่และเงียบหายไป ศรีไพรจึงหอบลูกน้อยไปตามหาก็พบว่าศักดิ์สิทธิ์กำลังควงคู่กับแสงระวี (ดลนภา) ลูกสาวพ่อเลี้ยง ศรีไพรจึงกลับหนองหารมาเพื่อฆ่าตัวตายตามแม่ แต่ศักดิ์สิทธิ์ก็ตามมาและอธิบายเหตุผลให้ฟัง ทุกอย่างจึงลงเอยด้วยดี





ไอ้เหล็กไหล

ค่าย; สันติสุชาภาพยนตร์
กำกับการแสดง; พร ไพโรจน์
อำนวยการสร้าง; วิสันต์ สันติสุชา
บทประพันธ์; ศักดิ์ สุริยา
ถ่ายภาพ; นิยม ศรีสุวรรณ
ดารานำ; สมบัติ-กรุง-อรัญญา-นัยนา-ดามพ์-ลักษณ์-โดม-คมน์-อัมรัตน์-กฤษณะ
ฉายครั้งแรก; 27 กันยายน 2518
โรงภาพยนตร์; เพชรรามา-เพชรเอ็มไพร์
ข้อมูลปัจจุบัน; พบกากฟิล์ม 35 ม.ม.
แนวโน้ม VCD; พฤษภาคม 2548 ค่ายพันธมิตร

หลังจากสร้าง คมเคียว จนประสบความสำเร็จแล้ว วิสันต์ก็ยังคงเอาใจตลาดหนังบู๊โดยยกขบวนดาราดัง ๆ มาแสดงประกบกัน แม้เนื้อหาของหนังจะถูกเรียกว่า ระเบิดภูเขา เผากระท่อม แต่เมื่อนำออกฉายกลับเป็นที่ถูกอกถูกใจตลาดหนังในยุคนั้นอย่างมากจนปัจจุบันได้รับการกล่าวขานว่า เป็นหนังบู๊อมตะอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งความสำเร็จส่วนหนึ่งมาจากฝีมือของผู้กำกับที่ชื่อ พร ไพโรจน์ น่าเสียดายว่าพอถึงหนังเรื่องที่ 3 ของค่ายนี้กลับไม่มีชื่อผู้กำกับคนนี้อีกแล้ว

เรื่องย่อ
จากการแย่งกันซื้อพลอยสีฟ้าที่ชาวบ้านขุดได้ ซึ่งต่อมาสหาย (สมบัติ) เป็นผู้รับซื้อพลอยเม็ดนั้นไว้ ทำให้โกศัย (ดามพ์) พ่อค้าพลอยจอมโหดไม่พอใจสั่งลูกน้องไปฆ่าสหายทันที แต่โชคดีที่สร้อยมุกดา (อรัญญา) มาช่วยสหายไว้ได้ทัน โกศัยส่งลูกน้องตามไปทำร้ายสหายอีกในขณะที่อยู่กับปรารถนา (อัมรัตน์) น้องสาวของโกศัย แต่ครั้งนี้ แฉ ชูเพลิง (กรุง) ก็เข้ามาช่วยสหายไว้อีก ต่อมาบ้านของสุปราณี (นัยนา) ถูกโกศัยเผาทิ้ง สุปราณีกับพ่อจึงต้องมาอาศัยอยู่กับสหาย โกศัยได้ทีแกล้งหลอกให้ปรารถนาซึ่งหลงรักสหายนำระเบิดเวลาไปซุกไว้ในรถยนต์โดยหลอกว่าเป็นเทปบันทึกเสียงเพื่อจะให้ปรารถนาได้รู้ความจริงว่าสหายมีอะไรกับสุปราณี แต่แฉก็ควบมอเตอร์ไซด์ตามไปบอกสหายได้ทัน การรวมตัวของสหายกับแฉทำให้โกศัยต้องจับตัวสร้อยมุกดาและสุปราณีไปขังไว้ที่โกดังเก็บอาวุธเถื่อนเพื่อลวงสหายกับแฉมาฆ่า แต่สหาย คำสิงห์ (ลักษณ์) กับพวกและแฉ ชูเพลิงในมาดนายตำรวจก็ระดมกำลังเข้าไปทลายโกดังแห่งนั้นได้สำเร็จ



.
 



เล็บครุฑ 78

ค่าย; ภาพยนตร์สหะนาวีไทย
กำกับการแสดง; สุพรรณ พราหมณ์พันธ์
อำนวยการสร้าง; สุพรรณ พราหมณ์พันธ์
บทประพันธ์; พนมเทียน
ถ่ายภาพ; สมาน ทองทรัพย์สิน-ปานศักดิ์ พราหมณ์พันธ์
ดารานำ; กรุง-เผ่าพันธุ์-พิศมัย-อรัญญา-ทาริกา-ภูมิ-ประวิตร-จุมพล-อนันต์
ฉายครั้งแรก; 14 สิงหาคม 2525
โรงภาพยนตร์; เพชรรามา-เพชรเอ็มไพร์-สามย่าน
ข้อมูลปัจจุบัน; ค้นพบกากฟิล์ม 35 ม.ม.
แนวโน้ม VCD; พฤษภาคม 2548 ค่ายพันธมิตร

อาชญนิยายซึ่งเคยทำให้ ลือชัย นฤนาท แจ้งเกิดเป็นพระเอกตุ๊กตาทองเต็มตัว


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์