ฟาดเคราะห์ก่อนจะเป็นดาว...ซี มัฑณาวี คีแนน

คอลัมน์ ครั้งหนึ่ง โดย นรุตม์ นิตยสารแพรว 



นักร้องสาวหล่อดาวรุ่งที่กำลังฮ็อตฮิตในหมู่สาววัยรุ่นอย่างซี
มัฑณาวี คีแนน ต้องประสบกับเคราะห์ร้ายหนักถึงสองครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน ก่อนที่ดวงชะตาชีวิตของเธอจะนำพามาเป็นดาว


"เรื่องแรกเกิดเหตุขึ้นเมื่อราวเดือนตุลาคม 2551 วันนั้นซีไปงานประกวดงานหนึ่งกับเพื่อนซึ่งเขาพาผู้หญิงอีกคนมาด้วย สมมุติว่าชื่อ หญิง ระหว่างงานดำเนินไป เพื่อนกลับไปก่อน แต่หญิงไม่ยอมกลับ บอกว่าจะรอกลับพร้อมซีและให้ไปส่งที่บ้าน ซีบอกว่าเพื่อนซีกลับไปแล้ว จะรอทำไม ไม่ต้องรอหรอก แต่เขายืนกรานจะรอ พอจบงานประกวด หญิงถามว่า ไม่ไปส่งบ้านจริงๆหรือ สุดท้ายซีเห็นว่ามืดแล้ว จึงยอมไปด้วย


"พอไปถึงบ้านเขาย่านบางนา เขาชวนให้เข้าบ้าน ชวนคุยนั่นคุยนี่ ไม่ยอมให้กลับ ซีบอกให้เรียกแท็กซี่ เขาบอกเรียกแล้ว แต่จริงๆไม่ได้เรียก ท่าทีเขาแสดงออกชัดเจนเลยว่าชอบซีมาก แต่ซีไม่ได้คิดอะไรกับเขาเลย เป็นเพื่อนกันดีกว่า เขาก็ไม่ยอม จนดึกดื่นซีเลยเรียกแท็กซี่เข้ามารับกลับบ้านเอง


"อีกสองวันต่อมา ซีไปช่วยเพื่อนขายของที่จตุจักร หญิงโทรศัพท์เข้าเครื่องของเพื่อน บอกให้ไปหา ซีบอกว่าไปไม่ได้ ต้องอยู่ช่วยเพื่อน เพื่อนเลยอาสาเป็นคนเดินสารบอกให้ว่า ซีไม่ไป หญิงจึงฝากบอกมาว่า ถ้าซีไม่ไปจะหาซื้อมีดมาแทง ซีคิดว่าเป็นการขู่ล้อเล่น ไม่คิดว่าเขาจะซ่าและกล้าขนาดนั้น แม้จะได้ยินกิตติศัพท์มาก่อนว่าเป็นเด็กอารมณ์แรง ไม่มีใครกล้าคบเป็นแฟน แม้จะแต่งตัวดี ซีเลยฝากท้าไปว่า เอาสิ ถ้ามาพร้อมมีดจริง ซีก็มีไม้แขวนเสื้อไว้ป้องกันตัว


"สักพักเขามาถึงจริงๆ พร้อมกับบอกว่า พี่ซีหล่อมากๆ แล้วควักมีดปลายแหลมแบบมีดปอกผลไม้ออกมาจ้วงแทงเลย ท่ามกลางผู้คนที่ตื่นตกใจเพราะไม่ทันตั้งสติ ซีเองก็ตกใจมาก ไม่คิดว่าเขาจะกล้าแทงจริง พอตั้งสติได้ก็พยายามปัดป้อง แต่ความบ้าของเขาเยอะ จ้วงเอาๆ จนซีโดนคมมีดเข้าจนได้ พอคนอื่นตั้งสติได้ก็เข้ามาคว้าตัวเขาออกไป พร้อมกับดึงมีดออกจากมือ เพื่อนรีบพาซีไปโรงพยาบาลแถวนั้น ผลคือ ซีโดนแทงบริเวณอกซ้าย 2 แผล โชคดีที่แผลไม่ลึกมากถึงขนาดเป็นอันตราย และที่มือและนิ้วข้างซ้ายอีกแผล โดนตอนระหว่างปัดป้อง หมอเย็บแผลให้แล้วสั่งนอนพักรักษาตัว ระหว่างนั้นเขาพยายามโทร.เข้ามาที่เครื่องของเพื่อน แต่เพื่อนไม่ยอมรับสาย เพราะกลัวเขารู้ว่าซีอยู่ที่ไหน แล้วจะมาทำร้ายซ้ำ


"รุ่งขึ้นพ่อแม่ซีมาจากภูเก็ต พาไปแจ้งความว่าถูกทำร้าย ตำรวจตามพ่อแม่เขามาสอบปากคำ แม่เขายกมือไหว้ขอโทษผู้ใหญ่ของซี บอกว่าลูกสาวเขาไม่ได้ตั้งใจ แล้วตอนนี้ลูกเขาตกใจหนีเตลิดหายไปไหนไม่รู้ ระหว่างนั้นหญิงโทร.เข้ามาหาแม่เขาพอดี ซีขอคุยด้วย ถามว่า ทำอย่างนี้กับซีทำไม เขาบอกว่า ซีก็รู้นี่ว่าหญิงรู้สึกยังไงกับซี ซีบอกว่า บ้าหรือ ทำอย่างนี้ไม่ใช่รู้สึกดีต่อกันแล้ว นี่คือความเกลียดชังโดยไม่มีเหตุผล เพราะเราเพิ่งรู้จักกันแค่ 3 วันเอง


"ทีแรกเขาไม่ยอมมาโรงพัก ซีบอกมาเจรจาตกลงกันเถอะ แล้วจะไม่เอาความ เจาถึงยอมมา บอกว่าขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ ผลสรุปของคดีคือ ครอบครัวซีไม่ได้เรียกร้องค่าทำขวัญจากพ่อแม่เขาสักบาทเดียว แค่ให้จ่ายค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เพราะแม่เขายกมือไหว้ บอกว่าไม่มีเงิน ซีแอบคิดในใจ เคยไปบ้านแล้ว ก็ไม่ได้ดูฐานะยากจนอะไร แถมยังมีเงินให้ลูกแต่งตัวอีก ก่อนแยกย้ายกันกลับ พ่อแม่ซีขอให้ตำรวจลงบันทึกประจำวันไว้ อย่าให้เขามายุ่งกับซีอีก


"จากนั้นไม่กี่วัน เพื่อนซีไปเจอข้อความโพสต์ในเน็ตว่า หญิงบ้ามากที่มาแทงซี แล้วมีคนเข้ามาโพสต์ต่อว่า อยากโดนซ้ำอีกไหม สันนิษฐานว่าหญิงเป็นคนเข้ามาโพสต์ ซีอ่านแล้วคิดว่า เขาบ้าหรือเปล่า ทั้งที่วันที่อยู่บนโรงพัก เขาทำหน้าแบบน่าสงสารมาก งงว่าเขาเป็นอะไร เข้าใจว่าเป็นคนเอาแต่ใจ สั่งใครแล้วทุกคนต้องยอมทำตาม แต่มีสิทธิ์อะไรมาหึงหวงทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกันเลย นับว่าเป็นความซวยของซีที่ไปรู้จักเขา


 



"จากนั้นไม่กี่เดือนเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ ซีกลับไปเที่ยวบ้านที่ภูเก็ต กระทั่งถึงวันกลับกรุงเทพฯ จองไฟลท์กลับเรียบร้อย แต่ความที่เที่ยวเพลินเลยตกเครื่อง ต้องเปลี่ยนไปกลับวันอื่น คืนนั้นเพื่อนชวนไปเที่ยวฆ่าเวลาต่อ พร้อมกับรอรับโทรศัพท์จากพี่สาวที่ไปเที่ยวอีกแห่งแถวป่าตอง ให้ไปรับกลับบ้าน




"ประมาณตีสาม พี่โทร.มาตามเพื่อนกับซีไปรับ โดนเพื่อนอาสาขับรถ ถ้าจำไม่ผิด ออกจากที่เที่ยวไม่กี่ร้อยเมตรซีก็หลับ ภาพในความทรงจำตัดหายไปเลย ตื่นมาอีกทีก็อยู่โรงพยาบาลแล้ว ไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดหรือเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย แต่พอจับหน้า โอ๊ย...มีเหล็กมาดาม มีผ้าพันเต็มไปหมด ความรู้สึกเบลอๆ แต่พยายามจะลุกขึ้นเดิน แม่ถามว่า ซีเป็นอะไร จะไปไหน ซีตอบไม่ถูก งงๆ ถามว่า ซีเป็นอะไร อยู่ที่ไหน พี่สาวถามว่า ไม่รู้จริงๆ หรือว่าเกิดอุบัติเหตุรถชน แล้วให้ดูรูปถ่ายรถที่เกิดอุบัติเหตุ เห็นแล้วตกใจ เพราะสภาพหน้ารถพังยับ



"พี่เล่าเหตุการณ์ สันนิษฐานว่าเพื่อนคงหลับใน เพราะขับมาเรื่อยๆ จนถึงทางโค้งแล้วไม่ยอมเลี้ยวขึ้นสะพาน กลับขับตรงไปเรื่อยๆ จนพุ่งเข้าชนตอม่อสะพานผ่ากลางหน้ารถตรงหน้าเครื่องยนต์เลย แต่กระจกหน้ารถไม่แตกและประตูไม่เปิด จึงไม่มีใครกระเด็นออกมาฟาดกับพื้นถนน แต่กระดูกแขนขาของเพื่อนหักทั้งตัว โชคดีใบหน้าไม่เป็นอะไรเลย ขณะที่ร่างกายของซีไม่มีบาดแผลแตกหัก แต่ใบหน้านี่โดนหนัก ไม่รู้ไปฟาดกับอะไรเข้า เพราะกรามหลุด ฟันหัก ปาก-คางแตก ดั้งจมูกยุบ หน้าผากมีบาดแผลลึกถึงกะโหลก สลบไปนานวันกว่าถึงฟื้น


"ระหว่างที่หมดสติ หมอนำเข้าห้องผ่าตัดเย็บแผล งัดจมูกที่ยุบขึ้นมา ไม่ได้เสริมดั้งใหม่ ใช้เหล็กดันกรามไว้สักอาทิตย์หนึ่ง โชคดีที่หมอทำศัลยกรรมให้ซีมีฝีมือระดับประเทศ ถ้าไม่ใช่หมอท่านนี้ ใบหน้าซีอาจแย่กว่านี้ก็ได้


"สรุปว่าซีไม่ได้กลับกรุงเทพฯ ต้องอยู่รักษาตัวต่อนานเป็นเดือน ส่วนเพื่อนตอนนี้ยังมีเหล็กดามทั้งตัว และมีรอยแผลเต็มไปหมด



 





"หลังจากเหตุร้ายๆที่เกิดขึ้นกับซีในเวลาไล่เลี่ยกันแล้ว ดวงชะตาของซีก็ดีขึ้น เหมือนกับว่าเป็นการฟาดเคราะห์ เพราะพอกลับมากรุงเทพฯ ไม่นานก็มีคนติดต่อไปถ่ายโฆษณา ถ่ายแฟชั่นลงนิตยสาร เริ่มเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงมากขึ้น ก่อนหน้านั้นแค่ใช้ชีวิตเที่ยวเล่นและเรียนหนังสือหมดไปวันๆ




"งานโฆษณาชิ้นแรกคือ น้ำหอมของวัยรุ่นยี่ห้อหนึ่ง เขาติดต่อมาเพราะเห็นรูปซีและมีคนพูดถึงในเว็บไซต์ไฮไฟว์กันมาก เขาติดต่อให้ไปแคสติ้ง แต่แผลยังไม่หายดี จึงบอกให้หมอช่วยจัดการอย่างรวดเร็ว ปรากฏว่าแคสผ่าน และมีถ่ายลงหนังสือต่ออีก ทั้งที่ยังมีแผลบนหน้า ต้องอาศัยหลบมุมและใช้คอมพิวเตอร์ช่วย จนทางอาร์เอสเห็นก็ติดต่อมาให้ไปเรียนร้องเพลง



"จากนี้ซีไม่อยากให้มีเหตุการณ์ร้ายๆ แบบนี้เกิดขึ้นอีก เพราะถ้าแรงกว่านี้ ไม่รู้จะมีชีวิตรอดไหม ปกติไม่ค่อยกลัวอะไร แต่เจอเรื่องแรงแบบนี้ก็ช็อกเหมือนกัน ตอนนี้เริ่มหันมาดูแลตัวเอง ไม่ให้ชีวิตต้องไปเสี่ยงกับเรื่องน่ากลัวอีก ส่วนแผลบนหน้ายังต้องรักษาต่อ ต้องคอยฉีดยาป้องกันคีรอยด์ไม่ให้นูนขึ้นมาจนกว่าจะหายขาด


"เรื่องงานพยายามรับผิดชอบให้ดีที่สุด เพราะซีไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว"


 





เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์