สัมภาษณ์ P แจ๊ค (แบล็คแจ๊ค) จาก นสพ. ไทยรัฐ แร๊งส์ๆๆๆๆ

Pic_58956


หาย หน้าไปเป็นปีสำหรับอดีตสมาชิกวงไนซ์ทูมีทยู กลับมาหนนี้เปลี่ยนลุกเสียใหม่ในแนวพั้งค์ร็อก ปล่อยเพลงเขย่าวงการไปแล้ว แถมรับว่ามีแฟนอีกต่างหาก...


หนุ่มหล่อเทรนด์เกาหลีอีกคนหนึ่งของอา ร์เอสฯ หลังจากขอลา1 ปีเพื่อไปเรียนที่ธรรมศาสตร์ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่ามีเรื่องขัดแย้งกับนัก ร้องในวงไนซ์ทูมีทยู

แท้จริงเป็นอย่างไร  1 ปีเศษ หลังจากที่ซุ่มทำวิทยานิพนธ์ด้านวิศวกรรมศาสตร์ เขาก็กลับมาพร้อมคำถามและคำตอบมากมาย


สำหรับ "แจ๊ค - จารุพงศ์  กล้วยไม้งาม" อดีตสมาชิกไนซ์ทูมีทยู กลับมาหนนี้พร้อมความเข้มขรึมกว่าเดิมนัยว่าร็อกเกาหลี ญี่ปุ่นอาจจะต้องหันมามองเรียกขานกันให้เท่ห์ว่า เป็นแบล็คแจ๊ค

ล่าสุด แบล็คแจ๊ค ส่งซิงเกิ้ลเพลง "Love Me If You Can" (เลิฟ  มี  อีฟ  ยู  แคน)  ตามซิงเกิ้ลสองเพลง     "เลอะเลือน" เอาใจแฟนคลับ


ต้องยอมรับว่าเปลี่ยนไปเยอะแต่ที่เห็นชัดคือดวงตาเพราะกรีดมาเสียสวย ดูเพลินๆ เกือบเคลิ้มนึกว่ามาจากแดนกิมจิเหมือนกัน เราขอเปิดพื้นที่สำหรับหนุ่มแจ๊คได้เล่าถึง 1 ปีที่หายไปจากความทรงจำของแฟนคลับว่าไปทำอะไรมา


หวัดดี แจ๊ค อยากคุยเรื่องที่ออกไปจากวง ตอนนั้นลือกันหลายกระแส จริง ๆ ออกไปทำอะไร

คือ ตอนนั้นออกไปเรียนต่อให้จบ  เรียนอยู่ธรรมศาสตร์อินเตอร์  เรียนอยู่ประมาณปี 4 แล้วเหลืออีกประมาณเทอมกว่าๆก็จะจบ  ด้วยโปรเจกต์อะไรต่างๆ รวมถึงบางวิชาที่ยังไม่เปิดในเทอมหน้าทำให้จำเป็นต้องเลือกกลับไปเรียนต่อ ให้จบ  คะแนนเข้าเรียนไม่มีเลย อาจารย์สามารถที่จะให้เอฟได้เลย  ตอนนั้นเรียนคณะวิศวฯ บริหาร  ซึ่งยากมากต้องใช้การเข้าเรียนในห้องและทำความเข้าใจ และก็มีการทำโปรเจกต์ด้วยเค้าเรียกว่าเป็นการทำวิทยานิพนธ์ ทำเกี่ยวกับเรื่องการทำงาน  หมายถึงว่าลักษณะท่านั่ง  การยืน  หรืออุปกรณ์ในการทำงานมีผลต่อการทำงานมากน้อยแค่ไหน  ตอนนี้จบเรียบร้อยแล้วครับ

ตอนนั้นที่ตัดสินใจที่จะหยุดงานบันเทิงเพื่อที่จะไปทุ่มให้กับการเรียนต่อนั้นตัดสินใจยากหรือเปล่า

ยากมากครับ  ตัดสินใจนานมากเพราะว่าเรา รักด้านนี้รวมถึงทำงานกับเพื่อนร่วมกันมามันมีความผูกพัน แต่อย่างที่บอกด้วยความจำเป็น บางวิชาจะไม่เปิดในเทอมหน้าแล้วเพราะว่ามีการเปลี่ยนหลักสูตร  คือทุกอย่างบีบให้เราต้องตัดสินใจ

หยุดไปเป็นปี


เกือบ ปี  ตอนนั้นเพื่อนในวงไนซ์ฯ ก็คือเราคุยกันแล้วเพื่อนๆก็บอกว่าถ้าเกิดมีความจำเป็นที่ต้องออกไป  คือเค้าเข้าใจความจำเป็นของเรา  ซึ่งเค้าก็บอกว่าถ้าเป็นตัวเค้า  เค้าก็จะตัดสินใจแบบนี้  เราก็รู้สึกดีใจที่เพื่อนๆของเราเข้าใจ

กลับมาทำอะไรเพิ่ม


ก็ ทำซิงเกิ้ลของตัวเองก่อน หยุดไปพักใหญ่ต้องฟิตเยอะหน่อย  ตอนที่กลับมาซ้อมครั้งแรกๆก็เป๋เหมือนกัน คือเราไปมุ่งเรียน  เราไม่ได้ซ้อมร้องเพลงซ้อมเต้น  พอกลับมาก็มึนๆงง ๆก็ต้องอาศัยเรียกความมั่นใจ  ขึ้นมาช่วงนึงเลย


มีข่าวว่ามีอุบัติเหตุจากการซ้อม


จริง ครับ คือผมมีปัญหาที่หัวเข่า  เต้นๆไปก็จะเริ่มเจ็บ  เจ็บมากๆ  แล้ววันนึงก็ซ้อมประมาณ  6-7 ชั่วโมงต่อวันทุกวันประมาณ  2 เดือน  ร่างกายก็ช้ำเพราะว่าเราไม่ได้ออกกำลังกายหนักๆแบบนี้ต่อเนื่องกันมาตลอด  แต่ว่าตอนนี้โอเคแล้วครับ

กับงานเพลงใหม่เป็นอย่างไรบ้าง


คอน เซ็ปเป็น    "แบล็คแจ๊ค"  อยากให้ทุกคนเห็นอีกมุมหนึ่งของแจ๊คที่ทุกคนยังไม่เคยเห็น  ปกติจะเห็นแต่มุมใสๆ  น่ารักๆ  มาเป็นอีกมุมหนึ่งที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น เข้มข้น  ขรึมขึ้น  สไตล์ดนตรีก็เป็นสไตล์ที่เราชอบ  โดยตรงมากขึ้นมีส่วนผสมของฮิพฮอพ  อาร์แอนด์บีชัดเจนขึ้นและก็มีพวกอิเล็กทรอนิกส์ซาวน์  เสียงสังเคราะห์แบบฮิพฮอพตะวันตก  เสียงออเคสตาร์ ที่เราชอบ

มาวันนี้เป็นยังไงบ้าง

กลับ มาวันนี้เรียกว่าพลิกความคาดหมายจากสีขาวกลายเป็นดำเลย   ตอนนี้มีแผนเยอะเลย ก็มีออกมา  2 ซิงเกิ้ลแล้ว  คือ love  me  if  you  can  กับเลอะเลือน แล้วก็จะมีซิงเกิ้ลตามออกมาเรื่อยๆ

พอกลับมาอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง

เปลี่ยน ไปมากครับ  รู้สึกว่าระบบต่างๆ  บริษัท  ทีมงานมีการเปลี่ยนแปลงเรื่อยๆอยู่แล้ว  ทีมโปรโมตเป็นอีกทีมหนึ่ง ทีมใหม่แต่ทีมโปรดิวเซอร์เป็นทีมเดิมที่สนิทกัน  ก็รู้สึกแปลกๆที่เราทำงานคนเดียว  คือเมื่อก่อนก็มีเพื่อน  มีทุกคนคอยแชร์พื้นที่บนเวที  ผิดพลาดยังไงก็มีเสริมกัน  ตอนนี้คนเดียวก็ต้องมีความรับผิดชอบมากขึ้น  มีสติ  รวมถึงมีความตั้งใจและอดทนเพิ่มมากขึ้น

ช่วงที่เราหายไปรู้สึกว้าเหว่ไหม

ก็ รู้สึกคิดถึงจากที่เราเคยออกคอนเสิร์ต  ออกงานกับเพื่อนๆเราก็ไม่ได้ออก  บางทีเราเห็นเพื่อนๆ ร้องเพลงในทีวีเราก็คิดว่าเราก็เคยร้องอยู่กับพวกเค้าแต่ด้วยความจำเป็นเรา ต้องยอมเข้าใจเพราะสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราเลือกเอง

เสียดายไหมที่แต่ก่อนเคยเป็นบอยแบนด์

คือเสียดายทีมเวิร์กมากกว่า  อย่างที่บอกเราทำงานด้วยกัน  มีความเป็นเพื่อนคือความเป็นทีมเวิร์ก


ตอนที่ออกไปเรียนมีข่าวว่ามีปัญหาจริงๆแล้วมีปัญหาหรือเปล่า

ไม่ มีปัญหาเลยครับ เพราะว่าความจำเป็นเรื่องการเรียนอย่างเดียว  ออกไปและก็ไม่กะด้วยว่าจะกลับมาทำงานตรงนี้ด้วยซ้ำ คือเรียนจบแล้วก็บวชเลย  แล้วก็ค้นหาว่าตัวเองชอบอะไร เผอิญว่าบริษัทและก็โปรดิวเซอร์มาพูดคุยว่าร้องเพลงเล่นๆให้เค้าฟังหน่อย  แล้วก็เกิดไอเดียขึ้นมา

กับเพื่อนในกลุ่มเดิมคุยกันบ้างไหม

คุย กันตลอดครับ  เค้าบอกว่าออกเมื่อไหร่เอามาให้ฟังด้วย  เพราะเค้ารู้ว่าแจ๊คเป็นคนตั้งใจทำงาน  และก็อยากจะเห็นความเป็นตัวแจ๊คผ่านเพลง  ก็มีการโทรคุย  บีบีคุยกันตลอด แนวเพลงก็โตขึ้นไปตามวัยและก็ตามสไตล์ที่เราชอบด้วย



หนักใจไหมเรื่องคู่แข่งของค่ายเราเองและก็ค่ายอื่นๆ


ตอน แรกที่กลับมาก็ใจตุ้มๆต่อมๆ ว่าจะมีคนมาฟังเราหรือเปล่า  เพราะว่าตอนนี้นักร้อง  ศิลปินที่มีความสามารถ  ทั้งรูปร่างหน้าตา  หรืออะไรต่างๆกำลังเกิดขึ้นเยอะ  ทำให้เราประหม่าเหมือนกันแต่ด้วยความที่เราทำงานเราใส่ใจกับมันมาก  ทุกรายละเอียดคือเราคิดดีที่สุดแล้ว  เราก็รู้สึกว่าไม่เป็นไรเราทำดีที่สุด ผลจะออกมายังไงเรายอมรับมันได้

ทางครอบครัวว่ายังไงบ้าง


คือ ตอนนั้นที่ตัดสินใจว่าจะเรียนหรือว่าจะทำงานต่อ  เค้าก็บอกว่าให้เราตัดสินใจเอง  แต่ก็ทิ้งข้อคิดว่า  ให้คิดให้ดีๆ  ว่าอนาคตเราไม่แน่นอน  บางทีสิ่งที่ดูว่ากำลังไปได้ดีอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนก็ได้   หรือสิ่งที่ไปได้ไม่ดี  อาจจะเป็นสิ่งที่ดีในอนาคตก็ได้

เชื่อว่าแฟนคลับน่าจะเชียร์ให้เรากลับมา

ครับก็อย่างในเว็บบอร์ด  ในเว็บก็แบบประมาณว่าคอยถามถึง  เป็นยังไงบ้างจะได้เห็นร้องเพลงอีกไหม

ระวังตัวเรื่องข่าวกอซซิปยังไงบ้าง


ก็ ไม่ได้เชิงระวังตัว  เราก็ใช้ชีวิตปกติ  คือเป็นกระแสที่เราห้ามไม่ให้คนคิดไม่ได้  ซึ่งเราก็เป็นตัวเรา  ตอบทุกคำถามด้วยความจริงไม่ว่าจะให้เราตอบอีกกี่ที เราก็ตอบเหมือนเดิม

ตอนนี้มีใครที่กำลังดูๆกันอยู่

ก็มีศึกษาไปเรื่อยๆ    ไม่ได้ปิด และก็ไม่ได้เปิดซะทีเดียวอย่างที่บอกเราก็ใช้ชีวิตปกติอยู่ในสายตาผู้ใหญ่

คนในหรือนอกวงการ

คนนอกวงการครับ  เค้าก็ให้เกียรติเรา  เราก็ให้เกียรติเค้า  ให้เกียรติกันก็ไม่มีปัญหาอะไร  อาศัยความเข้าใจ

มองอย่างไรกับความรักของวัยรุ่น อยากเปิดหรืออยากปิดเอาไว้ก่อน

ไม่ จำเป็นว่าจะต้องปิดหรือเปิดเผยเพียงแต่เราทำอะไรให้เกียรติฝ่ายหญิง  แล้วเค้าให้เกียรติเรา  รวมถึงว่าเราไม่ได้ไปทำอะไรที่ไม่ดี    ไปในที่อโคจร  มีปาร์ตี้หรืออะไรก็แล้วแต่  และก็อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ด้วยก็โอเคแล้วไม่มีปัญหาแน่นอน

ฝากผลงาน


กลับ มาคราวนี้มีความเป็นตัวแจ๊คเต็ม 100 %  และก็เป็นตัวแจ๊คอีกมุมนึงที่หลายคนไม่เคยเห็น อยากให้ลองสัมผัสมุมนี้ของแจ๊คดูในความเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น  ความนิ่ง  ความขรึมมากขึ้น  รวมถึงสไตล์เพลงที่เปลี่ยนไปจากแนวใสๆมาเป็นโทนฮิพฮอพ    อาร์แอนด์บี  ความเป็นโมเดิร์นมากขึ้น  ตอนนี้  Love  me  if  you  can ก็เป็นซิงเกิ้ลแรก  ซิงเกิ้ลที่สองก็เลอะเลือนก็ปล่อยมาได้สักพักแล้ว  คืออยากให้ลองติดตามเอ็มวีรวมถึงติดตามเพลงว่า มีความเปลี่ยนแปลงแนวดนตรี  แฟชั่นมากน้อยขนาดไหน  ก็อยากให้ติดตามกันครับ


 


ข้อมูลจาก







เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์