‘โบ๊ท-ธารา’ เด็กหนุ่มผู้มีความฝัน

แจ้งเกิดเป็นนักแสดงเลือดใหม่ สด ๆ ร้อน ๆ จากละคร “ไฟรักเพลิงแค้น” ทางช่อง 3 ค่ายโซนิกซ์บูม 2013 จำกัด สำหรับ “โบ๊ท-ธารา ทิพา” หนุ่มน้อยหน้าใส ถ้าบอกว่าเขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 6 หลายคนคงไม่เชื่อ แต่มันคือเรื่องจริง แต่ต้องบอกว่าความสามารถของเขาไม่ได้เด็กตามอายุเลย แถมเจ้าตัวยังแอบฝันเล็ก ๆ ว่าอยากจะเก่งเหมือนไอดอลสุดหล่อ “ติ๊ก-เจษฎาภรณ์ ผลดี” ฝันนี้จะเป็นจริงหรือเปล่าคงต้องรอดูกัน และในวันนี้ โบ๊ท มานั่งพูดคุยกับเราถึงเรื่องราวชีวิตในวงการบันเทิงกับละครเรื่องแรก

“ครอบครัว”

ขอถามถึงครอบครัวกันบ้าง โบ๊ท มีพี่น้องกี่คน?

“ผมเป็นคนจังหวัดสระแก้วครับ ตอนประถมเรียนที่ รร.สำเร็จวิทยา ถึง ม.3 พอจะขึ้น ม.4 ครอบครัวก็ย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ผมมีพี่น้อง 3 คนครับ มีพี่ชาย 1คน น้องสาว 1 คน สนิทกันมากเพราะเราไม่เคยแยกกันเลย แต่ผมจะชอบเล่นกับพี่ชายมากกว่าเพราะเล่นต่อสู้แรง ๆ ได้ ส่วนน้องสาวเขาเรียบร้อย ให้เขาเล่นกับแม่กับเพื่อนแทน แต่ตอนนี้พี่ชายไปเป็นทหารรับใช้ชาติแล้ว ผมก็จะเหงานิดหน่อยคับ แต่พอได้ไปกองถ่ายก็มีเพื่อนเยอะ”

ชีวิตเด็กต่างจังหวัดกับเด็กกรุงเทพฯ โบ๊ท คิดว่าแตกต่างกันไหม?

“ผมคิดว่าแตกต่างกันเยอะมาก ชีวิตผมก่อนเข้ากรุงเทพฯ ก็ตื่น 7 โมงไปโรงเรียน เลิกเรียนเล่นกับเพื่อนเสร็จเดินกลับบ้าน แต่พอมาอยู่กรุงเทพฯ ตื่นตี 5 เพราะถ้าสายรถติด เลิกเรียนก็ต้องมีกิจกรรมเดินห้างดูหนังกับเพื่อน ๆ เรียกว่าจังหวะชีวิตผมเร็วมาก บางวันทำอะไรยังไม่ครบเลย อ้าวหมดไปแล้ว 1 วัน ตัวผมเองก็ต้องปรับชีวิตประจำวันให้เร็วขึ้นด้วย”

เพิ่งเปิดเทอมขึ้น ม.6 เป็นไงฮอตมั้ยอยู่ที่โรงเรียน เพราะละครกำลังออกอากาศพอดี?

“กับเพื่อน ๆ ในชั้นเขาก็เฉย ๆ ปกตินะครับ เพราะเจอกันมานาน จะมีแต่รุ่นน้องที่เข้ามาใหม่ ๆ มาขอถ่ายรูป ขอลายเซ็นอะไรประมาณนี้ครับ ก็ดีใจครับที่มีคนจำเราได้ ถามถึง พี่สมาร์ทบ้าง แยมบ้าง ซึ่งผมก็ใช้ชีวิตเป็นโบ๊ทคนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เฮฮากับเพื่อนเหมือนเดิม”

“ทีมชาติ”

ผลงานชิ้นแรกในวงการบันเทิง ของ “โบ๊ท” คืออะไร ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกเลยหรือเปล่า?

“เริ่มตอนนั้นผมอายุ 14 คุณอาพาไปถ่ายแบบให้บางกอกโพสต์แมกกาซีน ต่อมาก็ไปเดินแบบให้เสื้อผ้าของเทียเตอร์แฟชั่นวีค ต่อมาก็ได้เล่นละคร เรื่อง มาย เมโลดี้ 360 องศา แล้วได้รู้จักกับพี่ไก่-วรายุฑธ พี่ไก่ ก็เลยส่งไปเรียนการแสดงกับครูเงาะ พอเรียบจบคอร์สผมก็ไปเรียนการแสดงต่อกับพี่ชุ-ชุดาภา อีก เพราะรู้สึกว่าชอบและอยากให้ตัวเองเก่งขึ้นครับ จนมาได้เล่นละครเรื่องนี้”

วงการบันเทิง คือ อาชีพในฝันของ “โบ๊ท” รึเปล่า?

“ไม่ใช่เลยครับ งานบันเทิงไม่เคยอยู่ในหัวเลย ตอนเด็ก ๆ ผมชอบว่ายน้ำมาก ว่ายทุกวัน เพราะผมอยากว่ายน้ำเก่ง ๆ แล้วก็อยากตัวสูง เพื่อจะได้เป็นทีมชาติไปแข่งกีฬาโอลิมปิก ฝันผมยิ่งใหญ่มากนะครับ”

อยากรู้ทำไมถึงอยากเป็นนักว่ายน้ำทีมชาติ?

“เรื่องว่ายน้ำต้องยกความดีให้คุณพ่อ คุณแม่ เพราะท่านเป็นคนส่งผมไปเรียนตั้งแต่ ป.3 เพราะกลัวลูกจมน้ำเวลาไปเล่นที่สวนสนุก ผมจำได้ว่าไม่ได้ชอบนะ แต่เรียนไปเรียนมาแล้วมันโอเค ครูก็เลยบอกให้ฝึกเพื่อเป็นนักกีฬาโรงเรียน ผมก็เลยแอบฝันว่าไหน ๆ ก็มาขนาดนี้แล้ว ถ้าเราตั้งใจและขยันน่าจะไปได้ไกลถึงทีมชาติ”

แล้วเรื่องเรียนล่ะ ตอนนี้อยู่ ม.6 แล้ววางแผนอนาคตไว้ว่าตอนมหาวิทยาลัยอยากเรียนคณะอะไร?

“ตอนที่ผมเรียนมัธยมต้น ผมฝันอยากเรียนสถาปัตย์ เพราะชอบคำนวณ กับฝันอยากเรียนธรณีวิทยา เพราะผมชอบธรรมชาติ อยากทำงานวิจัย แต่ตอนนี้ฝันผมเปลี่ยนแล้วครับ ปีหน้าคงต้องเลือกเรียนคณะนิเทศศาสตร์ เพราะมันจะได้เอามาใช้กับงานของผมด้วย”

“ไฟรักเพลิงแค้น”

แล้วไปมายังไง “โบ๊ท” ถึงได้มาเล่นละคร “ไฟรักเพลิงแค้น”?

“ก็ต่อเนื่องมาจากที่ได้ไปเรียนการแสดงกับพี่ชุครับ พอเรียนจบก็มีพี่ทีมงานในทีมพี่ชุติดต่อมาให้ไปเล่นละคร ไฟรักเพลิงแค้น ตอนนั้นผมดีใจมากเลย เพราะรู้ว่าตัวเองยังแสดงได้ยังไม่ดี แต่พี่ชุก็ให้โอกาส”

ทำงานด้วยเรียนไปด้วย “โบ๊ท” แบ่งเวลายังไง?

“ตอนนี้ผมเรียนอยู่ที่ โรงเรียนจันทร์หุ่นบำเพ็ญ ม.6 สายวิทย์-คณิตครับ ก่อนหน้านี้ช่วงที่ผมต้องทำงานพร้อม ๆ กับเรียน ผมเครียดมากเพราะไม่รู้จะแบ่งเวลาได้ไหม เราจะไหวเหรอ ที่โรงเรียนจะว่ายังไงบ้าง แต่เพราะผมเป็นคนที่ถ้าลองจะทำอะไรก็ต้องทำให้สำเร็จ ลุยไปข้างหน้า ต้องเอาชนะอุปสรรค แต่ที่ผ่านอุปสรรคมาได้ผมต้องขอบคุณอาจารย์ทุกท่าน และเพื่อน ๆ ทุกคนในห้องที่ช่วยผมเยอะมาก เพราะตอนที่ทำงานเยอะ ๆ ผมมีเวลาไปเรียนอาทิตย์ละ 2 วันเอง ดังนั้นเวลาไปเรียนผมก็จะตั้งใจเรียนให้เข้าใจ แบ่งเวลาให้ดี ว่าเวลาไหนควรทำอะไร ไม่ว่าจะเป็นออกกำลังกาย เรียน อ่านหนังสือ ทำการบ้าน หรือทำงาน”

“เสียงตอบรับ”

คาดหวังกับละครเรื่องนี้แค่ไหน?

“ต้องบอกว่าละครเรื่องนี้เป็นละครเรื่องแรกที่เล่นเต็มตัว แล้วกระแสตอบรับก็ดีเกินที่ผมคาดหวังไว้มากครับ เพราะตอนที่ถ่ายทำผมไม่เคยวิ่งมาทันเช็กเทปเลย ก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองเล่นเป็นไงบ้าง คนดูดูแล้วจะชอบไหม

แต่มานั่งลุ้นทุกคืนที่ละครออนแอร์ว่าให้มันออกมาดีเถอะ ขอให้คนดูชอบนะ เดี๋ยวนี้ไปไหนมาไหนคนเริ่มจำได้ ชมว่าเล่นน่ารักดี ผมก็ดีใจนะครับ ไม่กล้าหัวเราะดีใจดัง ๆ ได้แต่อมยิ้ม ความดีทั้งหมดผมยกให้พี่ชุ ที่คอยสั่ง คอยสอนผมตลอด”

อยู่ในกองมีใครใจดีคอยสอนการแสดงให้ “โบ๊ท”บ้างไหม?

“คนแรกเลย คือ พี่ดุ๊ก-ภาณุเดช ครับ สอนทุกอย่าง ถ้าไม่ได้พี่ดุ๊กผมต้องตายแน่ ๆ เพราะผมเป็นคนพูดเร็ว พูดรวบคำ พี่ดุ๊ก จะคอยเตือน เวลาเข้าฉากอารมณ์ก็จะส่งให้ดีมากเลยครับ ส่วนพี่โอ๊ต จะมาแนวให้กำลังใจ พี่สมาร์ท ก็สอนเรื่องมุมกล้อง ว่าต้องยืนแบบนี้ หันหน้าแค่นี้ ไม่ต้องเกร็ง เล่นไปตามธรรมชาติ กับพี่บอลก็สนิทกันครับเพราะคุยกันบ่อย”

“สาว สาว สาว”

แล้วกับนางเอก “แยม-มทิรา” ล่ะ เพราะมือใหม่เหมือนกัน แนะนำอะไรกันบ้าง?

“กับแยมเราต่างใหม่กันทั้งคู่ครับ ก็ต่างคนต่างให้กำลังใจกันครับไม่รู้จะแนะนำอะไรกัน แต่เราจะเข้าฉากกันบ่อย อายุก็เท่ากันก็เลยสนิทกันเร็ว”

มาถึงเรื่อง “ความรัก” กันบ้าง หล่อ ๆ แบบนี้มีแฟนยัง?

“ยังไม่มีครับ ผมยังไม่คิดเรื่องนั้น ผมขอเรียนก่อนครับ ซึ่งผมว่าปัจจุบันเรื่องความรัก เป็นเรื่องปกติของวัยรุ่น แต่สำหรับตัวผมผมมองว่าถ้าเราจะคบกันและเป็นกำลังใจให้กัน ชวนกันเรียน ช่วยกันติวหนังสือ ไม่ชวนกันออกนอกลู่นอกทาง ผมว่าก็คงไม่ผิดอะไร”


โบ๊ท-ธารา ทิพาโบ๊ท-ธารา ทิพา


โบ๊ท-ธารา ทิพาโบ๊ท-ธารา ทิพา


โบ๊ท-ธารา ทิพาโบ๊ท-ธารา ทิพา


โบ๊ท-ธารา ทิพาโบ๊ท-ธารา ทิพา


โบ๊ท-ธารา ทิพาโบ๊ท-ธารา ทิพา

เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์