“ตุ้ย-เกียรติกมล ล่าทา” หนุ่มคนนี้ยิ่งเวลาผ่านไป ก็ยิ่งมีเสน่ห์ และล่าสุดวันนี้ตุ้ยกลับมาอีกครั้งกับละครเรื่อง “ตะวันบ้านทุ่ง” ที่กำลังออกอากาศในตอนนี้ และแน่นอนว่าถึงวันนี้ ตุ้ย จะเข้าวงการมา 6 ปี แล้วแต่แฟนคลับหนุ่มคนนี้ก็ยังเหนียวแน่น และหลาย ๆ คนก็อยาจะรู้เรื่องความรัก ที่หนุ่มตุ้ย ไม่ยอมที่จะเปิดเผยกับใคร แต่ในวันนี้ ตุ้ย พร้อมแล้วที่จะมานั่งคุยกับเรา ถึงทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ตั้งแต่เข้ามาวงการบันเทิง จากวันแรกจนถึงวันนี้ ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมั้ย?
“วันนี้ผมเข้ามาเป็นเอเอฟ 6 ปี แล้วชีวิตเปลี่ยนตั้งแต่วันแรกเลยครับ ที่เห็นชัดเลยคือหน้าที่การงาน เราต้องมีความรับผิดชอบเยอะขึ้น งานที่ทำเงินได้ง่าย แต่เราต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ทั้งด้านการทำงาน ระเบียบวินัย และอะไรที่มันจะทำให้เราออกจากวงการได้ง่ายที่สุด เราก็ต้องไม่ทำ ในช่วงปีสองปีแรก ๆ ที่เข้าวงการมา มันเหมือนเราต้องคลำทาง หาทางที่ปลอดภัยกับตัวเราเอง และคนรอบข้างเรา รวมถึงคนที่รักเรา แต่พอเราผ่านตรงนั้นมาได้ปุ๊บ เราก็สบายแล้ว แต่เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และก็เป็นตัวเอง สบายสุดแล้ว”
งานที่ผ่านมา อันไหนที่ภูมิใจสุด?
“ครั้งหนึ่งในชีวิตของผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งได้เล่นหนังเรื่องหนึ่งคือเรื่อง กอด ถึงแม้มันจะไม่ได้ทำเงินอะไรมากมาย แต่ผมก็ยังจำวินาที ที่เราลุกขึ้นยืนตอนที่หนังจบ แล้วปรบมือในโรงหนัง มันเป็นวินาทีที่เราภูมิใจมาก และถึงวันนี้ทุกคนก็ยังจำได้ว่า ตุ้ย เอเอฟ มีสามแขน มันก็ยังทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นอดีตที่เราเอาไปพูดถึงไหนต่อไหนได้ มันคืองานที่ผมภูมิใจมาก ๆ ชิ้นหนึ่งเลยครับ”
ให้คะแนนตัวเองในด้านการแสดงเท่าไร จากวันที่เข้ามาวันแรกจนถึงวันนี้ เริ่มต้นด้วยติดลบหรือเปล่า?
“มีหลายคนบอกว่าผมเล่นละครเก่ง แต่จริง ๆ แล้วไม่นะ เพราะว่าผมจะใช้การแสดงทุกครั้ง ๆ ในทุก ๆ เรื่องมาพัฒนาตัวเอง เพราะว่าความเก่งมันไม่มีขีดจำกัด ละครแต่ละเรื่อง แต่ละตัวละครก็ไม่เหมือนกัน มันอยู่ที่เราไม่หยุดพัฒนาเสียมาก กับละครเรื่องใหม่ทุก ๆ ครั้ง ผมจะนับ 1 ใหม่เสมอ ไม่ใช่ว่าอยู่กับที่นะ แต่การที่เราไม่ทะนงตัวว่าเก่ง เราต้องเรียนรู้และหาประสบการณ์จากรุ่นพี่ หรือว่ารุ่นใหญ่ ๆ เลย เอามาพัฒนาตัวเองด้วยครับ”
ด้วยภาพ ตุ้ย ดูห้าว ดูขาโจ๋ ตัวจริงตุ้ยเป็นคนยังไง?
“ด้วยภาพผมดูเป็นขาโจ๋ เจาะหู สัก แต่ตัวจริงผมเป็นคนมีสัมมาคารวะมากนะครับ เวลาทำงานก็คือทำงาน ไม่เกเร ก่อนหน้าเข้าวงการถึงผมจะร้องเพลงกลางคืน แต่ผมก็ไม่ได้ไปยกพวกตีกับใครนะครับ เพียงแต่ว่าผมชอบสิ่งที่เวลามองภายนอกแล้วมันดูไม่ดีแค่นั้นเอง จริง ๆ ผมเป็นคนอ่อนโยน จิตใจดีนะครับ อย่างเวลาผมเลิกกับใครสักคนหนึ่ง ผมเจ็บเป็นปีเลยนะ กว่าจะหาย อันนี้เรื่องจริง ๆ เลย อย่างหลัง ๆ มาเล่นละครเยอะ กลับเป็นว่า ตอนนี้เวลาที่ดูอะไรที่แบบโดนความรู้สึก ผมน้ำตาไหลเลยนะ มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ ผมว่าอาจจะเพราะว่าเราอยู่วงการบันเทิง เราเล่นละคร ตัวละครที่เราเล่น มันกล่อมเกลาจิตใจเราไปด้วย ก็เลยทำให้เราเปลี่ยนไป จากที่เมื่อก่อนร้องไห้ยาก ก็ง่ายขึ้น และจิตใจเราอ่อนโยนมากขึ้นด้วย”
ตอนนี้ ตุ้ย กลายเป็นต้นแบบให้น้อง ๆ หลาย ๆ คน?
“ดีใจมากครับ ผมมักจะพูดเสมอว่า การเจาะหู หรือว่าการสัก คุณทำได้ แต่ต้องทำในเวลาที่เหมาะสม ผมไม่ได้ยุว่าต้องทำเหมือนผม แต่คุณต้องดูตัวคุณเองด้วยว่าคุณพร้อมหรือยัง ที่ผมกล้าทำอะไรแบบนี้ เพราะว่าผมโดนแม่ชี้หน้าไว้ ว่าถ้าอยากเป็นดารานักแสดง ทำแบบนี้จะเข้าวงการได้ยังไง แต่วันนี้ผมเข้ามาและทำได้ ผมประสบความสำเร็จ แม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรผมแล้ว ซึ่งเราก็ทำอะไรในเวลาที่ถูก ที่สำคัญต้องเป็นคนดีแค่นั้นแหละ ผมว่าไม่น่าจะยากแล้วที่เราจะยืนให้น้อง ๆ หรือว่าเยาวชนหลายคนมาเอาเยี่ยงอย่างเรา”
เชื่อว่าอย่างตุ้ย ต้องมีทั้งสาวแท้ สาวเทียม เข้ามาหาเยอะ?
“ก็เยอะนะ (หัวเราะ ) ปีแรก ๆ ผมจะตอบว่าไม่มีเวลา เพราะทำงาน ซึ่งมันจริง ๆ พอมา 2-3 ปีให้หลังมา เริ่มมีคนมาชอบบ้าง แต่ผมเป็นคนที่ไม่ชอบคนในวงการบันเทิง เพราะผมรู้สึกว่ามันกลม โลกมันกลม และอีกอย่างเราเป็นคนใจแคบ ผมเลยให้คนในวงการบันเทิงเป็นเพื่อนผมเสียมากกว่า ซึ่งหลาย ๆ คนเขาก็อยากจะเป็นเพื่อนกับเราอยู่แล้ว ก็ไม่ได้มาหวังว่าจะต้องเป็นแฟนกัน นางเอกหลายคนที่พูดชื่อได้ และเป็นข่าวกันด้วยซ้ำว่ากิ๊กกันหรือเปล่า ผมพูดได้เลยว่าไม่มีแน่นอน ผมบอกเลยว่าผมใจแคบ ใจแคบในที่นี้คือ อย่างเวลาที่เราเลิกกันไปแล้วเขาไปคบกับดาราคนอื่นในวงการเดียวกัน ผมรับไม่ได้ และถ้าเขาจะต้องไปเล่นเลิฟซีนกับคนโน้นคนนี้ รู้ว่าเป็นงานแต่ก็ไม่ชอบ ซึ่งตรงนี้ผมรู้ว่านิสัยไม่ดี เลยไม่เอาคนในวงการเป็นแฟนเลยครับ ขอนอกวงการไปเลยดีกว่า สบายดี ข่าวก็ไม่มี แต่ผมก็ไม่ได้หลบนะ ผมใช้ชีวิตปกติเลย กินข้าวดูหนัง เที่ยวโน่นเที่ยวนี่ตามประสา”
แล้วตอนนี้ มีแฟนเป็นตัวตนมั้ย?
“ตอนนี้ผมก็เรื่อย ๆ ครับ คือผมเป็นคนแบบนี้ ถ้ายังไม่พร้อมไม่เปิดดีกว่า ถ้าผมเปิดมาปุ๊บ แล้วมันไม่ใช่ มันก็ต้องมานั่งตอบคำถามนักข่าวอีก ว่าเลิกกันทำไม ก็เลยคิดว่ารอให้เราพร้อมและมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อนดีกว่า แล้วค่อยเปิดทีเดียวเลย ปีนี้ผม 30 แล้ว ผมก็ต้องคิดเยอะขึ้น และใช้ชีวิตระมัดระวังมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าผมจะคบกับใครสักคนหนึ่งมันต้องหาแม่ของลูกแล้วล่ะครับ”
จริง ๆ ตุ้ย เจ้าชู้มั้ย?
“ผมเป็นคนกลางคืนมาก่อน และผู้หญิงเยอะ แต่ตอนนี้พอเรามาทำงานตรงนี้โอกาสที่เราจะได้เจอผู้หญิงมันน้อยลง มันก็ไม่ได้เจ้าชู้ ถ้ามีเข้ามาคุยกับผมก็คุย ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ มันก็สามารถคุยกันได้ง่าย แต่ไม่ใช่ว่าเราจะคุยกันเป็นแฟนเสมอไป มันเหมือนเราคุยกับเพื่อน ผมก็คุยได้เรื่อย ๆ”
คิดยังไงถ้าเจอผู้หญิงจีบเราก่อน?
“ไม่ถือครับ ยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไปมากแล้ว ถ้าเขามัวแต่อายอยู่ ก็อาจจะเกาะคานทอง เพราะว่าสมัยนี้ผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ ซึ่งสำหรับผม ผมไม่ซีเรียสตรงนี้นะ ถ้าเขาจะมาจีบเราก่อน แต่ว่าขอให้อยู่ในทำนองคลองธรรม และจริตของผู้หญิงเท่านั้นแหละ ถ้าจะเดินมาจีบเราก่อนผมก็โอเค”
แล้วตุ้ย คิดยังไงกับการแต่งตัว นุ่งสั้น ของผู้หญิงสมัยนี้?
“ก็ถ้าเป็นแฟนเรา เราก็ไม่ให้แต่ง แต่ถ้าคนอื่นแต่งเราก็ดูนะ (หัวเราะ) ชัดเจน เพราะว่ามันเป็นเรื่องจริงนะผมว่า ผู้ชายทุกคนแหละเป็นแบบนี้”
มาถึงเรื่องอนาคตบ้าง ตอนนี้แพลนเอาไว้ยังไงบ้าง?
“งานในวงการผมก็ทำมาเยอะแล้วนะครับจริง ๆ ก็ครบแล้วนะ จะบอกว่าพ่อแม่ เราก็ไม่ใช่คนในวงการมาก่อน แต่ทำไมเรามาอยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้ผมก็เป็นลูกเป็นหลานคนในวงการบันเทิงไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดละคร โดยเฉพาะทรูแฟนเทเซีย ที่อยู่กันมา 5-6 ปี ซึ่งมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ส่วนงานแสดงก็ทำมาครบ คงเหลือ
แต่ละบทบาทที่จะได้เล่นแล้วละครับ ยังมีอีกหลาย ๆ บทที่ยังไม่เคยได้ลอง”
แล้วบทไหนที่ ตุ้ยยังไม่เคยเล่นแล้วอยากจะเล่นบ้าง?
“ตุ๊ด ครับ (หัวเราะ) ผมว่าวงการสั่นสะเทือนเลยนะถ้าผมเป็นตุ๊ดเนี่ย (หัวเราะ) แล้วอีกบทที่อยากเล่นเลยคือ บู๊จัด ๆ หรือว่าบท ผี ที่เป็นผีจริง ๆ เลยยังไม่เคย ที่ผ่านมาบทแต่ละเรื่องที่เคยเล่นก็ยังมีกลิ่น ๆ บทโน้นบทนี้มาผสมกันแค่นั้นเอง”
ตุ้ย - เกียรติกมล ล่าทา
ตั้งแต่เข้ามาวงการบันเทิง จากวันแรกจนถึงวันนี้ ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะมั้ย?
“วันนี้ผมเข้ามาเป็นเอเอฟ 6 ปี แล้วชีวิตเปลี่ยนตั้งแต่วันแรกเลยครับ ที่เห็นชัดเลยคือหน้าที่การงาน เราต้องมีความรับผิดชอบเยอะขึ้น งานที่ทำเงินได้ง่าย แต่เราต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด ทั้งด้านการทำงาน ระเบียบวินัย และอะไรที่มันจะทำให้เราออกจากวงการได้ง่ายที่สุด เราก็ต้องไม่ทำ ในช่วงปีสองปีแรก ๆ ที่เข้าวงการมา มันเหมือนเราต้องคลำทาง หาทางที่ปลอดภัยกับตัวเราเอง และคนรอบข้างเรา รวมถึงคนที่รักเรา แต่พอเราผ่านตรงนั้นมาได้ปุ๊บ เราก็สบายแล้ว แต่เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด และก็เป็นตัวเอง สบายสุดแล้ว”
งานที่ผ่านมา อันไหนที่ภูมิใจสุด?
“ครั้งหนึ่งในชีวิตของผู้ชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งได้เล่นหนังเรื่องหนึ่งคือเรื่อง กอด ถึงแม้มันจะไม่ได้ทำเงินอะไรมากมาย แต่ผมก็ยังจำวินาที ที่เราลุกขึ้นยืนตอนที่หนังจบ แล้วปรบมือในโรงหนัง มันเป็นวินาทีที่เราภูมิใจมาก และถึงวันนี้ทุกคนก็ยังจำได้ว่า ตุ้ย เอเอฟ มีสามแขน มันก็ยังทำให้เรารู้สึกว่ามันเป็นอดีตที่เราเอาไปพูดถึงไหนต่อไหนได้ มันคืองานที่ผมภูมิใจมาก ๆ ชิ้นหนึ่งเลยครับ”
ให้คะแนนตัวเองในด้านการแสดงเท่าไร จากวันที่เข้ามาวันแรกจนถึงวันนี้ เริ่มต้นด้วยติดลบหรือเปล่า?
“มีหลายคนบอกว่าผมเล่นละครเก่ง แต่จริง ๆ แล้วไม่นะ เพราะว่าผมจะใช้การแสดงทุกครั้ง ๆ ในทุก ๆ เรื่องมาพัฒนาตัวเอง เพราะว่าความเก่งมันไม่มีขีดจำกัด ละครแต่ละเรื่อง แต่ละตัวละครก็ไม่เหมือนกัน มันอยู่ที่เราไม่หยุดพัฒนาเสียมาก กับละครเรื่องใหม่ทุก ๆ ครั้ง ผมจะนับ 1 ใหม่เสมอ ไม่ใช่ว่าอยู่กับที่นะ แต่การที่เราไม่ทะนงตัวว่าเก่ง เราต้องเรียนรู้และหาประสบการณ์จากรุ่นพี่ หรือว่ารุ่นใหญ่ ๆ เลย เอามาพัฒนาตัวเองด้วยครับ”
ด้วยภาพ ตุ้ย ดูห้าว ดูขาโจ๋ ตัวจริงตุ้ยเป็นคนยังไง?
“ด้วยภาพผมดูเป็นขาโจ๋ เจาะหู สัก แต่ตัวจริงผมเป็นคนมีสัมมาคารวะมากนะครับ เวลาทำงานก็คือทำงาน ไม่เกเร ก่อนหน้าเข้าวงการถึงผมจะร้องเพลงกลางคืน แต่ผมก็ไม่ได้ไปยกพวกตีกับใครนะครับ เพียงแต่ว่าผมชอบสิ่งที่เวลามองภายนอกแล้วมันดูไม่ดีแค่นั้นเอง จริง ๆ ผมเป็นคนอ่อนโยน จิตใจดีนะครับ อย่างเวลาผมเลิกกับใครสักคนหนึ่ง ผมเจ็บเป็นปีเลยนะ กว่าจะหาย อันนี้เรื่องจริง ๆ เลย อย่างหลัง ๆ มาเล่นละครเยอะ กลับเป็นว่า ตอนนี้เวลาที่ดูอะไรที่แบบโดนความรู้สึก ผมน้ำตาไหลเลยนะ มันเป็นอย่างนี้จริง ๆ ผมว่าอาจจะเพราะว่าเราอยู่วงการบันเทิง เราเล่นละคร ตัวละครที่เราเล่น มันกล่อมเกลาจิตใจเราไปด้วย ก็เลยทำให้เราเปลี่ยนไป จากที่เมื่อก่อนร้องไห้ยาก ก็ง่ายขึ้น และจิตใจเราอ่อนโยนมากขึ้นด้วย”
ตอนนี้ ตุ้ย กลายเป็นต้นแบบให้น้อง ๆ หลาย ๆ คน?
“ดีใจมากครับ ผมมักจะพูดเสมอว่า การเจาะหู หรือว่าการสัก คุณทำได้ แต่ต้องทำในเวลาที่เหมาะสม ผมไม่ได้ยุว่าต้องทำเหมือนผม แต่คุณต้องดูตัวคุณเองด้วยว่าคุณพร้อมหรือยัง ที่ผมกล้าทำอะไรแบบนี้ เพราะว่าผมโดนแม่ชี้หน้าไว้ ว่าถ้าอยากเป็นดารานักแสดง ทำแบบนี้จะเข้าวงการได้ยังไง แต่วันนี้ผมเข้ามาและทำได้ ผมประสบความสำเร็จ แม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรผมแล้ว ซึ่งเราก็ทำอะไรในเวลาที่ถูก ที่สำคัญต้องเป็นคนดีแค่นั้นแหละ ผมว่าไม่น่าจะยากแล้วที่เราจะยืนให้น้อง ๆ หรือว่าเยาวชนหลายคนมาเอาเยี่ยงอย่างเรา”
เชื่อว่าอย่างตุ้ย ต้องมีทั้งสาวแท้ สาวเทียม เข้ามาหาเยอะ?
“ก็เยอะนะ (หัวเราะ ) ปีแรก ๆ ผมจะตอบว่าไม่มีเวลา เพราะทำงาน ซึ่งมันจริง ๆ พอมา 2-3 ปีให้หลังมา เริ่มมีคนมาชอบบ้าง แต่ผมเป็นคนที่ไม่ชอบคนในวงการบันเทิง เพราะผมรู้สึกว่ามันกลม โลกมันกลม และอีกอย่างเราเป็นคนใจแคบ ผมเลยให้คนในวงการบันเทิงเป็นเพื่อนผมเสียมากกว่า ซึ่งหลาย ๆ คนเขาก็อยากจะเป็นเพื่อนกับเราอยู่แล้ว ก็ไม่ได้มาหวังว่าจะต้องเป็นแฟนกัน นางเอกหลายคนที่พูดชื่อได้ และเป็นข่าวกันด้วยซ้ำว่ากิ๊กกันหรือเปล่า ผมพูดได้เลยว่าไม่มีแน่นอน ผมบอกเลยว่าผมใจแคบ ใจแคบในที่นี้คือ อย่างเวลาที่เราเลิกกันไปแล้วเขาไปคบกับดาราคนอื่นในวงการเดียวกัน ผมรับไม่ได้ และถ้าเขาจะต้องไปเล่นเลิฟซีนกับคนโน้นคนนี้ รู้ว่าเป็นงานแต่ก็ไม่ชอบ ซึ่งตรงนี้ผมรู้ว่านิสัยไม่ดี เลยไม่เอาคนในวงการเป็นแฟนเลยครับ ขอนอกวงการไปเลยดีกว่า สบายดี ข่าวก็ไม่มี แต่ผมก็ไม่ได้หลบนะ ผมใช้ชีวิตปกติเลย กินข้าวดูหนัง เที่ยวโน่นเที่ยวนี่ตามประสา”
แล้วตอนนี้ มีแฟนเป็นตัวตนมั้ย?
“ตอนนี้ผมก็เรื่อย ๆ ครับ คือผมเป็นคนแบบนี้ ถ้ายังไม่พร้อมไม่เปิดดีกว่า ถ้าผมเปิดมาปุ๊บ แล้วมันไม่ใช่ มันก็ต้องมานั่งตอบคำถามนักข่าวอีก ว่าเลิกกันทำไม ก็เลยคิดว่ารอให้เราพร้อมและมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ก่อนดีกว่า แล้วค่อยเปิดทีเดียวเลย ปีนี้ผม 30 แล้ว ผมก็ต้องคิดเยอะขึ้น และใช้ชีวิตระมัดระวังมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าผมจะคบกับใครสักคนหนึ่งมันต้องหาแม่ของลูกแล้วล่ะครับ”
จริง ๆ ตุ้ย เจ้าชู้มั้ย?
“ผมเป็นคนกลางคืนมาก่อน และผู้หญิงเยอะ แต่ตอนนี้พอเรามาทำงานตรงนี้โอกาสที่เราจะได้เจอผู้หญิงมันน้อยลง มันก็ไม่ได้เจ้าชู้ ถ้ามีเข้ามาคุยกับผมก็คุย ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ มันก็สามารถคุยกันได้ง่าย แต่ไม่ใช่ว่าเราจะคุยกันเป็นแฟนเสมอไป มันเหมือนเราคุยกับเพื่อน ผมก็คุยได้เรื่อย ๆ”
คิดยังไงถ้าเจอผู้หญิงจีบเราก่อน?
“ไม่ถือครับ ยุคสมัยนี้มันเปลี่ยนไปมากแล้ว ถ้าเขามัวแต่อายอยู่ ก็อาจจะเกาะคานทอง เพราะว่าสมัยนี้ผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชายด้วยซ้ำ ซึ่งสำหรับผม ผมไม่ซีเรียสตรงนี้นะ ถ้าเขาจะมาจีบเราก่อน แต่ว่าขอให้อยู่ในทำนองคลองธรรม และจริตของผู้หญิงเท่านั้นแหละ ถ้าจะเดินมาจีบเราก่อนผมก็โอเค”
แล้วตุ้ย คิดยังไงกับการแต่งตัว นุ่งสั้น ของผู้หญิงสมัยนี้?
“ก็ถ้าเป็นแฟนเรา เราก็ไม่ให้แต่ง แต่ถ้าคนอื่นแต่งเราก็ดูนะ (หัวเราะ) ชัดเจน เพราะว่ามันเป็นเรื่องจริงนะผมว่า ผู้ชายทุกคนแหละเป็นแบบนี้”
มาถึงเรื่องอนาคตบ้าง ตอนนี้แพลนเอาไว้ยังไงบ้าง?
“งานในวงการผมก็ทำมาเยอะแล้วนะครับจริง ๆ ก็ครบแล้วนะ จะบอกว่าพ่อแม่ เราก็ไม่ใช่คนในวงการมาก่อน แต่ทำไมเรามาอยู่ตรงนี้ แต่ตอนนี้ผมก็เป็นลูกเป็นหลานคนในวงการบันเทิงไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดละคร โดยเฉพาะทรูแฟนเทเซีย ที่อยู่กันมา 5-6 ปี ซึ่งมันก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ส่วนงานแสดงก็ทำมาครบ คงเหลือ
แต่ละบทบาทที่จะได้เล่นแล้วละครับ ยังมีอีกหลาย ๆ บทที่ยังไม่เคยได้ลอง”
แล้วบทไหนที่ ตุ้ยยังไม่เคยเล่นแล้วอยากจะเล่นบ้าง?
“ตุ๊ด ครับ (หัวเราะ) ผมว่าวงการสั่นสะเทือนเลยนะถ้าผมเป็นตุ๊ดเนี่ย (หัวเราะ) แล้วอีกบทที่อยากเล่นเลยคือ บู๊จัด ๆ หรือว่าบท ผี ที่เป็นผีจริง ๆ เลยยังไม่เคย ที่ผ่านมาบทแต่ละเรื่องที่เคยเล่นก็ยังมีกลิ่น ๆ บทโน้นบทนี้มาผสมกันแค่นั้นเอง”
ตุ้ย - เกียรติกมล ล่าทา
ตุ้ย - เกียรติกมล ล่าทา
ตุ้ย - เกียรติกมล ล่าทา
ตุ้ย - เกียรติกมล ล่าทา
ตุ้ย - เกียรติกมล ล่าทา
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
https://www.facebook.com/teeneedotcom