โตโน่ รับปากว่า ดังแค่ไหนก็ไม่เปลี่ยน


แม้จะไม่ได้ไปต่อในเวที “เดอะสตาร์ ค้นฟ้าคว้าดาว ปี 6”
 
แต่หนุ่มหน้าตี๋สไตล์เกาหลีตามเทรนด์อย่าง โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ก็ได้กลายเป็นหนุ่มเนื้อหอมที่สาว ๆ หมายปองมากที่สุดคนหนึ่ง แต่ใครจะรู้บ้างว่าตัวตนที่แท้จริงของโตโน่นั้นสุดเรียบง่าย ติดดิน และมีมุมมองในชีวิตที่น่าสนใจแค่ไหน เสาร์นี้บันเทิงเดลินิวส์ไม่รอช้า ขอคว้าตัวโตโน่มาให้สาว ๆ ทำความรู้จักตัวตนหนุ่มขอนแก่นคนนี้ให้มากยิ่งขึ้นกันเลยดีกว่า

'บางสิ่งที่หายไป'

คุณพ่อผมเส้นเลือดใหญ่แตกที่ก้านสมอง ไม่มีใครคาดคิดเพราะโอกาสเกิดคุณหมอบอกเหมือนถูกลอตเตอรี่  คุณแม่ต้องรับสภาพหนี้สินประมาณ 10 กว่าล้าน ต้องขายรถ บ้าน ค่ายมวย มันทรมานจิตใจที่วันหนึ่งเราไม่มีพ่อ แล้วต้องมาเห็นคุณแม่ร้องไห้เสียใจคิดถึงคุณพ่อทุกคืน”

แล้วความฝันตอนเด็ก ๆ โตขึ้นอยากเป็นอะไร ?

“ผมไม่เคยมีความฝันที่มันเป็นอาชีพอย่างตำรวจหรือหมอ มันเปลี่ยนเรื่อย ๆ ความฝันผม แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าอยากทำมาตลอดคือ ทำอะไรก็  ได้ให้กับคนรอบข้างมีความสุข แต่มันก็ไม่รู้ว่ามีงานไหนที่ทำให้คนอื่นมี ความสุขด้วย และเราก็ สามารถมีความสุขได้กินได้ใช้ด้วย ตอนเด็ก ๆ ก็ไม่คิดว่า อยากเป็นนักแสดง ไม่ได้คิด”
       
'วันฟ้าเปลี่ยนสี'

พอมีคนรู้จักเรามากขึ้น แล้วชีวิตเราจะเปลี่ยนไปมั้ย ?

   
ผมโชคดีที่ไม่ได้เป็นคนมีต้นทุนแล้วจบออกไป ผมก็คิดว่าผมไม่ได้มีต้นทุนอะไรติดตัว แต่ผมเป็นเกียรติที่ผมมีคำว่าเดอะสตาร์ตามหลัง แต่คำนี้ไม่ได้ทำให้ผมคิดว่าผมคือดาวที่เหนือกว่าคนอื่น ผมออกมาแล้วผมก็คือคนปกติทั่วไปที่จะกินบะหมี่ข้างถนนจะทำอะไรที่มนุษย์คนอื่น ๆ เขาทำกัน การที่เรามาทำตรงนี้แล้วคนรู้จักเราเยอะเราสามารถทำสิ่งดี ๆ เป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็ก ๆ
   
เตรียมพร้อมกับข่าวคราวที่จะเกิดขึ้นหลังมีชื่อเสียงหรือยัง ?
   
ไม่เตรียมครับ ผมรู้ตัวว่าผมเป็นคนพูดตรง คิดยังไงก็พูดอย่างนั้นมันทำให้บางคนอาจจะไม่ชอบ แต่ในเมื่อที่มีใครถามแล้วผมจะต้องมาเรียบเรียงคำตอบผมเพื่อให้คนมารักผม แต่มันไม่ใช่ในสิ่งที่ผมคิดหรือผมเป็นให้ผมออกจากวงการนี้ดีกว่าครับ”
   
มุมมองของชีวิตและอนาคตในวงการ ?
   
“ผมดีใจที่มีโอกาสได้มารู้จักวงการบันเทิง วันข้างหน้าที่ว่าผมจะได้ทำอะไรมั้ย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผม ผมมีหน้าที่ทำในสิ่งที่เขามองว่าเหมาะสมให้ดีที่สุด”.



'เส้นทางนักร้อง'

อยากเป็นนักร้องตอนไหน ?

ผมชอบร้องเพลงตั้งแต่เด็ก  แต่ด้วยสภาพชีวิตของผมไม่ใช่จะเอาเงินไปเรียนร้องเพลงได้ ทำได้แค่เอากีตาร์มาเล่นกับเพื่อน ไม่ได้คิดว่าจะไปเป็นซูเปอร์สตาร์แค่ผมชอบร้องเพลงเท่านั้นเอง ที่มาประกวดเดอะสตาร์เพราะมันเป็นโอกาส แล้วเมื่อเราไม่เสียอะไรเลย รู้ตัวเราไม่เก่งแต่ในเมื่อใจมันชอบไม่ทำให้ใครเดือดร้อนมันเลยไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมจะไม่ไปสมัคร”

คิดว่าตัวเองเสียงดีขนาดเข้าไปประกวดมั้ย ?

ไม่ครับ เสียงมันไม่ดี ธรรมดาคนอื่นดูถูกเรามันก็เจ็บแล้ว แต่ถ้าผมต้องดูถูกตัวเองอีกมันคงเป็นไปไม่ได้ เชื่อว่าคนเราพัฒนาได้ ถึงตอนนี้ผมอาจจะพัฒนาได้นิดเดียว แต่อย่างน้อย ๆ สิ่งที่ผมทำก็เป็นสิ่งที่ผมตั้งใจและมีความสุขที่ได้ทำ และจะไม่หยุดทำหรือหยุดพัฒนาตัวเองด้วย”

ท่าทางต่าง ๆ ในคอนเสิร์ตแล้วพี่ม้าคอมเมนต์ล่ะ มาจากตัวตนของเราจริง ๆ มั้ย ?

มันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ถ้าผมอยากจะประดิษฐ์ท่าผมคงไม่ทำท่าให้ผมเหมือนลิง (หัวเราะ) คงทำท่าให้ตัวเองดูหล่อดูดี แต่พอเรามีความสุขแล้วสนุกไปกับคนดูมันก็เป็นของมันไปเองครับ มองลงไปเห็นคนยิ้มกับสิ่งที่เราทำอยู่ไม่ว่ามันจะร้องห่วยหรือตลกแต่เรารู้เขามีความสุขกับเราพอแล้ว”

พอรู้ว่าตัวเองไม่ได้ไปต่อแล้วล่ะ ?

ไม่เสียใจครับ แค่คนอย่างผมได้ทำตามสิ่งที่ตัวรัก ตามความฝันแล้วได้รับโอกาสมายืนอยู่บนเวทีนี้ มีคนมารู้จักมันก็เพียงพอแล้วสำหรับผม ไม่ได้คิดว่าออกมาแล้วจะเป็นสตาร์แค่ได้มาทำแล้วมีคนดูเราทั้งติและชมก็พอครับ”




'ความรัก'

คนกรี๊ดเราทั้งหญิงแท้และหญิงเทียม ก่อนเข้ามาประกวดคนเข้ามาหาเยอะมั้ย ?


“ก็มีครับ แต่ด้วยนิสัยผมโดยมากอยู่กับใครไม่ค่อยได้ คบกันไม่ได้นานครับ ผมยังไม่ค่อยมีเวลาให้เรื่องนี้ที่จะไปมองใครหรือจีบใคร”

สเปกเราเป็นยังไง ?

“ผมไม่ได้มีสเปกว่าคน ๆ นั้นจะเป็นยังไงจะสูงตัวเล็ก อ้วนหรือผอม ผมขอแค่เขารับในความเป็นเราได้ รักผมเพราะผมเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะอยากให้ผมเป็นอย่างใคร”

ดูเราเป็นผู้ชายแมนมาก ถามจริง ๆ มีมุมอ่อนหวานบ้างมั้ย ?

“คงไม่ค่อยมีครับ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำครับว่าคำว่าโรแมนติกเป็นยังไง ถ้ารักก็คือรักครับ จะเดินจับมือคนรักก็เดินจับมือ ไม่รู้แค่นี้หวานมั้ยนะ (หัวเราะ) อย่างจะซื้อของให้ผู้หญิง ก็นึกอะไรไม่ออกว่าจะซื้ออะไรให้ นึกออกแต่ว่าดอกไม้แล้วกันแค่รู้สึกอยากทำอะไรให้เขา เราทำตามความรู้สึกของเราครับ”

ถ้าไม่ได้เป็นนักร้องคิดว่าตัวเองทำอะไร ?

“จบมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต สาขาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวธุรกิจการบิน แต่ว่าผมไม่คิดว่าผมจะทำในสิ่งที่ผมจบมา ผมคิดว่าต้องการจะจบปริญญาตรีให้เร็วที่สุดจะได้ออกมาทำอะไรก็ได้ที่เป็นธุรกิจส่วนตัวแล้วดูแลแม่และน้อง ซึ่งตอนนี้ก็ทำธุรกิจตู้เติมเงินโทรศัพท์มือถืออยู่ครับ”

ต้องขอแสดงความยินดีกับ โตโน่ ด้วยที่วันนี้สามารถที่จะดูแลครอบครัวอันเป็นที่รักของตัวเองให้มีความสุขได้มากขึ้น

แต่อนาคตหนุ่มคนนี้จะขึ้นไปเป็นดาวบนฟ้าได้อีกดวงหรือไม่ ก็ต้องจับตามองกันต่อไปนะจ๊ะ.




ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
เดลินิวส์



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์