โชว์เกิร์ล VS เกิร์ลลี่ ใครแดนซ์เด้งกว่ากัน !!!

คงไม่มากเกินไปที่จะบอกว่าวงการดนตรีปี 2006


สุดท้ายแล้วไม่ได้มีอะไรใหม่ ความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นยังไม่มีให้เห็น โดยเฉพาะเรื่องของความพยายามที่จะรณรงค์ให้คนจ่ายสตางค์เพื่อซื้อแผ่นของแท้ยังคงได้รับความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง

เพราะคนไทยยังคนเอาแต่กรี๊ด แต่ไม่ช่วยกันซื้อ


นั่นทำให้ศิลปินระดับยักษ์จำนวนมาก


เกิดอาการตายอนาจคาแผง...ยอดตัวเลขของการขายที่ทำให้บริษัทปิดบริษัทฉลองลดลงมาเรื่อยๆ จนเดี๋ยวนี้ว่ากันว่า 5 หมื่นยูนิตก็เฮแล้ว ไม่ใช่หลักแสนและหลักล้านอย่างที่ใครๆ เข้าใจกัน





สีสันที่พอจะมีบ้างของปีนี้


จึงอยู่ที่ศิลปินอินดี้มากกว่า แต่เพราะการที่ไม่มีผู้สนับสนุนอย่างเพียงพอจึงไม่ทำให้ศิลปินจากค่ายเหล่านี้เติบโตได้อย่างที่ควรจะเป็น พูดง่ายๆ มีคนที่รู้จักอยู่น้อยมาก

โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อ...จะแทบไม่กล้าซื้อซีดีเหล่านี้กันเลย...เว้นเสียแต่ว่าคุณเป็นแฟนของคลื่นเจ้าพ่ออินดี้อย่าง Fat Radi


เหตุนี้เองกระมังที่ทำให้ค่ายยักษ์สองค่ายจึงใช้วิธี "เลียนรู้" และ "เลียนแบบ"


ซึ่งกันและกันที่จะทำให้ตัวเองเอาตัวรอดให้ได้ นั่นคือ การขายเนื้อหนังมังสาเสียเลย โดยเฉพาะในช่วงปลายปีที่สองค่ายขนและประชันเบอร์เด็ดดวงที่น่าจะสร้างความฮือฮาออกมาชนกันได้อย่างหน้าไม่อาย

ซึ่งยังไม่รู้เหมือนกันว่า
ศิลปินสองกลุ่มนี้จะออกมาทำให้ตลาดกระเพื่อมได้แค่ไหน
แต่ที่แน่ๆ มันได้สร้างปฏิกิริยาในกลุ่มผู้ฝักใฝ่ในการเสพภาพประเภทกลัดมันได้ครางฮือกันบ้าง

แต่สำหรับหลายคนที่ไม่ได้ตื่นเต้นแค่เห็นเนื้อสงวนของทั้งสองฝ่ายกลับเคลือบแคลงสงสัยอยู่ในใจลึกๆ ว่า

ของที่คุณพี่(ฮ้อ) และคุณอา(กู๋)คิดว่าดี ที่ตั้งใจหยิบยื่นมาให้ทั้งหลายนั้น เป็นบุญหรือว่าบาปทางสายตากันแน่




ขณะที่ปีนี้ทางบ้านเมือง ศาสนา และสังคมหลายฝ่ายออกมาเรียกร้อง


ให้ศิลปินใส่เสื้อให้มากชิ้นกันมากขึ้นจากทฤษฏีที่ว่า ศิลปินนั้นเป็นแบบอย่างที่ดีทางสังคม และการแต่งตัวโป๊ของดารานั้นดูเหมือนจะเป็นตัวชักชวนให้วัยรุ่นใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นกันมากขึ้น แต่ดูเหมือนความรับผิดชอบเกี่ยวกับสังคมในเรื่องนี้ของสองค่ายยักษ์ใหญ่จะไม่ปรากฏกันให้เห็น


เพราะในช่วงไตรมาสสุดท้าย...


เบอร์ใหญ่ที่ทั้งสองค่ายคืออาร์เอสกับแกรมมี่ปล่อยออกมากลับมีเจตนาที่จะขายเนื้อหนังมังสาอย่างเต็มเหนี่ยว กลายเป็นค่ายที่ประชาชนต้องถามถึงความรับผิดชอบต่อสังคมกันโดยตลอด

แต่ไอ้ความรับผิดชอบทางสังคม...ก็ไม่ได้มีความเจ็บปวดเท่าการทารุณกรรมทางสายตาของคนดู


เริ่มไล่กันมาตั้งแต่ค่ายฝั่งลาดพร้าวหรืออาร์เอสมุมแดง


เจ้าของแชมป์เดิมที่ส่งกลุ่มนักร้องสาว Girly Berry มายั่วยวนสายตากันอย่างต่อเนื่องยาวนานเป็นปีแล้ว ปีนี้เธอกลับมา

ด้วยอัลบั้ม Reality แต่ด้วยสังขารของร่างกายที่ผายผอม จนแทบจะเหลือแต่ "หนังหุ้มกระดูก" บวกกับสรีระสำคัญอย่างหน้าอกหน้าใจ ที่ดูไปๆ ก็ให้นึกถึง "กระดานโต้คลื่น"

ทำให้การออกมาดิ้นแด่วๆ พยายามเรียกร้องให้หนุ่มหันมองด้วยความหื่นกระหายต้องกลายเป็นหยุดมองด้วยความเวทนา


โชว์เกิร์ล"


บางรายก็สละทรัพย์ส่วนตัวซื้อซีดีเพื่อเป็นทุนอาหารกลางวันและเสื้อผ้าอาภรณ์ ด้วยใจหวังว่าพวกเธอจะเข้าใจถึงคำว่า"รูปร่างเซ็กซี่" กันได้อย่างแจ่มชัดเสียที มิเช่นนั้นแล้วอัลบั้มทั้งเรียลลิตี้

และอัลบั้มคอนเซ็ปต์แอบถ่ายที่เพิ่งผลิตออกมาคงมีค่าเป็นเพียงสื่อประกอบในการพิจารณาสังขารของวัดพระบาทน้ำพุเท่านั้นเอง


ละสายตาข้ามฝั่งมาทางฝากอโศก ค่าย Grammy ยักษ์ใหญ่


ฝั่งนี้กลัวจะน้อยหน้า อยากหาสาวๆ มาโชว์สัดส่วนเอาใจชายไทยบ้าง แต่เนื่องจากบุคลาการในค่ายมีจำกัด โดยเฉพาะการสร้างคนใหม่ให้เจ๋งกว่าบุคคลเมื่อ 10 ปีที่แล้วนั้นล้มเหลวโดยสิ้นเชิง

ครั้นจะไปชวน "ติ๊นา คริสติน่า" หรือ "ใหม่ เจริญปุระ" มาทำเอ็กซ์เซ็กซี่ ก็กลัวว่าน้ำหมากจะย้อยใส่ชุดสวย

เลยจำใจกัดฟันชักชวนสี่สาว

"แคทลียา ญาญ่าญิ๋ง เจนนี่ และเบล ไชน่าดอลล์" กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ในนาม 2007 ShowGirl โดยหวังจะใช้เรือนร่างและคอนเซปดึงดูดสายตาผู้พบเห็นที่หนีกระดูกเด็กดิ้นได้มาจากฝั่งลาดพร้าว


แต่ทุกข์ก็มาตกที่ผู้บริโภคอีก


เมื่อเหล่าป้าทั้งหลาย ที่อาจจะมีร่างกายสัดส่วนโค้งเว้าดีกว่ากลุ่มหลาน Girly Berry พอสมควร

แต่ด้วยสังขารทางด้านอายุอานามที่แต่ละคนผ่านเลยวัยใสมานานมากแล้วทำให้ภาพที่ปรากฏออกสู่สาธารณะชนเป็นภาพของการทรมานสังขารไปอีก ถึงแม้ว่าสี่สาว(แก่)ทั้งหลายจะตั้งอกตั้งใจ หมั่นฝึกซ้อม เรียนท่ายิมนาสติก ท่าบัลเล่ต์ ดัดแข้งดัดขาต่างๆ นานา

ซึ่งสังเกตได้จากสายตาที่มุ่งมั่นถึงแม้จะดูฝ้าฟาง แต่สภาพที่ออกมาก็ทำให้ผู้ชมที่เฝ้าดูต้องปากอ้าตาค้างด้วยความลุ้นระทึกมากกว่าความรู้สึกกำหนัด เนื่องด้วยกลัวว่าปูชนียบุคคลทั้งสี่จะพิกลพิการไปก่อนที่ลูกหลานจะได้กราบไหว้บูชา


โบราณบุคคลทั้งสี่ มีอายุอานามเฉียดใกล้เลขสาม


ซึ่งจากอายุดังกล่าวพบว่าหญิงไทยส่วนใหญ่มักหาหน้าที่การงานที่มั่นคง หรือแต่งงานมากกว่าการมาเต้นแร้งเต้นกา เสี่ยงต่อการเป็นข้อกระดูกอักเสบเช่นนี้

สำหรับกลุ่มสาวจากลาดพร้าวกับกลุ่มสาวจากอโศก ที่ถึงวินาทีนี้คงจะปฎิเสธไม่ได้ว่าไม่ได้ออกมาแข่งกัน ซึ่งคงจะมีแต่เด็กประถมสองบางคนเท่านั้นที่เชื่อ เมื่อนำมาเปรียบมวยกันให้เห็นๆ จะพบว่าทั้งสองกลุ่มมีข้อดี ข้อด้อยที่ต่างกัน


ให้เกียรติผู้อาวุโสก่อน 2007 Showgirl


เป็นกลุ่มนักร้องที่เต้นเก่ง มีการนำลักษณะการเต้นที่แปลกใหม่ และเรื่องของเสื้อผ้าที่อลังการงานสร้าง

เปลี่ยนทุกๆ เพลง แต่ก็เท่านั้น "เสื้อผ้า" ที่ปริมาณมากแต่ "เนื้อผ้า" ปริมาณน้อยเหล่านั้น ไมได้ช่วยส่งเสริมให้วัยของสี่สาวลดน้อยลงได้ เสื้อผ้าที่เหมาะสมกับกลุ่มนักเต้นกลุ่มนี้คือ เสื้อผ้าที่ปกปิดร่างกายมิดชิด เพื่ออำพรางสังขารและตีนกาให้มากที่สุด

และควรลดท่าเต้นที่เสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุนลงให้มากๆ ทั้งเพลง ทั้งท่าเต้น ไม่ได้อยู่ในระดับที่จะให้ใครต่อใครจดจำได้แม้แต่น้อย


มาด้านฝั่งหลาน กลุ่มหลานๆ Girly Berry มีดีที่สดกว่า สาวกว่า(ในด้านอายุ)


หรือกล่าวง่ายๆ ว่าโชคดีที่เกิดมาทีหลัง ซึ่งก็มีแค่นั้นจริงๆ ความสาวไม่ได้สร้างความรัญจวน ใจแก้ผู้พบเห็นกว่ากลุ่มป้าเลย เนื่องจากเรือนกายที่ผ่ายผอมจนถึงขั้นน่ากลัวมากกว่าน่ามอง บวกกับเสื้อผ้าจากสไตลิสต์ทำให้หลานๆ ออกมาในลักษณะการสะบัดชิ้นเนื้อ ชวนให้เวทนา หดหู่มากกว่าหื่น

ทางออกที่สมควร คือกลับไปตั้งใจเรียนหนังสือ

ให้สารอาหารที่ชื่อความรู้ซึมเข้าสมองมากๆ จะได้ไม่ต้องถูกผู้บริหารทางค่ายมาคอยกรอกหูว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นี้ สวยงามน่ามอง


แต่ไม่ว่าจะเป็นสี่ป้า หรือสี่หลาน ที่ออกมาประชันสรีระแข่งกันเซ็กซี่


จะเป็นฝ่ายมีชัยในแง่ของการถูกพูดถึง แต่เชื่อว่ามันไม่ได้ช่วยให้ยอดจำหน่ายเพลงโดยรวมของทั้งแกรมมี่และอาร์เอสดีขึ้นแต่อย่างไร เพราะดูจากยอดขายหลังจากวางจำหน่ายมาได้พักหนึ่งแล้ว ทั้งคู่ก็ไม่ได้มีอะไรที่ติดชาร์ตมากเท่าที่คาด ถือเป็นความ "พ่ายแพ้"ของทั้งสองค่ายไปพร้อมๆ กัน

พร้อมกับเป็นการประกาศให้เห็นว่า การขายเซ็กส์นำหน้าขายเพลงนั้นไม่ได้ช่วยให้ตลาดคนฟังเพลงยุคโหลดแหลกกลับมาเฟื่องฟูแต่อย่างไร?


















ขอขอบคุณข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพจาก


หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์